รีวิว New Mitsubishi Pajero Sport ไมเนอร์เชนจ์ที่ปรับออปชั่นพรีเมี่ยมอีกเพียบ
เมื่อนึกถึงรถยนต์อเนกประสงค์ที่ให้ความคุ้มค่าทั้งสมรรถนะ ฟังก์ชั่นการใช้งานและราคาที่เหมาะสมเจ้า
"มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต" นับว่าเป็นรถที่ตอบโจทย์ได้ใกล้เคียงมากที่สุดในขณะนี้ แต่ว่าทางมิตซูบิชิไม่หยุดแค่นั้น! ยังพัฒนารถ SUV/PPV ที่ดีอยู่แล้วให้เข้ากับธีมของค่ายมิตซูบิชิที่ปรับหน้าใหม่ในหลายรุ่น แล้วก็ถึงคิวของปาเจโรใหม่ที่ถูกปรับโฉมในรูปแบบ "ไมเนอร์เชนจ์" ซึ่งเมื่อได้ทดสอบและสัมผัสกับมันจริงๆ กลับพบว่าภายใต้รูปทรงและหน้าตาที่ดูเหมือนเปลี่ยนไม่มากนักกลับมีอะไรที่เพิ่มขึ้นมาอีกเยอะอย่างที่รุ่นก่อนหน้าไม่มี!!!
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ทริปเข้าป่าลุยโคลนลองขับ 4 Super Select 4WD-II
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ไม่รอช้าจัดทริปขับจริงทั้งถนนดำ-ถนนแดง-และถนนโคลนให้สื่อมวลชนได้ลองสมรรถนะ แต่ที่น่าสนใจกว่านัน้คือได้สัมผัสฟังก์ชั่นหรือออปชั่นที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากรุ่นก่อนหน้าที่กล้าบอกได้ว่า ปรับใหม่ให้เยอะโดยเฉพาะรุ่น GT-PREMIUM เรียกว่า "ตัวท็อป ออปเยอะ ราคาถูกสุด" ในรถระดับเดียวที่จำหน่ายในประเทศไทย
ในทริปนี้ได้นำ
New Mitsubishi Pajero Sport GT-PREMIUM ทั้งหมด 8 คัน และรถทีมงานเซอร์วิส เดินทางจากกรุงเทพมหานครสู่หัวหิน แต่มีช่วงทดสอบพิเศษสุดที่นับเป็น
"ครั้งหนึ่ง" ในชีวิตกับการได้ขับรถชมธรรมชาติในเขตพื้นที่ปิดของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่ให้เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น และยังเคยเป็นจุดที่ "
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี" และ
"สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา" หรือ
"องค์ภา" ที่เรารู้จักกันดี ใช้เป็นที่ประทับเมื่อครั้งทรงงานด้านการดูแลฟื้นฟูธรรมชาติของป่าแห่งนี้ นับเป็นบุญยิ่งนักที่ได้เข้าไปสัมผัสกับตัวเอง ซึ่งไม่สามารถที่จะเข้าข้างในนี้ได้ง่ายๆ
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ปรับอะไรบ้างต่างกับรุ่นเดิมอย่างไร?
ในการปรับโฉมมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ หากมองผ่านๆ คิดว่าปรับหน้า ทาปาก เปลี่ยนล้อ แต่ความจริงเจาะลึกลงไปในรายละเอียดนั้น มีการปรับปรุง เพิ่มเติม ใส่ฟีเจอร์ที่เหนือกว่ารถระดับเดียวกันเพียบ! มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
ภายนอกมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่
ปรับหน้าใหม่หมดเริ่มที่ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ Bi-LED กับระบบปรับลำแสงอัตโนมัติเช่นเดิมแต่มีความแบนแคบลงเพื่อรับกับกระจังหน้าลายใหม่ และฝากระโปรงหน้าที่ถูกปรับระดับให้สูงขึ้นเพื่อการลุยน้ำลึกได้ดีขึ้น กันชนหน้าใหม่ และที่เด็ดสุดคือชุดไฟคอมบิเนชั่นที่มี 3 ชั้น ไฟเลี้ยวที่ชั้นบนสุด ตรงกลางเป็นไฟส่องขณะเลี้ยวเพียงเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวและหักพวงมาลัยตามทิศทางที่เลี้ยว และสุดท้ายไฟตัดหมอก นับว่าเป็นจุดที่โดยเด่นมากขึ้น
ไฟท้ายอาจดูแล้วแตกต่างไม่มากนักแต่ที่จริงนั้น ลายในชุดไฟก็ถูกออกดแบบใหม่และส่วนไฟสะท้อนแสงหรือทับทึบเดิมที่ต่อลากยาวที่ด้านล่างถูกตัดออกและย้ายไปอยู่ตรงกันชนหลังแทน ทำให้ "หางถั่วงอก" สั้นลงดูดีขึ้นเยอะ และยังปรับทรงของหางหลังหรือสปอยเลอร์ใหม่ เล่นระดับมากขึ้น แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าที่จะตรงๆ เรียบๆ
ส่วนของเสาอากาศเดิมที่ใช้เป็นเสาแท่ง (ในรุ่นแรกสุด) และต่อมาเปลี่ยนเป็นแบบฝังในกระจก (รุ่น ELITE) และในรุ่นล่าสุดนี้ใช้เป็นครีบฉลามในอารมณ์สปอร์ตโดยแท้ พร้อมกับล้อแม็กซ์ลายใหม่ดุดันกว่าเดิม
ประตูท้ายไฟฟ้า!!!! มาช้าแต่ชัวร์โดยติดตั้งในรุ่น GT-PREMIUM ขึ้นไป นับเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ให้มาในราคาค่าตัวที่คุ้มมาก โดยฝาท้ายไฟฟ้านี้สามารถใช้ระบบเท้ากวาดหรือ "Hands-Free" แถมยังสั่งตั้งเวลาเปิดได้จากสมาร์ทโฟนโดยผ่าน แอปพลิเคชั่น M-Connect โดยค้นหาคำว่า "MITSUBISHI Remote Control" อีกด้วย เช่น เมื่อเราถือของหนักๆ และกำลังรู้ว่าจะเดินไปที่รถเวลาไหนก็ตั้งเวลารอผ่านแอพฯได้เลย แต่ระบบนี้จะต้องทำงานควบคุมกับกุญแจรีโมท KOS ในระยะไม่เกิน 30-40 ซม. เพื่อความปลอดภัย หากถึงกำหนดเวลาแล้วยังไม่ถึงรถระบบก็ยังไม่เปิดประตูให้ ไม่ต้องกลัวใครจะมาหยิบของในรถก่อนเราจะถึง เซฟๆ เลย
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ระบบแฮนด์ฟรีปกติได้เพียบมีกุญแจติดตัวและใช้เท้ายืนเข้าไปใต้กันชนในช่วงมุมทั้งซ้ายหรือขวาแค่นี้ประตูก็เรียบร้อย
*เซ็นเซอร์ระบบแฮนด์ฟรีประตูท้ายไฟฟ้าจะต้องยืนเท้าเฉพาะบริเวณมุมซ้ายหรือขวาใต้กันกันชนเท่านั้น ไม่สามารถยื่นตรงกลางได้ เพื่อป้องกันประตูเปิดโดนผู้ใช้งานนั่นเองครับ
ภายในมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่
ภายในของปาเจโรใหม่นับแอบมีอะไรซ่อนไว้เยอะมาก เริ่มต้นที่มาตรวัดจอแสดงผลแบบ LCD 8 นิ้ว ที่คล้ายกับรถยุโรประดับพรีเมี่ยม และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้ 3 รูปแบบคือ
แบบที่ 1 เป็นวงกลมใหญ่ตรงกลางแสดงสเกลความเร็ว โดยมีส่วนครึ่งวงกลมด้านขวาเป็นความเร็วรอบเครื่องยนต์
แบบที่ 2 คล้ายแบบที่ 1 เพียบสลับวงกลมในบอกรอบเครื่องยนต์และครึ่งวงกลมด้านขวาแสดงอัตราสิ้นเปลือง
