รีวิว-ทดสอบสมรรถนะ ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ พร้อมลองระบบจอดอัตโนมัติรถยนต์
ทีมงาน CarGURU Thailand และ CheckRaka.com ได้โอกาสจากทาง บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด อีกครั้งกับการทดสอบสมรรถนะ ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ โดยครั้งนี้เป็นรุ่น ไฮบริด ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ Sport Hybrid i-MMD ระบบ Full Hybrid พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ไม่มีในรุ่น เทอร์โบ EL จากการทดสอบครั้งก่อน โดยการทดสอบใช้เส้นทางจากอำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ มุ่งหน้าสู่ อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา รวมระยะทางกว่า 153 กิโลเมตร พร้อมทดลองระบบช่วยจอดอัจฉริยะและระบบช่วยเบรก เพื่อความเข้าใจในเงื่อนไขการทำงานของระบบให้ถูกต้องก่อนใช้จริง
การทดสอบระบบช่วยจอดฮัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรก
ก่อนเริ่มการทดสอบทาง มร. เท็ตซึยะ มิยาฮะระ หัวหน้าทีมวิศวกรผู้พัฒนา
ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ บริษัท ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ได้มาอธิบายเกี่ยวกับการพัฒนาของรถรุ่นนี้พร้อมตอบข้อซักถามเบื้องต้น ผู้เขียนถูกวางให้เป็นกลุ่มที่ต้องทดสอบระบบช่วยจอดอัจฉริยะก่อน การทดสอบได้ใช้
แอคคอร์ด ไฮบริด เทค โดยจำลองเหตุการณ์บริเวณลานจอดรถของโรงแรมจุดปล่อยตัว เป็นช่องทดสอบโดยมีอุปสรรคจำลองติดตั้งไว้ด้านหลัง 1 ช่องทาง การใช้งานระบบนี้เริ่มจากหาตำแหน่งที่ต้องการจอด แล้วหยุดเหมือนจะจอดปกติ จากนั้นกดปุ่มกล้องมองภาพรอบทิศทางที่ก้านปัดน้ำฝนด้านซ้าย หรือจากเมนูหน้าจอเฮดยูนิท แล้วเข้าเกียร์ D จากนั้นกดปุ่มระบบช่วยจอดอัจฉริยะ การทดสอบเป็นการเลือกแบบถอยหลังจอด เมื่อกดปุ่มให้ระบบทำงานเรียบร้อย หน้าจอจะแสดงกรอบสีเขียว เพื่อกำหนดพื้นที่จอดให้เลือกระหว่างซ้าย-ขวา กรณีมีเส้นช่องจอดครบทั้งสองด้าน ถ้าระบบจับช่องที่มีเส้นจอดได้จะแสดงให้เห็นเป็นกรอบสีเขียวปกติ ถ้าไม่มีระบบจะจำลองเป็นเส้นประให้ เมื่อเลือกช่องที่ต้องการจอดจากการสัมผัสบนหน้าจอแล้ว ก็แค่ทำการเข้าเกียร์เดินหน้า ถอยหลังตามคำแนะนำบนหน้าจอโดยไม่ต้องจับพวงมาลัย เพราะระบบฯ จะบังคับให้อัตโนมัติ กรณีที่ระบบฯ ตรวจพบสิ่งกีดขวางและมีโอกาสชน ระบบเบรกอัตโนมัติก็จะเข้ามาทำงานเพื่อลดโอกาสในการชนให้ทันท่วงที ซึ่งจากการได้ลองก็นับว่าระบบช่วยจอดทำงานได้อย่างที่ต้องการจริงๆ รวมทั้งระบบช่วยเบรกด้วย สำหรับการใช้งานจริงของเจ้าของรถใหม่ แนะนำหาเวลาในการซ้อมใช้ระบบฯ เองก่อนเพื่อความเข้าใจและคุ้นเคย
การขับทดสอบขับทางไกล แบ่งรถ 1 คันต่อผู้ทดสอบขับ 2 คน ให้สลับกันขับตอนครึ่งทาง เส้นทางที่ใช้จากโรงแรมเชลซีในกระบี่ มุ่งหน้าพังงา พักสลับที่ร้านชมวิวแยกทับปุด ผู้เขียนได้ลองในช่วงขากลับ โดยเลือกใช้โหมด ECON ขับก่อน
หลังจากปรับท่านั่งและตำแหน่งของพวงมาลัยเข้ากับสรีระเรียบร้อย เทียบจากรุ่น
เทอร์โบ EL ที่ทดสอบก่อนหน้านี้ก็มีส่วนต่างชัดๆ ที่หน้าจอแสดงผลสามารถเลือกแสดงดูการทำงานของระบบไฮบริดได้ ตลอดจนมีโหมด EV ขับด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวให้ใช้ สำหรับรุ่น ไฮบริด เทค ก็จะได้ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยเพิ่มเข้ามาเติมเต็มความสมบูรณ์แบบ
