ทดลองขับ นิสสัน ลีฟ ใหม่ ชาร์จไฟครั้งเดียว เที่ยวทั่วกรุง...
หากใครยังไม่รู้จักเจ้ารถยนต์ไฟฟ้า
"นิสสัน ลีฟ" คันนี้ดีพอ เราจะมาเกริ่นคร่าวๆ เบื้องต้น ก่อนเจาะลึกถึงความพิเศษกับค่าตัวที่หลายคนมองว่า "แพง" ไปสักนิด (2 ล้าน ทอน 1 หมื่น) แต่คุณเชื่อไหม...กับระบบความปลอดภัยที่นิสสันได้รางวัลการันตีว่าเป็นรถไฟฟ้าที่มีระบบความปลอดภัยดีที่สุดในโลก และเปลี่ยนการเติมน้ำมันมาชาร์จไฟแทน มันคุ้มค่ากับราคานะคุณ
มารู้จักรถไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ กัน
รถยนต์นิสสันลีฟ เป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วน 100% แบตเตอรี่เป็นลิเธียมไอออน จุไฟได้ 40 kWh ตัวแบตรับประกัน 8 ปี ระบบไฟฟ้ารับประกันให้ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ตัวรถเป็นแบบแฮทช์แบค 5 ประตู ไร้เครื่องยนต์ ไม่มีท่อไอเสีย ไม่มีสายพาน ไร้หัวเทียนบอด หม้อน้ำก็ไม่ต้องคอยเติมเพราะมันไม่มี ที่สำคัญไม่ต้องแวะปั๊มเติมน้ำมันหรือแย่งกันช่วงน้ำมันลดราคา เพราะรถชาร์จไฟอย่างเดียว
ภายในก็ไม่เล่นๆ คลุมโทนด้วยสีดำเบาะนั่งแบบสปอร์ตไร้เสียงรบกวน (เงียบมาก) พวงมาลัยแบบ D-Shape พร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชั่น จับกระชับมือ เกียร์ทรงกลมแบบกระปุกใช้โยกเบาๆ เกียร์ P แค่กด และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ e-Pedal ที่กดปุ่มเพียงครั้งเดียวตัวคันเร่งจะทำงานเป็นเบรคให้ด้วยอัติโนมัติ เมื่อเรายกเท้าออกจากคันเร่ง โดยไม่กระชาก หรือไหลไปชนคันหน้าให้ตกใจ
ทำความรู้จักระบบ e-Pedle 1 เดียวในรถไฟฟ้านิสสัน ลีฟ
ก่อนที่ออกไปทำภารกิจ 1 วัน กับการทดลองใช้รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ขอพูดถึง "เทคโนโลยี e-Pedal" ที่ผู้เขียนได้เอ่ยมาตั้งแต่ต้น "เทคโนโลยี e-Pedal" เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยการขับขี่ด้วยการเร่งความเร็ว ชะลอความเร็ว และหยุดรถด้วยการใช้คันเร่งเพียงอย่างเดียว โดยเมื่อปล่อยคันเร่ง รถจะชะลอความเร็วโดยอัตโนมัติจนถึงหยุดนิ่งได้โดยสมบูรณ์ แม้ว่าจะจอดรถค้างบนเนิน ก็ไม่จำเป็นต้องเหยียบแป้นเบรก ด้วยอัตราการชะลอความเร็วที่สูงถึงกว่า 0.2G
ทั้งหมดนี้จะช่วยลดความเหนื่อยล้า และความเครียดจากการขับขี่ในแต่ละวัน ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้แป้นเบรกน้อยกว่าการขับขี่รถยนต์ทั่วไปถึงกว่า 90 เปอร์เซ็นต์
หลังจากที่เราได้ทดลองระบบตัวนี้ทำให้ผู้เขียนรู้สึกคลายกังวลว่ารถจะทำงานได้ดีจริงๆ หรือไม่ รถจะชนหรือเปล่า และอันตรายมากน้อยแค่ไหน จนเมื่อมาทดลองด้วยตัวเองและไม่แตะเบรคตามที่อินสตรัคเตอร์บอกไว้แต่ต้น พอเราเข้าเกียร์ B และกดระบบ e-Pedal ตัวรถสามารถควบคุมการหยุด การเร่งได้ดีเยี่ยม จนผู้เขียนรู้สึกแปลกใจที่นิสสันสามารถพัฒนาระบบตัวช่วยนี้มาได้ยังไงและมันใช้งานได้แบบประสิทธิภาพสุดๆ
ในสนามผู้เขียนได้ทดลองขับโดยเลี้ยงคันเร่งทั้งโค้งสลาลม โค้งเป็นเลข 8 และใช่อัตราความเร็วในทางตรงเพื่อให้เข้าโค้งแบบสมูท โดยไม่แตะเบรค แต่ใช้การยกเท้าจากคันเร่งแทนเป็นการชะลอ ก็ไม่มีการกระชากให้รู้สึกอันตราย แต่เป็นการค่อยๆ ลด ค่อยเบรค จนผู้เขียนก็ยังสามารถกดคันเร่งขับไปได้อีกอย่างต่อเนื่อง
นิสสัน ลีฟ ใหม่ ขับทั่วกรุงเทพฯ ได้ทั้งวันด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว
การทดสอบครั้งนี้ นิสสัน ในประเทศไทย จัดกิจกรรมให้สื่อได้ทดสอบสมรรถนะ นิสสัน ลีฟ ใหม่ แบบ One Day Trip ด้วยการขับขี่ในสภาพการจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร และเดินทางสู่อำเภอ นครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ด้วยการชาร์จไฟเต็มเพียงครั้งเดียว กับสื่อมวลชนจำนวน 100 คน ที่จัดขึ้นเป็นระยะเวลา 5 วัน กับคอนเซปต์กิจกรรม 'rEVolution education' ครั้งแรกในประเทศไทย