แบบที่ 3 แแบสปอร์ตสุดๆ แบ่งเป็นฝั่งซ้ายเป็นความเร็วรอบฯ ฝั่งขวาเป็นความเร็ว KM/H
โดยทั้ง 3 รูปแบบนั้นพื้นที่ตรงกลางจอแสดงความเร็วเป็นตัวเลขและด้านล่างจะเป็นรูปตัวรถแบบ 3 มิติ เหมือนกันหมด นอกจากนี้ในรูปรถ 3 มิตินั้นยังแสดงสถานะในการเบรกด้วยไฟเบรกที่ติดขึ้นมาจริงๆ อีกด้วย
นอกจากมาตรวัดสุดล้ำและด้านข้างฝั่งซ้ายแสดงระดับความร้อนหม้อน้ำและฝั่งขวาบอกระดับน้ำมัน โดยหน้าจอแบบนี้นับว่าเป็นรถอเนกประสงค์หนึ่งเดียวในไทยของรถระดับนี้ที่กล้าใส่หน้าจอ LCD มาให้กับราคาที่ไม่แรงเกินไปอีกด้วย
เครื่องเสียงบิว-อินใหม่ จอใหญ่ระบบเชื่อมต่อทันสมัยขึ้น ขนาด 8 นิ้วระบบสัมผัสที่ตอบสนองได้ไวเว่อร์ สามารถเชื่อมต่อไอโฟนได้ (แต่ฝั่งแอนดรอยอดยังต้องรอทางด้านลิขสิทธ์ผ่านก่อน) มาพร้อมเนวิเกเตอร์ที่มีความราบละเอียดและแม่นยำระดับ 8/10 แถมยังมีการแจ้งเตือนเมือเจอ "กล้องตรวจจับความเร็ว" ที่กำลังจะขับผ่านพร้อมเสียงเตือนอีกต่างหาก เป็นฟีเจอร์ที่คนขับรถชอบแต่ว่าทางหลวงอาจเกลียดก็เป็นได้
ไม่ลืมความบันเทิงสำหรับครอบครัว แต่อัปเดตใหม่ด้วยจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่ใหญ่ขึ้นเป็น 12.1 นิ้ว พร้อมหูฟังอินฟราเรดเช่นเดิม พิเศษด้วยระบบ mirror link แสดงภาพมือถือขึ้นจอและใช้ได้ทั้ง IOS และ Android แถมเชื่อมต่อง่ายไม่ยุ่งยากอีกด้วย
ความกว้างขวางของปาเจโรใหม่ที่อยากจะเล่าให้ฟังว่า ส่วนของที่นั่งตอนหน้าถูกปรับขยับระยะต่างๆ ให้กว้างขึ้น โดยคอนโซลกลางถูกหดให้แคบลงข้างละประมาณ 3 ซม. ฝั่งแผงประตูโดยเฉพาะมือจับนั้นถูกขยับถอยลงมาเล็กน้อยและทำให้ชิดกับแผงประตูมากขึ้นข้างละประมาณ 3 ซม. เช่นกัน ทำให้ฝั่งคนขับนั้นใช้งานสวิตช์กระจกไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น ข้อมือไม่ติดอีกต่อไปหลังจากรุ่นก่อนหน้าที่แคบและติดมานาน
คอนโซลกลางเหมือนจะเหมือนเดิมแต่ไม่เหมือนเดิม! นอกจากชุดเครื่องเสียงที่หน้าตาเปลี่ยนไปแล้ว ชุดควบคุมระบบปรับอากศก็ใหม่อีกด้วย เป็นแบบปุ่มหมุนๆ แยกปรับอิสระซ้ายขวา เพิ่มสวิตช์ควบคุมระบบเปิด-ปิดประตูท้ายไฟฟ้า และไฟฉุกเฉิน นอกจากนี้ตรงฐานเกียร์ยังขยับเลื่อนถอยหลังลงมาและดีไซน์แผงสวิตช์ปุ่มปรับระบบ Super Select 4WD-II และติดตั้งปุ่มควบคุมระบบ "Auto Hold" เพิ่มเข้ามาจากเดิมที่มีแค่สวิตช์เบรกมือไฟฟ้า
ยังไม่หมดครับ ใต้คอนโซลกลางนั้นออกแบบใหม่เพิ่ทมช่องว่างที่ทะลุถึงกันได้เอาไว้วางของได้เยอะขึ้นและด้านบนใต้แผงควบคุมแอร์ก็เพิ่มช่อง USB ให้ใช้งานอีกด้วย บอกแล้วว่าไม่เหมือนเดิมนะครับ
สำหรับความสะดวกสบายที่มีให้เช่นเดิมก็ได้แก่ เบาะไฟฟ้าคู่หน้า แอร์หลังพร้อมสวิตช์ควบคุม เบาะแถว 2 - 3 ปรับพับได้ โดยเบาะแถว 2 ยังปรับระดับพิงหลังได้อีกด้วย สรุปว่าภายในก็ปรับเยอะพอสมควรรับรองว่าคุ้มค่ากว่ารุ่นเดิมแน่นอนครับ
สมรรถนะคลีนดีเซล 2.4 ลิตร เทอร์โบ 181 แรงม้า 430 นิวตันเมตร 8 AT ที่ไว้ใจได้เช่นเดิม
สำหรับเรื่องสมรรถนะเครื่องยนต์รวมถึงระบบช่วงล่างใช้แบบเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเพราะของเค้าดีอยู่แล้ว พลังคลีนดีเซล 4 สูบ 2.4 ลิตร เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูเลอร์ 181 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ในทุกรุ่นย่อย แรงและประหยัดอัตราเร่งต่อเนื่อง นุ่มนวลไม่กระชาก ถูกใจพ่อบ้านหัวใจสปอร์ตมาตั้งแต่รุ่นแรกเปิดตัว จึงถือว่ามีอาวุธดีไม่ต้องไปเปลี่ยนอะไรแล้วครับ
ช่วงล่างก็นับเป็นจุดเด่นของปาเจโรมา สปอร์ตตั้งแต่รุ่นแรกๆ ให้ความนุ่มนวลและตอบสนองการขับขี่เข้าโค้งได้ดี แต่!..ทางด้านมิตซูบิชิบอกว่ายังไม่พอขอปรับรายละเอียดเล็กน้อยเนื่องจากรุ่นใหม่นี้มีการเอายางอะไหล่ออกไปซะ ใช้ชุดคิทปะยางแทนที่ เพราะเห็นว่ากลุ่มผู้ใช้รถสไตล์นี้เริ่มมีสุภาพสตรีมากขึ้นเรื่อยและการ
เปลี่ยนยางอะไหล่นั้นไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายนัก แม้แต่ผู้ชายยังเหนื่อย
ดังนั้นจึงให้เป็นชุดคิทที่ใช้เติมลมเข้าไปและสามารถวิ่งออกจากจุดเกิดเหตุไปถึงร้านปะยางได้อย่างสะดวกกว่า ผลจากการออกชุดติดตั้งยางอะไหล่ออกนั้นมันมีผลกับนำหนักตัวรถและการทรงตัว ทางวิศวกรมิตซูบิชิจึงต้องปรับปรุงประสิทธิภาพของสปริงชุดหลังให้เหมาะสมกับน้ำหนักที่เปลี่ยนไปด้วยการเปลี่ยนมาใช้ขดปสริงเส้นผ่านศูนย์กลางที่ลดลง 6 มม. แต่ผลที่ได้กลับทำให้นุ่มนวลและทรงตัวดีกว่าเดิมแบบเกินขาด สิ่งหนึ่งเป็นเพราะยางอะไหล่ที่เคยถ่วงส่วนท้ายรถนั้นหายไปแล้วนั่นเอง
Super Select 4WD-II ของดีสำหรับรถขับสี่ล้อ
Super Select 4WD-II ในรุ่น4WD GT-PREMIUM ที่มาพร้อม 4 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมด 2H ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD High-Range) โหมด 4H (4WD High-Range) ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-Time All Wheel Control โหมด 4HLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง (4WD High-Range with Locked Transfer) และ โหมด 4LLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำ (4WD Low-Range with Locked Transfer) นอกจากนี้ ยังมาพร้อมโหมดออฟโรด 4 รูปแบบ ได้แก่ Gravel, Mud/Snow, Sand และ Rock รวมทั้งระบบล็อกเฟืองท้าย
ความปลอดภัยเยอะสุดในค่าตัวระดับนี้
กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor) และฟังก์ชั่นใหม่ ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA) ช่วยเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถคันอื่นอยู่ด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด ซึ่งรุ่นใหม่ใช้ระบบโซน่าในการส่งสัญญาณแล้วจะทำให้ได้ระยะที่ไกลกว่าเดิมที่เป็นเซ็นเซอร์ธรรมดา
นอกจากอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและฟีเจอร์ใหม่ข้างต้น มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ยังครบครันด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยทั้งแบบป้องกันและแบบปกป้องมากที่สุดเมื่อเทียบกับรถอเนกประสงค์ในระดับเดียวกัน
ระบบความปลอดภัยประกอบด้วยระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (UMS) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวพร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (ASTC) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) และระบบอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยอัจฉริยะ (ETACS)