หลังขับความเร็วปกติ ลองเร่งแซง และเปลี่ยนเลน ก็พบกว่าโหมด ECON ให้การตอบสนองที่เหมาะสมตามความประหยัด เหมาะกับการใช้ความเร็วในเมืองที่รถหนาแน่นไปเรื่อยๆ พอปรับมาเป็นโหมด SPORT การตอบสนองทันใจขึ้นชัดเจน เสียงการทำงานของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเกียร์ E-CVT ดังเข้ามาให้รู้ถึงรอบเครื่อง แต่จริงๆ ก็ดังไปหน่อย สำหรับผู้เขียนขับโดยไม่ได้เปิดเครื่องเสียงเพื่อฟังเสียงการทำงาน ตลอดจนเสียงผิดปกติต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น การเร่งความเร็วทำได้ดีเยี่ยม ยิ่งเป็นจังหวะการยกและเติมคันเร่งยิ่งแสดงให้เห็นถึงจุดเด่นของมอเตอร์ไฟฟ้าที่เติมกำลังได้อย่างทันใจ
ระบบช่วงล่างก็ตอบสนองได้แบบหนึบแน่นเกินความเป็นซีดานหรู นอกจากนี้ผู้เขียนยังได้ลองระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) เลือกตั้งจังหวะแรกไว้ที่ 60 กม./ชม. และเซ็ตความเร็วเพิ่มไปเรื่อยๆ จนจำกัดที่ 90 กม./ชม. จากจังหวะที่รถคันหน้าชะลอเบรก และหยุดนิ่งตามสัญญานไฟ พบว่าระบบนี้ให้การทำงานที่แม่นยำสามารถชะลอรักษาระยะห่างตามที่ตั้งไว้ได้ตลอด และเร่งลดความเร็วตามได้อย่างนุ่มนวล จังหวะที่ต้องชะลอจนหยุดนิ่ง ผู้เขียนต้องไม่ยุ่งกับคันเร่งและแป้นเบรกเลยนั้น ก็อดชักเท้ารอช่วยเบรกกระทันไม่ได้ แต่ระบบฯ ก็สามารถชะลอจนหยุดและรักษาระยะห่างจากคันหน้าได้อย่างมั่นใจ ช่วยให้การขับทางไกลสะดวกสบายขึ้น
อย่างไรก็ตามระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) และ ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW) ที่ทำงานตลอดเวลาระหว่างขับนั้นอาจสร้างความไม่คุ้นชินได้ง่ายๆ โดยเฉพาะ LKAS ที่มีจังหวะช่วยดึงพวงมาลัยเบาๆ กรณีรถคร่อมเส้นช่องทางรถโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว
สำหรับระยะทาง 80 กม. กับการขับบนถนนเปิดโล่งระหว่างจังหวะอาจยากที่จะบอกรายละเอียดอะไรได้มาก แต่สัมผัสแรกกับการขับฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ก็รู้สึกโอเคกับสมรรถนะตัวรถและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยใช้งานง่าย ถ้ามีโอกาสคงได้ทดสอบให้หลากหลายด้านการใช้งานมากกว่านี้ ด้านตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองจากการลองขับแบบเน้นสมรรถนะเต็มที่นั้นได้อยู่ที่ 14.00 กม./ล.
ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาวแพลทินัม (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) พร้อมสีภายในห้องโดยสาร 3 สี ได้แก่ สีน้ำตาล (เฉพาะรุ่น HYBRID TECH) สีไอเวอรี่เบจ และสีดำ ซึ่งขึ้นอยู่กับสีภายนอก รุ่นไฮบริด มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่
- รุ่น HYBRID ราคา 1,639,000 บาท
- รุ่น HYBRID TECH ราคา 1,799,000 บาท
ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ที่ทดสอบเป็นรุ่น HYBRID TECH ราคา 1,799,000 บาท ต่างจากรุ่น HYBRID ธรรมดา อยู่ 160,000 บาท แลกกับส่วนที่เพิ่มเข้ามาเด่นๆ อย่าง ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้ารถ - HUD, ซันรูฟ,สปอยเลอร์หลัง, และฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ได้แก่ ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-View Camera System - MVCS) และระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor - CTM) พร้อมการทดสอบระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System) และเซ็นเซอร์หน้า-หลัง 8 จุด ก็ต้องพิจารณาถึงการใช้งานจริงว่าแค่ไหนเพียงพอสำหรับผู้ใช้ เพราะเมื่อมาถึงรถราคาระดับนี้แล้ว ตัวเลขความต่างแสนหก อาจไม่ใช่นัยสำคัญในการเลือกซื้อมากไปกว่าความชอบและไม่ชอบในรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่าง ถ้าเป็นผู้เขียนราคาต่างราวนี้และซื้อผ่อนเป็นงวด ก็ต้องบอกว่าไปให้สุด จะไดัไม่คาใจภายหลัง !