รีวิว ทดลองขับอีกครั้ง! Ford Ranger Raptor รถปิคอัพล้านเจ็ดแบบครบทุกโหมด (Test Drive Review)
Ford Ranger Raptor รถกระบะที่สามารถไปได้เกินขีดจำกัดยิ่งกว่ารถยกสูงทั่วไป ด้วยเส้นทาง สุราษฏร์ธานี - พังงา - ภูตาจอ - เกาะคอเขา - ภูเก็ต และไม่ลืมที่จะ "บิน" อีกครั้ง
รถกระบะฟอร์ด เรนเจอร แร็พเตอร์ เกิดมายิ่งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น อย่างที่ทราบกันดีว่าสเปคทั้งเครื่องยนต์ เกียร์และระบบช่วงล่างนั้น "ขั้นเทพ" พร้อมโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือก 6 โหมดสำหรับนักผจญภัยในสภาพเส้นทางสุดโหด
Ranger Raptor นับเป็นกระบะราคา 1,699,000 บาท อีกนิดก็แตะล้านเจ็ดแล้ว หากมองเพียงราคาก็จะดูว่า "แพง" ไปรถกระบะอะไรคันเกือบสองล้าน แต่ครับแต่! เจ้าแร็พเตอร์มีอะไรที่รถกระบะธรรมดาทั่วไปทำไม่ได้อีกเพียบเลย
ทีมงานเช็คราคาได้ร่วมทริปสุกมันกับ
Ranger Raptor ผจญภัยในสถานที่ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักและเดินทางไปเยี่ยมเยือนนักเพราะว่า ความน่ากลัวและอาจมีสิ่งลี้ลับอะไรบ้างอย่าง...
เส้นทางที่ได้ทดสอบฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เริ่มต้นจากจังหวัดสุราษฏร์ธานี - พังงา - ขึ้นภูตาจอ ตำนานแห่งเหมืองแร่เก่า - ข้ามเรือไปเกาะคอเขา - และเข้าสู่จังหวัดภูเก็ต ด้วยฝูงแร็พเตอร์กว่า 9 คันและรถเซอร์วิสจากฟอร์ด ทั้ง Ford Ranger WildTrak 3.2 และ Everest ใหม่ ร่วมขบวนในครั้งนี้
สถานที่น่าสนใจในทริปนี้หากใครมีโอกาสได้สัมผัสรับรองว่าคุ้มค่ากับการเดินทาง ได้แก่
ภูตาจอ อ.กะปง ต.เหล อ.กะปง จ.พังงา : ภูตาจอ เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่พึ่งเปิดมาไม่กี่ปีของจังหวัดพังงา อยู่ในเขตอำเภอกะปง ด้วยระดับความสูงที่เกือบ 1,400 เมตร ทำให้ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดพังงา อดีตเดิมเป็นยอดเขาถูกใช้ทำเป็นเหมืองแร่ดีบุก ดังนั้นชาวบ้านท้องถิ่นแถวนี้เขาขึ้นๆ ลงๆ ยอดภูมานานแสนนานแล้วละครับ แต่เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ทาง อบต.ท้องถิ่น เห็นความมีเสน่ห์ที่ไม่ได้ในจังหวัดอื่นๆ ทางภาคใต้จึงได้พยายามพัฒนาภูตาจอให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวดั่งในปัจจุบัน ซึ่งเรียกว่าเป็นแหล่งขุมหาเหมืองแร่โบราณ
เกาะคอเขา ตำบลเกาะคอเขา อำเภอตะกั่วป่า : เกาะคอเขา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางชายทะเลแถบอันดามันที่นิยมอีกแห่งหนึ่ง สภาพบนเกาะส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบ บนหาดร่มรื่นด้วยแนวต้นสนและต้นมะพร้าว มีหาดทรายขาวสะอาดยาวหลายกิโลเมตร สามารถว่ายน้ำบริเวณชายหาดได้ บนเกาะมีที่พักแบบรีสอร์ท บังกะโล ร้านอาหาร ไว้สำหรับบริการรองรับนักท่องเที่ยว การเดินทางสู่เกาะคอเขาสามารถลงเรือได้ที่ท่าเรือหมู่ที่ ๒ บ้านน้ำเค็ม ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า โดยมีเรือรับจ้างและแพขนานยนต์ไว้บริการนักท่องเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๑๕ นาที นอกจากนั้นยังมีแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะและใกล้เคียงที่น่าสนใจ ตำนานลูกปัด ท่าเรื่อการค้าขายในอดีตผ่านมากว่าร้อยปี
แต่สิ่งที่ทำให้เกาะที่สวยงามแห่งนี้กลายเป็น "เกาะที่ถูกลืม" เนื่องจากเคยผ่านเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อปี พ.ศ. 2547 จึงทำให้นักท่องเที่ยวลดน้อยลงไปจนปัจจุบันก็ถูกปรับปรุงในหลายพื้นที่ มีการรื้อฟื้นสถานที่ต่างๆ ให้กลับมาสวยงามอีกครั้ง และต้องขอบคุณทริปแร็พเตอร์ที่ได้มาทดสอบรถที่แห่งนี้
ข้อมูลทางเทคนิค Ranger Raptor
Ford Ranger Raptor เครื่องยนต์เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด กำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมกับระบบ TMS พร้อมโหมดบาฮาคือ โหมดการขับขี่ Terrain Management System ทั้งหมด 6 รูปแบบ ให้คุณสามารถปรับโหมดการขับขี่สำหรับทุกสภาพถนนได้ในปุ่มเดียว ในรูปแบบการแข่งออฟโรด Baja 1000 สุดโหด โดยมีความสูง 1,873 มิลลิเมตร ความกว้าง 2,180 มิลลิเมตร และความยาว 5,398 มิลลิเมตร ระยะช่วงล้อหน้าและหลังกว้างขึ้นเป็น 1,710 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นเป็น 283 มิลลิเมตร ขณะเดียวกัน ยังมาพร้อมมุมไต่ที่ 32.5 องศา มุมคร่อมที่ 24 องศา และมุมจากที่ 24 องศา
พร้อมโช้คอัพผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษโดย Fox Racing Shox ใช้ลูกสูบขนาด 46.6 มิลลิเมตร หรือขนาด 2.5 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพิ่มระยะช่วงยุบมากขึ้นถึง 30% เมื่อเปรียบเทียบกับฟอร์ด เรนเจอร์รุ่นทั่วไป โหมดบาฮาจะลดการใช้ Traction Control และเพิ่มการการตอบสนองของเครื่องยนต์ และความฉับไวในการเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับสภาพถนน เพื่อการขับขี่ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ให้เต็มศักยภาพที่สุด แถมด้วยยาง BFGoodrich All-Terrain 33 นิ้ว (All-terrain BF Goodrich 285/70 R17) แข็งแรงกว่ายางทั่วไปถึง 20%
ทดสอบระบบ TMS - Terrain Management System 6 รูปแบบ
Ford Ranger Raptor แค่อ่านสเปคก็ยังไม่เข้าใจระบบนัก จึงต้องขับทดสอบบนถนนจริงๆ เริ่มต้นด้วยถนนเรียบลาดยางทั่วไป แม้จะใช้ยางแก้มสูง ดอกแบบ Off-Road แต่ด้วยช่วงล่างที่มีการถูกขยายออกมากขึ้นกว่าเรนเจอร์รุ่นปกติจึงทำให้ความสูงไม่ใช่ปัญหาในการเข้าทางโค้ง และหากต้องการขับสนุกขึ้นก็เพียงเลือก
"S" จากปุ่มควบคุมหน้าจอบนพวงมาลัยเท่านั้น แร็พเตอร์ก็พร้อมพยศทันที
ขบวนเรนเจอร์แร็พเตอร์ผ่านวิวภูเขาสวยๆ ระหว่างทางสุราษฎร์ธานี - พังงา
6 โหมดแห่งความสนุกของแร็พเตอร์
สำหรับอัตราเร่งนั้น แร็พเตอร์อาจไม่ได้แรงจนหลังติดเบาะนัก เพราะตัวหนักจากระบบช่วงล่างล้อและยางที่ใหญ่อลังการ อาจมีอาการรอรอบเล็กน้อย แต่หากใช้โหมดสปอร์ต "S" ระบบจะปรับรอบเครื่องยนต์ให้ลากรอบสูงๆ ไว้ เพื่อให้พร้อมตอบสนองทันทีที่กดคันเร่ง นับว่าขับโหมดนี้มันกว่าเยอะ
ระบบ ซิงค์ 3 ที่ลำสมัย
เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มีเทคโนโลยีด้านการเชื่อมต่อ ซิงค์ 3 (SYNC 3) ซึ่งเป็นระบบสั่งงานด้วยเสียง ความปลอดภัยระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program) จะคอยช่วยเมื่อเข้าโค้งหรือเบรกกะทันหันจนรถเริ่มเสียการทรงตัว ระบบนี้ยังมาพร้อมกับระบบควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง (Trailer Sway Control) ระบบช่วยออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน (Hill Descent Control) และระบบควบคุมการบรรทุก (Load Adaptive Control)กล้องมองหลังแสดงภาพบนจอแอลซีดีขนาด 8 นิ้ว
หากต้องขับขี่ผ่านเส้นทางที่มีอุปสรรคโหดๆ ก็สามารถเลือกใช้โหมดต่างๆ (จะขอข้ามโหมด Narmal และ Sport ไปเพราะไม่แตกต่างจากรถรุ่นอื่นๆ)
โหมดหญ้า/กรวดหิน/หิมะ (Grass/Gravel/Snow) ออกแบบมาให้ขับขี่บนทางออฟโรดที่มีพื้นผิวลื่นและเป็นหลุมบ่อ โดยระบบจะทำการเปลี่ยนเกียร์อย่างนุ่มนวลขึ้นพร้อมทั้งออกตัวด้วยเกียร์ที่สอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดอัตราการลื่นไถลของล้อรถ โหมดนี้ใช้ได้การขับเคลื่อน 2 และ 4 ล้อ
เส้นทางธรรมชาติก่อนขึ้นสู่ภูตาจอ
ทางแบบหินปนทรายแห่งๆ ลื่นๆ
ขับโดยใช้ระบบ 4H สบายๆ
ขาลงก็ใช้ระบบควบคุมควรเร็วทางลาดชัน ช่วยให้ขับง่ายแถมตั้งความเร็วได้ตามเหมาะสมอีกด้วย
ขับผ่านตามไหล่เขา
ลาดจอดรถและการเต้นท์ก่อนเดินเท้าขึ้นภูตาจอ
โหมดนี้ได้ลองขับในช่วงเส้นทางขึ้นภูตาจอ ซึ่งสภาพถนนแบบออฟโร้ดเกือบทั้งหมด มีทั้งช่วงเป็นถนนกรวดลอย หญ้าและหิน ในโหมดนี้ช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายน้ำหนักพวงมาลัยเบาเลี้ยวได้แม่นยำและช่วงล่างที่นุ่มนวล แต่ยังเกาะถนนได้ดี
