สัมผัสนวัตกรรมยานยนต์สุดพรีเมียมและเทคโนโลยีล้ำยุคของบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ ใน Motor Expo 2018
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จัดหนักส่งท้ายปี ขนทัพนวัตกรรมยานยนต์ระดับพรีเมียม ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์อวดโฉมในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 35 ตั้งแต่ 29 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม 2561 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี
โดยมีไฮไลท์เด่นของบูธในงาน เช่น บีเอ็มดับเบิลยู
M850i xDrive Coupe ใหม่,
X5 xDrive30d M Sport ใหม่,
M2 Competition ใหม่,
M4 Convertible Edition 30 Years และ
X3 xDrive20d xLine และ
M Sport รุ่นประกอบในประเทศ ทั้งหมดสะท้อนถึงความก้าวหน้าและความสำเร็จของโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง
ด้านรถยนต์ มินิ ได้นำรุ่นพิเศษ แฮทช์ Oxford Edition 3 ประตู และ 5 ประตู ใหม่ พร้อมตัวต้นแบบ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี มาร่วมโชว์ตัวในงานเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ท่องไปในโลกเสมือนจริงด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยจากบีเอ็มดับเบิลยู
นวัตกรรมสุดล้ำสมัยที่บูธบีเอ็มดับเบิลยูในปีนี้คือ อุปกรณ์ HTC Vive VR Headset ที่จะมอบประสบการณ์ดิจิทัลสมจริง ก้าวแรกในการใช้เทคโนโลยี VR นำเสนอตัวรถให้ลูกค้าได้สัมผัสในทุกรายละเอียด ช่วยในการเลือกรถยนต์และช่วยตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นการลองเลือกชุดแต่งและสีได้ตามใจชอบ รวมไปถึงได้สัมผัสรายละเอียดเบาะที่นั่ง
ไฮไลท์รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35
บีเอ็มดับเบิลยู
M850i xDrive Coupe ใหม่ (12,999,000 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
M850i xDrive Coupe ใหม่ ใช้ไฟหน้า LED ที่ติดตั้งระบบ BMW Laserlight ในรูปทรงที่เล็กเรียวกว่าไฟหน้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นอื่นๆ โดยไฟหลักทั้งสองดวงนำมาใช้งานได้ทั้งสำหรับไฟขับขี่ในเวลากลางวัน (daytime driving lights) และการควบคุมไฟสูง-ต่ำแบบอัตโนมัติด้วย High-beam assistant ให้ด้านหน้าของตัวรถมีรูปลักษณ์ที่คุ้นตาในสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูในทุกช่วงเวลาของการขับขี่
ด้านเครื่องยนต์ BMW TwinPower Turbo V8 รุ่นพัฒนาใหม่ล่าสุด และความเร้าใจจากสมรรถนะที่เหนือระดับยิ่งขึ้นจากชุดแต่ง M Performance ล้วนกระตุ้นการสูบฉีดของอะดรีนาลีน ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบความเร็ว บีเอ็มดับเบิลยู M850i xDrive Coupe โลดแล่นด้วยขุมพลังเบนซิน 8 สูบ ขนาด 4.4 ลิตร ส่งกำลังสูงสุด 390 กิโลวัตต์/530 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 4,600 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.7 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โครงสร้างตัวถัง เทคโนโลยีการขับขี่ และระบบช่วงล่าง ได้รับการออกแบบมาเพื่อสมรรถนะการขับเคลื่อนชั้นเลิศ ที่พบได้เพียงจากรถสปอร์ตระดับแถวหน้าอย่างบีเอ็มดับเบิลยู M8 และบีเอ็มดับเบิลยู M8 GTE ที่เป็นรถแข่ง Endurance เท่านั้น สปอร์ตคูเป้รุ่นใหม่นี้ มาพร้อมการกระจายน้ำหนักอย่างสมมาตร พร้อมโครงสร้างตัวถังและระบบขับเคลื่อนทำจากวัสดุอะลูมิเนียม แมกนีเซียม และคาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีคุณสมบัติความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบาพิเศษ
นอกจากนี้ยังสามารถเพลิดเพลินกับการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดจาก BMW ConnectedDrive ระบบ iDrive ใหม่ล่าสุด และ BMW Gesture Control ซึ่งติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน
X5 ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 4 คงรูปลักษณ์อันเฉพาะตัวของ Sports Activity Vehicle ดีไซน์ใหม่เรียบหรูขึ้น ตัวรถยังมีขนาดใหญ่ขึ้น ยาว 4,922 มิลลิเมตร กว้าง 2,004 มิลลิเมตร และสูง 1,745 มิลลิเมตร ให้ความรู้สึกโปร่งสบายแก่ผู้โดยสาร พร้อมปริมาตรในการบรรจุของ 650-1,870 ลิตร
บีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ สปอร์ตขึ้นด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics เสริมด้วยขอบหน้าต่างและราวหลังคาสีดำเงา กระจังหน้าทรงไตคู่ที่มีผิวอลูมิเนียมแบบด้าน พร้อมให้ความรู้สึกทรงพลังด้วยชุดเบรกและช่วงล่างแบบ M Sport และล้ออัลลอย M ขนาด 22 นิ้ว ลาย Double-spoke
เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Steptronic ทำงานคู่กับเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ขับเคลื่อนบีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ด้วยกำลังสูงสุด 195 กิโลวัตต์ / 265 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตรที่ 2,000-2,500 รอบต่อนาที ส่งพลังให้เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บีเอ็มดับเบิลยู X5 ยังคล่องตัวด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อบีเอ็มดับเบิลยู xDrive เจเนอเรชั่นล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนากำลังขับเคลื่อนและควบคุมการทรงตัวอย่างดี ด้วยการถ่ายแรงขับเคลื่อนอย่างนุ่มนวลระหว่างล้อหลังทั้งสองข้างบนเส้นทางออนโรดและออฟโรด
บีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ ยังเด่นด้วยช่วงล่างแบบ Adaptive M ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (Dynamic Traction Control) ระบบ Driving Experience Control สำหรับเลือกรูปแบบการขับขี่พร้อมโหมด ECO PRO และระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Dynamic Stability Control) เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่บนเส้นทางออฟโรด สปอร์ตคล่องตัวและสะดวกสบายตลอดการเดินทางบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive30d M Sport ใหม่
บีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ สปอร์ตขึ้นด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics เสริมด้วยขอบหน้าต่างและราวหลังคาสีดำเงา กระจังหน้าทรงไตคู่ที่มีผิวอลูมิเนียมแบบด้าน พร้อมให้ความรู้สึกทรงพลังด้วยชุดเบรกและช่วงล่างแบบ M Sport และล้ออัลลอย M ขนาด 22 นิ้ว ลาย Double-spoke
เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Steptronic ทำงานคู่กับเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ขับเคลื่อนบีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ด้วยกำลังสูงสุด 195 กิโลวัตต์ / 265 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตรที่ 2,000-2,500 รอบต่อนาที ส่งพลังให้เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บีเอ็มดับเบิลยู X5 ยังคล่องตัวด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อบีเอ็มดับเบิลยู xDrive เจเนอเรชั่นล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนากำลังขับเคลื่อนและควบคุมการทรงตัวอย่างดี ด้วยการถ่ายแรงขับเคลื่อนอย่างนุ่มนวลระหว่างล้อหลังทั้งสองข้างบนเส้นทางออนโรดและออฟโรด
บีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ ยังเด่นด้วยช่วงล่างแบบ Adaptive M ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (Dynamic Traction Control) ระบบ Driving Experience Control สำหรับเลือกรูปแบบการขับขี่พร้อมโหมด ECO PRO และระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Dynamic Stability Control) เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่บนเส้นทางออฟโรด สปอร์ตคล่องตัวและสะดวกสบายตลอดการเดินทาง
