รีวิว Nissan Terra อัตราเร่งเนียน ช่วงล่างนุ่ม คุ้มค่าตัว
นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ (New Nissan Terra) รถยนต์อเนกประสงค์ครั้งแรกในรูปแบบ SUV/PPV ของ
นิสสัน โดยหลังจากเปิดตัวไม่นานทีมงานเช็คราคา ก็ได้ทดสอบนิสสัน เทอร์ร่า ในลักษณะกรุ็ปเทส ไปบ้างแล้ว โดยเป็นการขับขี่ในรูปแบบ On และ Off Road สั้นๆ พอจับความรู้สึกได้เล็กน้อย และยังไม่หน่ำใจจึงได้นำเทอร์ร่า ใหม่ มาทดลองใช้งานในรูปแบบชีวิตประจำวันดูให้หายข้องใจว่า จะมีจุดเด่น-จุดด้อยอย่างไรบ้าง
โดย นิสสัน เทอร์ร่า ที่นำมาเป็นรุ่นท็อปสุด
Nissan Terra 2.3 VL 4WD 7AT ราคา 1,457,000 บาท ที่มาพร้อมกำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร เกียร์ 7 จังหวะ พร้อมเลือกระบบขับเคลื่อนได้ทั้ง 2 และ 4 ล้อ ระบบกล้องรอบทิศทาง สวิตช์พับเบาะแถวสองไฟฟ้า และระบบช่วยเหลือการขับขี่อีกเพียบ
จุดเด่นของนิสสัน เทอร์ร่า
นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นจากพื้นฐานเดิมของ นิสสัน นาวาร่า แต่ก็มีการปรับส่วนไฟหน้า กระจัง ซุ้มล้อ ให้เป็นรูปทรงเฉพาะตัว แม้จะดูแล้วไม่แตกต่างมากนัก ส่วนโครงสร้างตัวถังและท้ายออกแบบใหม่หมด
ภายในเทอร์ร่านั้น ยังคงความเป็นนาวาร่าไว้พอสมควร ทั้งคอนโซลหน้า มาตรวัด พวงมาลัย ตลอดจนระบบเครื่องเสียง รวมไปถึงบริเวณฐานเกียร์ ที่แทบจะใช้แบบเดียวกัน
มาตรวัดเรื่องแสงแบบอัจฉริยะพร้อมจอแสดงผลต่างๆ ของรถยนต์ที่นอกเหนือจากวัดความเร็ว วัดรอบเครื่องยนต์ ระดับน้ำมัน ระดับความร้อนเครื่องยนต์ ได้แก่ มุมเอียงของรถสำหรับการขับขี่ที่ผ่านสภาพเส้นทางแบบ Off-Road
แสดงความเอียงของรถแบบ 3 มิติ
แสดงสถานะขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง
แสดงสถานะขับเคลื่อน 4 ล้อ
รูปแสดงสถานะระบบขับเคลื่อน 2 และ 4 ล้อ แสดงแรงดันลมยาง การตั้งค่าต่างๆ ของรถ ระยะทางที่วิ่งได้จากน้ำมันคงเหลือ เป็นต้น พร้อมกับสัญลักษณ์ระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆ มากมายทั้ง
ซ้าย-ขวาสวิตช์พับเบาะแถวสองไฟฟ้า ตรงกลางเซ็นเซอร์หลังช่วยจอดและเตือนเมื่อมีรถผ่าน
ฟีเจอร์เด็ดเกินใครของเทอร์ร่านั่น ระบบพับเบาะแถวสองด้วยสวิตช์ไฟฟ้า ที่เพิ่มความสะดวกมากขึ้นในกรณีรับผู้โดยสารที่ไม่สะดวกในการปรับเบาะเอง เช่น เด็ก ผู้สูงอายหรือคนท้อง ขึ้นนั่งแถวสองและสาม โดยคนขับไม่ต้องลงจากรถเพื่อเดินอ้อมไปปรับเบาะ เพิ่มความคล่องตัวยิ่งขึ้นหากต้องจอดแวะรับคนในจุดเร่งด่วนได้ดีอีกด้วย
พับแล้วจะกว้างๆ แต่ระดับพื้นค่อนข้างสูงไปนิดนึง
Specification Nissan Terra ใหม่ ความจุลดลง แรงเท่าเดิม