เมื่อขึ้นถึงจุดจอดรถของภูตาจอต้องเดินเท้าขึ้นเนินอีกประมาณ 400 เมตร ก็จะถึงจุดสูงสุดเกือย 1,400 เมตร จากระดับน้ำทะเลนับเป็นจุดที่สูงที่สุดของจังหวัดพังงา จะเห็นว่ามีจุดการเต้นท์เพื่อชมธรรมชาติและทะเลหมอกในตอนเช้า การขึ้นมาชม ณ ที่แห่งนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ นำทางเข้ามา และหากมีฝนตกทางจะลื่นไม่อนุญาติให้ขึ้นมาได้
โหมดโคลน/ทราย (Mud/Sand) ระบบจะปรับการตอบสนองของระบบควบคุมการลื่นไถลให้เหมาะสมกับพื้นผิวที่มีความลึกและสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างพื้นทรายและโคลน ด้วยการใช้เกียร์ต่ำที่มีแรงบิดสูง ในโหมดนี้ฝูงแร็พเตอร์ได้ข้ามเรือมายังเกาะคอเขาเพื่อทดสอบขับในพื้นที่ที่จัดไว้ให้โดยได้รับอนุญาตเรียบร้อย ประกอบกับพื้นที่มีความหลากหลายสภาพจึงเหมาะอย่างยิ่งในการท่องเที่ยวและการขับทอสอบไปด้วย
ขึ้นเกาะคอเขาแล้วลุยกันต่อ
ลุยหาดทรายด้วยโหมด Mud/Sand 4H
รีบไปดูพระอาทิตย์ตกรีมหาด
ที่จริงแล้วในการขับขี่บนทรายนั้นสามารถใช้ระบบ 4H ได้เลย แต่อาจขับได้ไม่ราบรื่นเท่าโหมด Mud/Sand เพราะการทำงานที่ต่างกันโดยเฉพาะระบบควบคุมการลื่นไถลของล้อในโหมด Mud/Sand จะมีการทำงานจับล้อที่ลอยหรือหมุนฟรีน้อยลง จึงทำให้ล้อทั้ง 4 สามารถตะกุยต่อไปได้แม้จะมีอาการหมุนฟรีก็ตาม ซึ่งเป็นสภาพปกติของการขับบนผิวทรายทราย
แต่ในโหมด Mud/Sand หากความเร็วต่ำเกินไปก็อาจติดหล่มทรายได้ จึงจำเป็นต้องถอยหลังและตั้งหลักเร่งความเร็วใหม่หรืออาจใช้ระบบ 4L ช่วยก็ได้
โหมดนี้ได้ลองขับบนหาดทราย และใช้ระบบ 4H เพื่อความมันเร้าใจ ซึ่งแร็พเตอร์ก็ขับผ่านไปได้อย่างง่ายดาย กำลังเครื่องยนต์ที่พร้อมตะกุยทรายอย่างดุเดือด และระบบช่วงล่างที่ซับแรงได้ดี ทำให้การขับขี่ผ่านจุดนี้ง่ายมากแทยไม่ต้องมีทักษะการขับออฟโร้ดก็สามารถขับในสภาพถนนแบบนี้อย่างสบายๆ เลยครับ
โหมดหิน (Rock) ใช้เมื่อขับขี่บนพื้นผิวในเขตภูเขาที่ลาดชัน ต้องใช้ความเร็วต่ำ และเน้นการควบคุมรถให้ขับเคลื่อนอย่างช้าๆ ซึ่งต้องปรับให้เป็นระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ 4L เท่านั้น เพราะเป็นการใช้งานระบบเต็มพิกัด เช่น ปีนโขดหิน ร่องน้ำลึก โคลนหรือขึ้นจากหล่ม นอกจากนี้หากคิดว่าสภาพเส้นทางโหดมีผิวลื่นสามารถใส่ระบบ Dift-Lock เพื่อล็อคระบบเฟืองท้ายล้อคู่หลังให้ตะกุยขึ้นผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ดีง่ายขึ้นเมื่อมีล้อใดล้อหนึ่งยกลอย (ภาษาออฟโร้อเรียกกันว่าแขวน)
ปีนจนล้อลอยก็แค่ใช้ Dift - Lock ก็ไปต่อได้แล้ว