บีเอ็มดับเบิลยู
M4 Convertible Edition 30 Years (8,999,000 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิลยู M4 Convertible Edition 30 Years รุ่นพิเศษที่ผลิตมาในจำนวนจำกัดเพียง 300 คันทั่วโลก และเพียง 2 คันในประเทศไทย ทรงพลังด้วยขุมพลังเบนซิน 6 สูบ ส่งพละกำลังสูงสุดที่ 331 กิโลวัตต์ / 450 แรงม้า เสริมสมรรถนะความแรงเร้าใจด้วยชุดแต่ง M Competition ที่มีทั้งโหมดการขับขี่ M Drive ช่วงล่างแบบ adaptive M ที่สามารถตั้งค่าโหมด SPORT เพื่อความมันส์ในการขับขี่ และระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Dynamic Stability Control) พร้อมโหมด M Dynamic (MDM) นอกจากสมรรถนะระดับรถแข่งแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู M4 รุ่นพิเศษนี้ยังมีตัวถังวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) และรูปทรงสุดเพรียวลมที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณมอเตอร์สปอร์ตที่จุดประกายนำทางไปสู่การสร้างสรรค์บีเอ็มดับเบิลยู M3 Convertible รุ่นแรก ในฐานะต้นตำรับของความแรงแบบเปิดประทุนจากบีเอ็มดับเบิลยู บีเอ็มดับเบิลยู M4 Convertible Edition 30 Years พร้อมสะกดทุกสายตาในสีเหลือง Mandarin II และสีฟ้าเมทัลลิก Macao Blue ที่ตัดกับขอบหน้าต่างแบบ BMW Individual High-Gloss Shadow Line กระจังหน้าทรงไตคู่ ช่องระบายอากาศด้านข้างสไตล์ M และสัญลักษณ์ชื่อรุ่น ทั้งยังพิเศษยิ่งขึ้นด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ M ขนาด 20 นิ้วลาย Star-spoke ในสี Orbit Grey ที่ได้รับการดีไซน์มาอย่างเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะสำหรับรุ่นพิเศษนี้ ภายในของบีเอ็มดับเบิลยู
M4 Convertible Edition 30 Years ทั้งเบาะนั่ง ที่วางแขน และแผงประตูบุด้วยหนังแท้ Merino พร้อมดีไซน์ภายในพิเศษในสีดำตัดฟ้า Black/Fjord Blue เข้ากันอย่างลงตัวกับสีตัวถังสีฟ้าเมทัลลิก Macao Blue และเส้นตะเข็บสีเหลืองบนพื้นและเบาะหนังแท้ Merino สีดำสำหรับตัวรถในสีเหลือง Mandarin II ขณะที่ตะเข็บบริเวณเบาะรองศีรษะและพรมปูพื้นรถในดีไซน์ M ก็มาพร้อมกับโทนสีที่ตัดกับพื้นผิวอื่นๆ เพื่อสร้างสีสันอย่างลงตัว พร้อมวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ภายในห้องโดยสารที่มาเป็นมาตรฐานในทุกสี
นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู
M4 Convertible Edition 30 Years ยังตอกย้ำความพิเศษของการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีด้วยการจารึกอักษร “30 Jahre Edition” ลงบนขอบประตูและเบาะรองศีรษะ ขณะที่แผงคอนโซลหน้ารถในฝั่งที่นั่งผู้โดยสารก็มีการสลักอักษรดังกล่าว พร้อมด้วยตัวเลข “1/300” เพื่อเน้นย้ำถึงความเอ็กซ์คลูซีฟของรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น
ไฮไลท์รถยนต์มินิในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35
มินิ แฮทช์ 3 ประตู และ 5 ประตู Oxford Edition
มินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู และ
แฮทช์ 5 ประตู รุ่นพิเศษ >Oxford Editionที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเพียง 60 คัน แตกต่างจากรุ่นปกติหลายรายการ ตั้งแต่ตัวถังสีแดง Pure Burgundy ตัดด้วยหลังคาสีดำและกระจกมองข้างสี Melting Silver มีลูกเล่นรอบคันด้วยอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นล้ออัลลอยลายขนาด 17 นิ้ว สีดำลาย Cosmos Spoke สะดุดตาด้วยสติ๊กเกอร์ลายทางคู่อันเป็นเอกลักษณ์ที่บริเวณด้านหน้ารถ ด้านหลังรถ และมือจับประตู ส่วนฝาปิดถังน้ำมัน กรอบไฟหน้าหลัง ดุดันด้วยสี Piano Black ทำให้ตัวรถโดยรวมมีความสปอร์ตเร้าใจในสไตล์มินิ ขณะที่ไฟท้ายยังโดดเด่นด้วยรูปทรงและเส้นไฟ LED ลายธงยูเนียนแจ็ค สะท้อนความเป็นแบรนด์สัญชาติอังกฤษ
