ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

x
icon-filter ค้นหารถยนต์
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

5 สิ่งไม่ควรทำเมื่อขับรถ

icon 11 มี.ค. 62 icon 8,674
5 สิ่งไม่ควรทำเมื่อขับรถ

5 สิ่งไม่ควรทำเมื่อขับรถ 

การขับรถยนต์นั้นนอกจากจะต้องมีความรู้และเข้าใจในเทคนิควิธีการ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ของรถให้คุ้นเคย และการเคารพกฎการจราจรแล้ว ยังต้องระวังพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ ของรถยนต์สึกหรอหรือเสียหายเร็วขึ้นก่อนกำหนด มาดูว่า 5 ข้อที่ผู้ขับรถไม่ควรทำหรือควรหลีกเลี่ยงนั้น คุณเคยทำสิ่งเหล่านี้บ้างหรือไม่?

1. สตาร์ตแล้วออกรถทันที


เมื่อรถยนต์จอดค้างคืนเอาไว้เกิน 4 - 5 ชั่วโมงขึ้นไปนั้น น้ำมันหล่อลื่นจะถูกไหลลงไปค้างที่ก้นอ่างหรือด้านล่างสุด ซึ่งเมื่อเราสตาร์ตเครื่องยนต์ แม้รถรุ่นใหม่ๆ จะมีระบบปั้มน้ำมันเครื่องยนต์ที่ดีมากกว่าในอดีตที่จะสามารถดูดน้ำมันหล่อลื่นขึ้นมาเคลือบผิวชิ้นส่วนได้เร็วขึ้นก็ตาม แต่ก็ยังต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรกว่าจะมีน้ำมันหล่อลื่นเต็มระบบและพร้อมที่จะใช้งาน ดังนั้น หากสตาร์ตเครื่องยนต์แล้ว ให้วอร์มเครื่องยนต์สักพัก โดยสังเหตุง่ายๆ ว่า เมื่อสตาร์ตแรกๆ รอบเครื่องยนต์จะดีดขึ้นสูงกว่าปกติเล็กน้อย เช่น จากปกติที่ 700 - 800 รอบต่อนาที เป็น 1,000 - 1,200 รอบต่อนาที ในช่วงเวลาไม่นานราวๆ 3 - 5 นาที รอบก็จะลดลง 900 รอบต่อนาทีโดยประมาณ และเมื่อเครื่องยนต์อยู่ในอุณหภูมิทำงานจริงรอบก็จะลดลงมาปกติ 700 - 800 รอบต่อนาที นั่นแสดงว่ารถพร้อมที่จะใช้งานแล้ว ซึ่งจะช่วยให้ลดการสึกหรอของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ได้ดียิ่งขึ้น และเป็นการสังเหตุจากการฟังเสียงและความรู้สึกว่า เครื่องยนต์ผิดปกติหรือไม่อีกด้วย

2. จอดติดไฟแดง เข้าเกียร์ "P"


การจอดติดสัญญาณไฟแดงนั้น ปกติจะใช้เวลาไม่นานนัก รถยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ สามารถค้างตำแหน่งเกียร์ไว้ที่ "D" และเหยียบเบรคค้างไว้ได้ โดยไม่ส่งผลต่อชิ้นส่วนในระบบใดๆ แต่ก็อาจเกิดการไหลไปด้านหน้าแบบไม่ตั้งใจได้ เมื่อเผลอคลายเบรคเพียงเล็กน้อย ดังนั้นหากต้องการเพิ่มความปลอดภัยก็เพียงแค่เลื่อนเกียร์มาตำแหน่ง "N" และ "ดึงเบรค" มือเอาไว้ เท่านี้ก็ปลอดภัยแล้ว โดยปกติจะไม่แนะนำให้เข้าเกียร์ "P" ใช้การจอดรถลักษณะแบบนี้ เนื่องจากโอกาสที่รีบร้อนในการเลื่อนตำแหน่งลงมาผ่านตำแหน่งเกียร์ "R" จนอาจลืมคิดว่าเป็นการเลื่อจาก "N" ลงมาที่ "D"  และเร่งเครื่องทันที รถก็จะถอบหลังไปชนรถคันด้านหลังได้
นอกจากนี้การจอดรถเอาไว้บนถนนก็มีโอกาสที่จะเกิดเหตุขึ้นได้ หากมีรถมีชนท้าย ระบบล็อคเกียร์ตำแหน่ง "P" ที่มีฟันเฟิองคบกันอยู่นั้น เสียหายได้ และการซ่อมนั้นราคาสูงมากอีกด้วย ดังนั้นจอดติดไฟแดงไม่นานก็ "เข้า N ดึงเบรคมือ" ก็พอครับ