ร่องน้ำธรรมชาติ แต่แร็พเตอร์สามารถผ่านได้สบายๆ สำหรับโหมดนี้ ใช้ความต่ำมากเพราะถูกปรับอัตราทตเพื่อให้ล้อทั้ง 4 สามารถผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ง่ายและเบาแรงโดยแทบไม่ต้องเร่งเครื่องยนต์สูงๆ เลย แต่ถ้าสภาพเส้นทางไม่มีโขดหินสูงหรือร่องลึกมากนักแต่ยังต้องการกำลังมากๆ ในการปีนหรือตะกุย ก็สามารถเลือกใช้ระบบ 4L ปกติโดยไม่จำเป็นต้องใช้โหมด Rock ก็ขับผ่านไปได้เช่นกัน และทำความเร็วได้ดีพอสมควรจากระบบเกียร์ 10 สปีด จึงทำให้แม้ใช้ 4L ก็ใช้ความเร็วได้ระดับหนึ่ง
โหมดบาฮา (BAJA) ระบบจะปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้เหมาะกับการขับขี่ออฟโรดด้วยความเร็วสูงเสมือนนักแข่งแรลลี่กลางทะเลทรายบาฮาอันเลื่องชื่อ โดยระบบป้องกันล้อหมุนฟรีจะถูกตัดการทำงาน เพื่อไม่ให้แทรกแซงการทำงานของเครื่องยนต์ รวมทั้งเกียร์จะถูกปรับให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด ระบบจะค้างรอบเครื่องไว้นานขึ้นและเปลี่ยนเกียร์ลงได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม
ความเร็วราวๆ 80 กม./ชม. บนทางทราย
โหมดนี้นับว่าสนุกสุดกว่าทุกรูปแบบ เพราะเป็นการขับในพื้นที่ถนนแบบทะเลทราย ทางฝุ่น สนามหญ้า หรือเส้นทางธุรกันดาลที่ต้องการใช้ความเร็วสูงๆ โดยระบบจะลดการช่วยเหลือให้น้อยกว่าโหมดอื่นๆ เพื่อการขับขี่ที่สนุกและควบคุมได้ตามสั่งมากขึ้น แต่ก็ยังมีระบบช่วยเหลือที่ตั้งไว้กัน "พลาด" เพื่อความปลอดภัยไว้ด้วยครับ
ช่วงทดสอบทางทรายแคบๆ แบบครอสคันทรี
มาขุดทรายต่อในทุ่งสนามบิน
โหมดบาฮานี้จะยอมให้ล้อหมุนฟรีได้ในระดับมากขึ้น เมื่อผู้ขับต้องการเร่งอย่างรุนแรงหรือการเข้าทางโค้งอย่างรวดเร็ว ในลักษณะแบบเดียวกับการแข่ง BAJA 1000 นั่นเอง เรียกว่ากวาดโค้งฝุ่นตลบกันเลยที่เดียว
เส้นทางวิ่งในทุ่งสนามบินบนเกาะคอเขา
และแน่นอนว่าไม่พลาดที่จะ "บิน" เพื่อทดสอบการกระโดดและลงพื้น โดยทีมงานเช็คราคาได้มีโอกาสขับกระโดดเนินถึง 2 รอบ เพื่อจับความรู้สึกเยอะๆ เพราะการทดสอบนี้มีความปลอดภัยจากทีมงานฟอร์ดประเทศเป็นอย่างดี หากไม่ลองก็จะไม่มีโอกาสบินอีกแน่ๆ โดยในช่วงแรกจะเป็นขับในถนนดินแห้งๆ เกือบเป็นลูกรังใช้ความเร็วราวๆ 70 - 80 กม./ชม. เพื่อทดสอบระบบ BAJA ซึ่งแม้ผู้ขับจะไม่มีความชำนาญโดยตรงกับทางแบบนี้ก็ยังควบคุมรถได้อย่างง่ายดาย
เนินถ่ายรูป
ในช่วงทดสอบพิเศษในทุ่งสนามบินบนเกาะคอเขาแห่งนี้จะต้องควบ "ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์" ในระบบ 4H และโหมด BAJA เพื่ออรรถรสในการ "บิน" โดยก่อนจะเหาะนั้นต้องขับในช่องทางที่เซ็ตไว้ให้ โดยผ่านพื้นหญ้งโล่งๆ ผิวทรายฟูๆ ในทางแคบๆ ที่มีต้นส้นเพียบ และโคลนหรือหล่มทรายลึกให้ได้กวาดท้ายกัยอย่างสุดมัน ซึ่งแร็พเตอร์ก็ขับผ่านได้อบ่างง่ายดายและการควบคุมรถไม่ยากนักสำหรับมือใหม่ เมื่อถึงเนินกระโดด ผู้ควบคุมการขับหรือครูฝึก (Instructure) ให้เร่งความเร็วที่ 90 - 100 กม./ชม.