รุ่นพิเศษ Oxford Edition ยังเป็นครั้งแรกของมินิในการนำเทคโนโลยี 3D Printing หรือการพิมพ์แบบ 3 มิติ มาใช้เสริมสร้างรถยนต์รุ่นนี้ให้มีเอกลักษณ์แตกต่างมากยิ่งขึ้น โดยบริเวณแถบด้านข้าง จะประทับชื่อรุ่น ‘OXFORD’ ไว้อย่างเด่นชัด ส่วนภายในของตัวรถ ถือว่าตอกย้ำคาแรคเตอร์ในสไตล์อังกฤษด้วยไฟเรืองแสงลายธงยูเนียนแจ็คบริเวณคอนโซลด้านหน้า แถมเบาะนั่งและพวงมาลัยก็ตกแต่งด้วยลายธงยูเนียนแจ็คเช่นเดียวกัน
มินิ แฮทช์ คูเปอร์ เอส Oxford Edition มาพร้อมกับขุมพลังเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมระบบส่งกำลังด้วยคันเกียร์ที่เป็นระบบไฟฟ้า เกียร์อัตโนมัติ Steptronic 7 สปีด คลัตช์คู่ (Double Clutch Transmission) ที่มอบจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและไหลลื่นยิ่งขึ้น เร่งความเร็วได้ทันใจ รวมถึงมีอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่มากขึ้นกว่าเดิม และระบบช่วงล่างแบบ Adaptive ที่รองรับแรงกระแทกและเพิ่มความนุ่มนวล ทำให้ขับขี่ได้คล่องตัว
รถยนต์ต้นแบบ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี
รถยนต์ต้นแบบ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี เด่นด้วยสีดำ Black Jack Anthracite ที่เหลือบเป็นประกายสลับสีเทาและดำ ตัดกับสีแดง Curbside Red และสีส้ม High Speed Orange เพิ่มความร้อนแรงและเน้นให้เห็นดีไซน์อันโฉบเฉี่ยวของตัวรถ โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยความกว้างของลิ้นหน้าทรงกวาดพื้นขนาดใหญ่ กระจังรังผึ้งด้านหน้า และกันชนหลัง พ่วงด้วยสเกิร์ตด้านข้างและสปอยเลอร์บนหลังคา การใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีคุณสมบัติความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบาพิเศษทำให้รถมีน้ำหนักเบาและมีการกระจายน้ำหนักที่สมดุล ให้ความแรงลู่ลมในสไตล์รถแข่งโกคาร์ทแบบฉบับมินิที่แท้จริง
ข้อเสนอพิเศษในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35
ผู้ที่จองรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิภายในงาน และมีกำหนดรับส่งมอบรถยนต์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2561 จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ดังนี้
- การยกระดับโปรแกรมบำรุงรักษา BSI (BMW Service Inclusive) ยกเว้นรถบีเอ็มดับเบิลยู i
- สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถบีเอ็มดับเบิลยูทุกรุ่น ยกเว้นบีเอ็มดับเบิลยู i เมื่อซื้อโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Ultimate จะได้รับการยกระดับจากระยะเวลาบำรุงรักษา 5 ปี / 100,000 กิโลเมตร เป็น 10 ปี / 100,000 กิโลเมตร*
- การยกระดับโปรแกรมบำรุงรักษา MSI (MINI Service Inclusive)
- สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถมินิทุกรุ่น จะได้รับการยกระดับ MSI Standard ฟรี จากระยะเวลาบำรุงรักษา 3 ปี / 60,000 กิโลเมตร เป็น 10 ปี / 100,000 กิโลเมตร**
- สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ผ่านทาง บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปีเต็ม
- รับฟรี หมวกแก๊ปจาก MINI John Cooper Works พิเศษเฉพาะผู้มาทดลองขับรถยนต์มินิเท่านั้น
*ครอบคลุมการบริการดูแลบำรุงรักษา 10 ปี / 100,000 กม. และครอบคลุมการรับประกันและสมาชิกภาพ BMW Mobility Service เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
**ครอบคลุมการบริการดูแลบำรุงรักษา 10 ปี / 100,000 กม. และครอบคลุมการรับประกันและสมาชิกภาพ MINI Mobility Service เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง