ฟิล์มรถยนต์ ต้องเปลี่ยนเมื่อไหร่?
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์นับเป็นอุปกรณ์ที่คู่กับรถแทบทุกคันไปแล้ว (ยกเว้นรถสาธารณะ) เพราะแสงแดดที่ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทย และรถติดส่งผลให้ใช้เวลาในการสัมผัสกับสายลมแสงแดดนานมากขึ้น การติดตั้งฟิล์มส่วมมากก็จะติดมากับโชว์รูมที่ออกรถใหม่ๆ ใช้งานกันยาวๆ เกิน 5 ปี แต่น้อยคนนักที่จะสังเหตุว่า คุณภาพของเนื้อฟิล์มที่ติดตั้งมานานแล้วย่อมเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน ไม่ว่าแบรนด์ใหญ่ที่การันตีว่าอยู่ได้ 7 - 10 ปี มาเจอแดดในไทยก็เรียบร้อยไปก่อนวันอันควรแทบทุกราย!
จะมืดกี่เปอร์เซ็นต์ก็อายุเท่ากัน
บางท่านอาจบอกว่าติดฟิล์มมืดแสงผ่านได้น้อย ย่อมอยู่ได้นานกว่ารถที่ติดฟิล์มแบบแสงผ่านได้มาก ความจริงนั้นพอๆ กัน เพียงแต่ถ้าติดฟิล์มทึบและมืดจะสังเกตุเห็นความผิดปกติของเนื้อฟิล์มได้ยากกว่าฟิล์มแบบใสเท่านั้นเอง ดังนั้นอายุการใช้งานพอๆ จึงกัน
เกรดหรือชนิดวัสดุของฟิล์มนั้นก็มีผลให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้นด้วย เช่น ถ้าเป็นแบบเซรามิค ย่อมมีอายุยาวนานกว่าแบบธรรมดา ขึ้นกับคู่มือของผู้ผลิตแต่ละรายไป
เปอร์เซ็นต์ความมืดที่เข้าใจผิดกันมานาน
โดยทั่วไปแล้วเรามักเข้าใจว่าความมือของฟิล์มนั้นเรียกเป็น 40, 60 และ 80 เปอร์เซ็นต์ (รวมถึงผมด้วย) แต่ความจริงนั้นผู้ผลิตฟิล์มจะใช้เรียบกลับกันกับที่เราคุ้นเคย นั่นคือ หากฟิล์มที่เราๆ เรียกกันว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ในสเปคของฟิล์มจริงจะเรียบว่า แสงลอดผ่าน 20 เปอร์เซ็นต์เป็นต้น และค่าที่แสงลอดผ่านก็ไม่เท่ากันเสมอไปบางรุ่นบางแบบก็แสงผ่านได้ 8 เปอร์เซ็นต์ ก็มี หากจะเรียกตามที่เราๆ เข้าใจก็คือความมืด 92 เปอร์เซ็นต์!!!!
เอาละ กลับมาที่แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าฟิล์มที่เราติดมาทั้งแบบแถมจากโชว์รูมหรือเสียเงินติดเองระดับหมื่นๆ บาทจะต้องเปลี่ยนเมื่อไหร่?
ฟิล์มเริ่มเสื่อมสภาพ
เป็นจุดหรือลอนคลื่น
หากฟิล์มที่เสื่อมหรือใกล้หมดสภาพนั้นเมื่อสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าผิวสัมผสจะเริ่มไม่เรียบ เป็นลอนคลื่น เมื่อมองผ่านแล้วจะลายตา รบกวนสายตาเมื่อมองผ่าน
ขอบหลุดลอก
ภาพที่มองผ่านฟิล์มที่เสื่อมสภาพอาจผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง ในบางกรณีเริ่มเห็นฟองอากาศเล็กๆ แทรกตามขอบกระจกหรือสำหรับรถที่มี "เส้นไล่ฟ้า" ที่บานหลังจะเห็นชัดเจนเพราะฟองอากาศมักเกิดตรงจุดนี้
เป็นรอยต่างๆ
ต่อมาก็สีที่เริ่มซีดจางลง มีรอยด่างไม่สม่ำเสมอกัน ขอบของแผ่นฟิล์มเริ่มหลุดลอกออกมา โดยเฉพาะขอบกระจกบานข้างๆ เมื่อเลื่อนลง-ขึ้น จะได้ยินเสียงของแผ่นฟิล์มที่เริ่มเผยอออกมาขุดกับขอบบานประตูนั่นเอง
ภาพนี้ติดทับ 2 ชั้น ทำให้ชั้นที่ติดเพิ่มนั้นหลุดร่อนออกมา
และอันสุดท้ายคือ เนื้อฟิล์มกรอบแตกหลุดลงมาเป็นชิ้นๆ หรืออาจเกิดจากการติดตั้งอุกรณ์ดูดกระจกสูญญากาศบางชนิดที่แน่นเกินไปจึงดึงให้เนื้อฟิล์มหลุดลอกออกมาด้วย
เลือกฟิล์มใหม่ให้เหมาะ
เมื่อทราบว่าฟิล์มเดิมเสื่อมสภาพแล้วจำเป็นต้องติดตั้งใหม่ หากไม่อยากโดดแดดเผา ก็ต้องเลือกฟิล์มที่ได้มาตรฐาน หากเลือกไม่ถูกหรือไม่ได้ศึกษาลึกมากนักก็ให้ดูยี่ห้อที่ดังๆ มีการใช้งานกันอยางแพร่หลายเป็นวงกว้าง มีการทำตลาดนานเกิน 10 ปี และที่ศูนย์บริการติดตั้งที่มากๆ เข้าไว้ อย่างน้อยก็สิ่งที่บอกได้ว่าฟิล์มยี่ห้อนั้น ได้มาตรฐานดีชัวร์!
นอกจากนี้ช่างที่ติดตั้งต้อง "เก่ง" ละเอียดรอบคอบได้มาตรฐานมากๆ เพราะขั้นตอนที่ต้องลอกฟิล์มเก่าออกมาในส่วนของกระจกบานหลังในรถที่มีระบบ "ไล่ฟ้า" หากช่างไม่มีความชำนาญพออาจเกิดความเสียหายต่อขอลวดความร้อนนี้ได้ ส่วนการติดฟิล์มใหม่ก็ต้องมีความปราณีตใจเย็นและมีความละเอียดสูง
เมื่อเลือกได้แล้วก็มาดูงบประมาณในการติดตั้ง โดยทั่วไปฟิล์มรถยนต์ทุกค่ายมักจะแบ่งเกรดหรือซีรีส์ของฟิล์มออกเป็น 3 หรือ 4 เกรด เช่น ฟิล์มธรรมดาราคาประมาณ 4,000 บาทขึ้นไป, ฟิล์มผสมสารเงาแสงหรือสะท้อนแสงราคาประมาณ 6,000 บาทขึ้นไป, ฟิล์มชนิดพิเศษวัสดุป้องกันแสงดียิ่งขึ้นราคา 8,000 บาทขึ้นไป และฟิล์มแบบเซรามิคที่ราคาสูงกว่าเพื่อนประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป (ขึ้นกับแต่ละยี่ห้อ)
เมื่อเราติดตั้งฟิล์มเรียบร้อยแล้วควรปฏิบัติดังนี้...
- ห้าม!!! เลื่อนกระจกเด็ดขาด 7 วันหลังจากนั้นใช้งานได้ปกติ และอาจมีการใช้ทิชชูอุดหรือยัดตามขอบตามๆ เพื่อให้ดูดซับความชื่นในบางจุด
- จอดตากแดดบ้างเพื่อไล่ความชื่นจากน้ำยากาวที่ติดฟิล์มให้แห้งสนิทเร็วขึ้น
- ห้ามใช้น้ำยาล้างกระจกหรือสารเคมีทุกชนิด เช็ดถูภายในหรือเนื้อฟิล์มเด็ดขาด ให้ใช้น้ำสะอาดและผ้านุ่มๆ เช็ดทำความสะอาดก็เพียงพอ เพราะจะทำให้เนื้อฟิล์มเสียหายจากสารเคมีต่างๆ ได้
- ระวังการถูกขีดข่วนกับฟิล์มโดยตรง อาจทำให้เกิดการฉีด หลุดหรือเป็นฟองอากาศได้ง่ายขึ้น
- ไม่ควรติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ระบบสูญญากาศ เพราะขณะที่ฟิล์มยังไม่สนิทอาจจะทำให้หลุดออกมาได้
- ไม่ควรติดทับฟิล์ม 2 ชั้น เพราะจะทำให้หลุดลอกง่ายและไม่แนบสนิทรบกวนสายตาขณะขับขี่
โดยสรุปแล้วให้มองเรื่องการใช้งานเป็นหลัก เช่นบางคนชอบความเป็นส่วนตัว เลือกแสงผ่านน้อย บางคนต้องลดความร้อนให้เลือกค่าของการลดความร้อนสูงๆ เข้าไว้ บางคนชอบใสๆ คลีนๆ ก็ให้ดูค่าการลดความร้อนกับการสะท้อนแสงเป็นหลัก นอกจากนี้ต้องดูงบประมาณที่จะติดตั้งด้วยว่ารุ่นไหนแบบใดคุ้มกับเงินที่จ่ายมากที่สุด โดยทุกรุ่นนั้นก็จะมีคุณบัติการลดความร้อนได้คล้ายๆ กัน เพียงเท่านี้ก็จะได้ฟิล์มใหม่ที่ตรงกับความต้องการใช้งานและทำให้รถคันโปรดดูขึ้นในทันที