3. ใช้โทรศัพท์


ข้อนี้น่าจะเป็นเรื่องระดับชาติกันไปแล้ว สำหรับ "โทรฯ ไม่ขับ" ซึ่งไม่แตกต่างอะไรกับ "เมาไม่ขับ" ไปแล้ว เพราะการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถนั้น สมาธิจะลดลง และปฎิกิริยาตอบสนองต่อการขับขี่ การตัดสินใจ และการมองเห็นจะลดลงทันที! ไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหน ขับรถมาเป็น 10 สิบ หากมีอะไรมากวนใจกวนสมาธิรับรองว่า ความสามารถในการขับขี่พยานพานะของคุณจะลดลงอย่างแน่นอน ฟันธง!!!!
มีวิธีการมากมายเมื่อต้องการคุยโทรศัพท์ขณะขับขถ เช่น ใช้ Small talk, Bluetooth หรือในรถยนต์รุ่นใหม่ก็ระบบเชื่อมต่อไร้สายกับเครื่องยนต์กันแล้วด้วย อย่าง Apple CarPlay หรือ Android Auto เป็นต้น หรือถ้าไม่มีจริงๆ ก็เปิด Speaker Phone ไม่เลยก็ย่อมได้

4. เร่งเครื่องค้างไว้เมื่อจอดทางลาดชัน


การเร่งเครื่องยนต์ค้างรอบเอาไว้ป้องกันรถไหลเมื่อจอดค้างบนทางลาดชันนั้น (ในรถยนต์รุ่นที่ไม่มีระบบช่วยออกตัวทางลาดชัน) ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เนื่องจากเพื่อภาระหรือความร้อนในระบบขับเคลื่อน และสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็นอีกด้วย นอกจากนี้หากเผลอขยับเท้าขวาแรงเกินไปก็อาจพุ่งไปข้างหน้าได้ สิ่งที่ควรทำเมื่อจอดบนทางลาดชันที่รถไม่มีระบบช่วยกันไหลถอยหลังนั้นก็คือ เหยียบเบรคค้างเอาไว้ หรืออาจเข้าเกียร์ "N" และดึงเบรคมือในกรณีที่ทางไม่ลาดชันมากนักและเบรคมือสามารถหยุดรถไหว และขณะที่จะเร่งออกตัวก็เพียงเข้า "D" และค่อยๆ เติมคันเร่งพร้อมกับปลดเบรคมือช้าๆ  และไม่ควรเข้าเกียร์ "P" เพราะการที่รถจอดในทางลาดชันนั้นเมื่อเข้าเกียร์ "P" ชุดเฟืองทีล็อคเกียร์จะถูกขัดกันอย่างรุนแรงโดยเฉพาะเมื่อปลดจาก "P" ไปที่ "D" หากทำบ่อยๆ อาจชำรุดเสียหายได้ อย่าลืมว่าหากต้องซ่อมหรือโอเวอร์ฮอล์เกียร์อัตโนมัตินั้นราคาสูงเอาเรื่องเลย

5. ออกรถอย่างรวดเร็วขณะเลี้ยวสุด


ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ส่วนมากจะเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า การหักเลี้ยวล้อสุดไม่ว่าจะเลี้ยวขวาหรือซ้ายข้อควรระวังคือ ค่อยๆ ออกเร่งออกตัวไปอย่างช้าๆ เพราะในขณะที่ล้อถูกหักมุมเลี้ยวอยู่นั้น ชึ้นส่วนที่รับกำลังจากเครื่องยนต์เมื่อเร่งเครื่องอย่างรุนแรงนั้นเพลาขับนั่นเอง และอาจทำให้ชุดลูกปืนเพลาแตกและเสียหายในเวลาอันรวดเร็ว และต้องเปลี่ยนใหม่ ซึ่งชุดลูกปืนเพลามักจะมาพร้อมเพลาทั้งชิ้น ดังนั้น ราคาก็จะโหดไม่น้อยเลย

เป็นอย่างไรบ้างกับ 5 สิ่งที่ไม่ควรทำ ให้ลองสังเหตุตัวเองดูว่าในขณะใช้งานรถยนต์นั้น ได้ทำพฤติกรรมในข้อได้บ้าง หากรู้ก็รีบปรับปรุงแก้ไขให้เป็นนิสัยที่ดีในการช่วย "ถนอมรถคู่ใจ" เพราะปัจจุบันนี้รถยนต์ราคาสูงขึ้นกว่าจะเก็บเงินได้มาไม่ใช้เรื่องง่าย การใช้รถคันที่เรารักอย่างถนนก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงไปได้อีกเยอะเลยครับ
แท็กที่เกี่ยวข้อง รถยนต์ ขับรถ รถติด 5 สิ่งไม่ควรทำเมื่อขับรถ ข้อห้าม
CAR GURU
เขียนโดย เช็คราคา.คอม CAR GURU

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)