เทคโนโลยีความปลอดภัยแบบปกป้องได้แก่ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง และโครงสร้างตัวถังนิรภัย RISE (Reinforced Impact Safety Evolution) ที่ใช้เหล็กแรงดึงสูงเพื่อช่วยลดการยุบตัวของห้องโดยสารจากการชนทุกทิศทางเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ไฮเทคอีกขั้นกับแอพพลิเคชั่น M-Connect
เจ้าของรถ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ สามารถใช้งานรถได้ด้วยความมั่นใจและปลอดภัยยิ่งกว่าเดิมด้วยแอพพลิเคชั่น M-Connect รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลของตัวรถไปยังสมาร์ทโฟน โดยมี 4 เมนูหลัก ได้แก่
- Roadside Assistance บริการช่วยเหลือบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมงเมื่อสั่งการผ่าน สมาร์ทโฟน และหน้าจอระบบสัมผัส SDA
- Vehicle Information การรายงานข้อมูลทั้งสภาพรถ ประวัติการเข้ารับบริการ และแสดงข้อมูลตัวขณะขับขี่
- Vehicle Health Report การแจ้งเตือนสถานะของตัวรถเพื่อการตรวจสอบและซ่อมบำรุง อาทิ ระบบกุญแจอัจฉริยะ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบเบรกเป็นต้น
- Emergency Call การประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ตลอด 24 ชั่วโมง โดยระบบนี้ทำงานทันทีเมื่อถุงลมนิรภัยทำงานหรือสั่งการผ่านสมาร์ทโฟนและหน้าจอระบบสัมผัส SDA
การขับทดสอบมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่
การทดสอบในทริปนี้บนถนนดำหรือเส้นทางปกติอาจไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้ามากนักทั้งเรื่องความนุ่มนวล อัตราเร่งที่ขึ้นแบบนุ่มๆ ไม่กระชากแต่ไต่ระดับความเร็วได้ดี ช่วงล่างให้ความรู้สึกที่หนึบขึ้นน่าจะเป็นผลจากน้ำหนักชุดยางอะไหล่ที่หายไป
โดยเรื่องอัตราเร่งนั้นถ้าปรับจูนให้มีมากขึ้นกว่านี้จะทำให้มั่นใจมากขึ้นทุกครั้งที่เร่งแซง ด้วยน้ำหนักตัว 2 ตัน เยอะใช่ย่อย การเร่งแซงแแบโรลลิ่งดูเหมือนมีอาการ "รอ" อยู่บ้าง และในส่วนของช่วงล่างที่นุ่มนวลมากนั้น เมื่อขับทางไกลและต้องเข้าโค้งหรือเลปี่ยนเลนบ่อยมีอาการ "ยวบ" อยู่บ้าง แต่ก็น้อยลงกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ นับเป็นการบ้านที่ทางวิศวกรมิตซูบิชิอาจต้องลองทำเซอร์เวย์ดูว่า "คนไทยชอบแบบไหนกว่ากัน"
ส่วนระบบช่วยเหลือต่างๆ ที่ได้ลองใช้ ก็เช่น ระบบความปลอดภัยประกอบด้วยระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM) ที่บางช่วงทดสอบมีเตือนขึ้นมาเมื่อเข้าใกล้รถคันข้างหน้า ระบบนี้สามารถตั้งระยะห่างได้เองด้วย ส่วนระบบ Adaptive Cruise Control นับว่ายังคงฉลาดเช่นเคยสามารถแปรผันความเร็วตามรถคันหน้าได้ แม้จะมีรถเบี่ยงเลนเข้ามาแทรกระบบก็สามารถตรวจจับได้และลดความเร็วที่สำคัญ "ไฟเบรกทำงานด้วย" เพื่อให้รถคันที่ตามมาเห็นว่ากำลังลดความเร็วลงแล้ว
เมื่อถึงอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ขบวนของสื่อมวลชนเข้าสู่เส้นทางออฟโรดธรรมชาติระยะทาง 9 กม. เพื่อทดสอบระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II โดยตลอดเส้นทางนี้จะมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานคอยดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อย โดยเน้นย้ำอีกทีนะครับว่าเส้นทางที่ขบวนมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ตใหม่ขับเข้าไปนั้น เป็นกรณีพิเศษจริงๆ เป็นพื้นที่ปิดไม่ให้ท่องเที่ยว ใช้เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น ครั้งนี้จึงเป็นเส้นทางสายพิเศษสุดที่ได้ขับชมป่า เขา สัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง
ถนนของเส้นทางที่ขับนั้นเป็นดินโคลนซะส่วนใหญ่ บวกกับฝนตกบ่อยๆ ทำให้ลื่น เละ และแฉะเป็นพิเศษเหมาะกับการใช้ระบบ Super Select 4WD-II ยิ่งนัก การขับเข้าไปนั้นมีการจอดรถเปลี่ยนโหมดการขับขี่เป็น 4HLc และใช้เพียบโหมดเดียวตลอดการขับทดสอบขนออกมา ซึ่งโหมดนี้เป็นสเหมือนโหมด 4L ขับเคลื่อสี่ล้อแบบ Full-Time ของรถขับเคลื่อนสี่ล้อทั่วไป แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือ สามารถใช้ความเร็วได้คล้ายกับโหมด 4H แต่มีกำลังในการตะกุยหรือปีนไต่ได้เทียบเท่าโหมด 4L นั่นเอง จึงทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนโหมดบ่อย และขับง่ายแม้ไม่มีทักษะใดๆ เลยก็ตาม
นอกจากนี้หากเจอหลุมโคลนลึกๆ ก็มีโหมด 4LLc และ Drif-Lock มาให้ใช้อีกด้วย โหมดขับสี่ในปาเจโรใหม่นั้นมีให้เลือกใช้งานเยอะกว่าชาวบ้านเค้าจริงๆ และในการขับลุยเส้นทางในอุทยานนั้นก็ใช้เพียงโหมด 4 HLc และเดินคันเร่งเนียนๆ ก็เพียงพอ นอกจากนี้ช่วงทางตรงยาวๆ ก็สามารถเร่งความเร็วได้อีกด้วย โดยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเต็มกำลังก็ทำงานอยู่ เหมือนตัวเองเป็นนักขับรถแข่ง "แรลลี่" เพราะควบคุมรถได้ง่ายเหลือเกินครับ
อย่างที่แจ้งไว้ว่าสมรรถนะของเครื่องยนต์และช่วงล่างนั้นไม่เน้นมากนักในทริปนี้ จะเน้นก็แต่ฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้นมาใหม่และน่าสนใจเป็นหลัก การทดสอบในสภาพถนนโหดๆ จึงมีให้ขับไม่มากนัก เน้นใช้งานระบบความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันมากกว่า
ส่วนเรื่องความประหยัดของปาเจโร สปอร์ตใหม่นั้น สำหรับคันใหญ่กำลังเยอะระดับนี้นับว่าอยู่ "หัวแถว" ในกลุ่มพิกัดเดียวกัน ซึ่งอาจไม่แตกต่างกันมากนักขึ้นการลักษณะการขับขี่ แต่ให้เน้นการใช้งานที่คุ้มค่าสะดวกสบายในการเดินทางมากกว่าครับ
หากชอบรถครอบครัวที่ให้ความคุ้มค่าสะดวกสบายด้วยฟีเจอร์เด็ดๆ นุ่มนวลในการเดินทางและสะดวกด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆ มากมายที่ให้มากที่ในรถระดับเดียวกันที่ราคาไม่เกิน 1.6 ล้านบาท มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไป โดยในรุ่น 4WD GT-PREMIUM ที่มีของเล่นไฮเทคเยอะที่สุดมาในราคาเพียง 1,599,000 บาทเท่านั้น
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ เลือกรุ่นย่อยที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงได้ถึง 3 รุ่น รุ่นล่างสุดสำหรับความประหยัดด้านราคาไม่เน้นออปชั่นมากมายขับได้ใช้งานดีงบไม่สูงก็ต้อง 2WD GT หากชอบความหรูหราออปชั่นล้นๆ ใช้งานสะดวกความปลอดภัยที่มากขึ้นก็ขยับไป 2WD GT-PREMIUM และสำหรับสายท่องเที่ยวลุยดงเข้าป่าบ่อยๆ ก็ต้อง 4WD GT-PREMIUM ไปเลย
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่มาพร้อม 2 สีใหม่ ได้แก่ สีขาว White Diamond และ สีเทา Graphite Gray และอีก 3 สีภายนอกยอดนิยม ได้แก่ สีดำ Jet Black Mica สีเงิน Sterling Silver และ สีน้ำตาล Deep Bronze