เมื่อล้อหน้าแตะพื้นเนินให้ยกคันเร่งและรอจนรถลงสู่พื้นจึงค่อยแตะเบรกเบาๆ นับว่าการกระโดดและลงจอดของแร็พเตอร์เป็นไปด้วยความนุ่มนวล มีอาการกระแทกบ้างแต่ไม่ถึงกับจุก และตัวรถก็สามารถควบคุมให้เลี้ยวตามทิศทางต่อไปได้อย่างสบายๆ
ทั้งหมดที่ได้ทดสอบพลังระบบและช่วงล่างของ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ครั้งนี้ โดยส่วนตัวหากขับเส้นทางปกติ (ทางดำ) จะชอบโหมด" S" มากที่สุดเพราะให้ทั้งอัตราเร่งและการตอบสนองของเกียร์ที่ทันใจขึ้น ส่วนการขับลุยนั้น แน่นอนว่าประทับใจในโหมด "BAJA" ในระบบ 4H ที่สุดเพราะการขับขี่บนทางฝุ่นที่ใช้ความเร็วสูงๆ นั้น เครื่องยนต์ต้องแรง ช่วงล่างต้องดี เบรกต้องได้ ความปลอดภัยต้องพร้อม แร็พเตอร์ครบทุกข้อเลย ทำให้มั่นใจแม้จะไม่มีทักษะด้านทางฝุ่นมากนักก็เอาอยู่
หมายเหตุ
"ฟอร์ดได้รับอนุญาตจากเอกชนผู้ถือกรรมสิทธิ์พื้นที่หาดแห่งนี้ในการจัดกิจกรรม พื้นที่ดังกล่าวจะกลับสู่สภาพเดิมในไม่ช้า โดยเราได้เตรียมความพร้อมและระมัดระวังในทุกขั้นตอนเพื่อให้แน่ใจว่าการจัดกิจกรรมนี้ไม่เป็นการรบกวนสิ่งมีชีวิตใดๆ ระหว่างการขับขี่"
บทสรุปรถกระบะราคาล้านเจ็คอย่าง Ranger Raptor
Ranger Raptor รถกระบะพันธ์ุแกร่งขึ้นอีกระดับ ด้วยสมรรถนะที่เหนือกว่ารถกระบะยกสูงทั่วไป ทั้งระบบช่วงล่างด้านหลังคอยล์สปริง มัลติลิงค์ พร้อมวัตต์ลิงค์ โช้คอัพ FOX ฐานล้อที่ขยายกว้างขึ้นจากรุ่นเรนเจอร์ปกติอีก 150 มม. แชสซิขนาดใหญ่ เครื่องยนต์ดีเซล ฺBi-Turbo 2.0 ลิตร 213 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร เกียร์ 10 สปีดแบบเดียวกับใน Ford Mustang และ F-150 พร้อมโหมดการขับขี่ 6 รูปแบบ ทั้งหมดนี้ก็น่าจะเป็นคำตอบสำหรับผู้ที่ลังเลว่าจะซื้อดีไหม ลองถามตัวเองว่า "ถ้าชอบรถที่มีความแตกต่าง สมรรถนะเหนือกว่า รออะไรซื้อเลยครับ" กระบะราคา 1,699,000 บาท