หลังจากผ่านบทสอบก็ออกเดินทางตามจุดที่ทีมงานให้เราได้ทำการทดสอบอัตราประหยัดไฟฟ้าของนิสสัน ลีฟ จากพระรามเก้า ที่แรกแวะใกล้ๆ ดาดฟ้าห้างฟอร์จูน ก่อนออกสตาร์ทเรามีแบตเตอรี่ที่ชาร์จมาเต็ม 99% ด่านนี้เราขึ้นไปทดสอบระบบ e-Pedal กันอีกครั้ง ขณะที่ขับรถขึ้นที่จอดที่เป็นทางชัน รถมีอัตราเร่งดีเยี่ยม ทำงานสมูท และเสียงของห้องโดยสารก็นิ่งเงียบ เบาะหนังนั่งกระชับ พร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวางตามสไตล์ของรถนิสสัน และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งที่ชาร์จไฟในรถแบบ 12 V ช่องเสียบ USB และเกียร์ทรงกลมที่ควบคุมง่าย
สำหรับ นิสสัน ลีฟ ใหม่ ใช้ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (e-powertrain) ขนาดความจุ 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) มีกำลังเครื่องยนต์สูงสุด 110 กิโลวัตต์ (kW) และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ดีขึ้น จาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 7.9 วินาที เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% สามารถขับขี่ได้ระยะทางสูงสุดถึง 311 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (New European Driving Cycle)
นอกจากนี้ นิสสัน ลีฟ ใหม่ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง ได้แก่ เทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ด้านหน้าขณะขับขี่ (Forward Collision Warning) เทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Forward Emergency Braking) เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor) พร้อมด้วยเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection) และเทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Alert Assist)
ทั้งนี้ นิสสัน ประเทศไทย ยังพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมพัฒนาระบบนิเวศของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมทดสอบ นิสสัน ลีฟ ใหม่ ไอคอนของแนวคิด นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี และคงสถิติรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก ด้วยยอดขายที่มากกว่า 410,000 คัน
สำหรับรถยนต์นิสสัน ลีฟ รถพลังงานไฟฟ้าล้วน 100% ที่ทางนิสสัน ให้เราได้ทดลองระบบความปลอดภัยของรถ พร้อมทดสอบอัตราเร่ง และระบบ e-Pedal ทั้งวิ่งในเมืองและออกชานเมือง รถคันนี้นอกจากห้องโดยสารที่เงียบ เพราะไม่มีเสียงเครื่องยนต์มากวนใจ ถือว่าเป็นรถที่ไม่อืดอาดเหมือนหลายๆ คนเข้าใจว่ารถไฟฟ้าคงไม่เร้าใจเท่ารถที่ใช้น้ำมัน แต่ทว่าไม่ใช่กับเจ้านิสสัน ลีฟ คันนี้ ซึ่งออกตัวลื่นไหล ช่วงเร่งแซงกำลังรถสามารถทำความเร็วเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ ไม่หนืด ช่วงล่างไม่โครง เกาะถนน ไม่แข็งกระด้าง ขับสบายเกินคาด
ส่วนห้องโดยสารฟังก์ชั่นความสะดวกสบายก็มีมาให้ครบ แต่ตัวเครื่องเสียงอาจจะยังขัดใจวัยรุ่นเพราะเป็นระบบปรับมือจอไม่ทัช ซึ่งก็ไม่ได้ขี้เหร่ถ้าเทียบกับระบบความปลอดภัยทีมีให้มากกว่า พวงมาลัยฟังก์ชั่น แอร์ด้านหลังสำหรับผู้โดยสารตอนหลังยังไม่มี แต่โดยรวมแล้วสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ากับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ก็เป็นรถที่ตอบโจทย์ได้ครบครันทั้งการประหยัด ความสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัยที่อุ่นใจ เหมาะที่จะเป็นได้ทั้งรถครอบครัว หรือหนุ่มสาวยุคใหม่วัยเริ่มต้น
และถ้าหากปัจจัยหลักเราไม่ต้องเติมน้ำมันอาทิตย์ละ 500 เปลี่ยนมาชาร์จไฟแทน 6 ชม. (สำหรับตู้ U box 6.6 kw) 12 ชม.(สำหรับไฟบ้าน 3.6 kw) หรือตู้ที่มีกำลังวัตต์สูงชาร์จเร็ว 40 นาที (80%) และไม่ต้องรอให้แบตหมดก็สามารถชาร์จเพิ่มต่อได้อีกเหมือนโทรศัพท์มือถือ (แบต 100% ที่นิสสันเคลมไว้ที่ 311 กิโลเมตร 1กม./0.50 บาท) และดีกว่าไหมถ้า 1.ไม่ต้องกังวลเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอีกต่อไป 2.ไม่ต้องเข้าปั๊มเติมน้ำมัน 3.ไม่มีท่อไอเสีย ไม่มีหัวเทียน หม้อน้ำ หรือสายพานในระยะยาวเราก็ไม่ต้องมาเปลี่ยนตามกำหนดเวลา กับรถที่มีค่าตัวถึง 1,990,000 บาท ถ้าเฉลี่ยยาวๆ มองไกลเกิน 5 ปี ยังไงก็คุ้มค่ะ