มาดูสเปคของนิสสัน เทอร์ร่ากันอีกครั้ง เครื่องยนต์ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ใหม่ ทวินเทอร์โบ ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 7 สปีด ให้กำลังสูงสุดที่ 190 แรงม้า และมีแรงบิดมหาศาลที่ 450 นิวตัน-เมตร ผ่านระบบขับเคลื่อนที่มีให้เลือกทั้ง 2 ล้อ (2WD) และ 4 ล้อ (4WD)
ระบบกันสะเทือนด้านปีกนกคู่ ด้านหลังเป็นแบบไฟว์-ลิงค์ คอยล์สปริง (five-link coil spring rear suspension system) และเพลาหลังที่มั่นคงแข็งแรง ระบบเบรกหน้าดิสก์หลังยังคงเป็นดรัมเบรกอยู่ และล้อแม็ก 18 นิ้ว ยางขนาด 255/60R18
ระบบความปลอดภัย Nissan Intelligent Mobility
ภาพจากกล้องมองหลัง
นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ ใส่ของเอาไว้เพียบ ด้วยเทคโนโลยี Nissan Intelligent Mobility ได้แก่ ระบบเตือนรถออกนอกช่องทาง หรือ Lane Departure Warning (LDW) เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning (BSW) และเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM) ที่มาพร้อม เทคโนโลยีตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน หรือ Moving Object Detection (MOD)
ระบบเตือนรถออกนอกเลน
ระบบป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD) และระบบ Electronic Rear Differential-Lock รวมถึงเทคโนโลยีช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA) และเทคโนโลยีควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) ที่ช่วยให้สามารถควบคุมความเร็วของรถได้ในสภาวะการขับขี่ที่สูงชัน และด้วยระยะความสูงจากพื้นถนนถึงใต้ท้องรถ หรือ Ground Clearance ถึง 225 มิลลิเมตร และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
หลังจากรับรถมาใช้งานจริงเกือบ 1 อาทิตย์ นิสสัน เทอร์ร่า มีจุดเด่นที่เห็นได้ชัดเจนนั่นคือ ความนุ่มนวลที่ทำได้เกินคาด แม้ที่ความเร็วต่ำๆ จะมีอาการ "กระเด้ง" อยู่เบาๆ แต่เมื่อความเร็วสูงขึ้นก็หายไป
อัตราเร่งจากเครื่องยนต์ที่ถูกลดความจุลงเหลือ 2.3 ลิตร จาก 2.5 ลิตร ที่อยู่ในนาวาร่า แต่ก็ยังมีกำลัง 190 แรงม้า กับแรงบิด 450 นิวตันเมตร จึงคงความแรงสะใจได้เช่นเดิม โดยช่วงเร่งออกตัวจะมาแบบนุ่มๆ เนี่ยนๆ ไม่กระชากมากนัก แต่เมื่อเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มรู้สึกถึงแรงดึงที่เพิ่มขึ้น และความเร็วที่ไหลต่อเนื่องอย่างน่าพอใจ
ในจังหวะที่คิกดาวน์นั้น ในบางครั้งยังมีอาการ "คิดนาน" ของระบบเกียร์อยู่บ้างราวๆ 1 - 2 วินาที จึงจะตอบสนองอัตราเร่ง หากต้องการเร่งแซงอย่างฉับไวนั้น อาจต้องเผื่อการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์เล็กน้อย อาจเพราะมี 7 เกียร์ จึงใช้เวลาคำนวนสักพัก แต่เมื่อเข้าที่แล้วล่ะก็ เร่งความเร็วได้อย่างสะใจ และระบบเกียร์ที่ต่อเนื่องได้ดี
ความเร็ว 100 กม./ชม. ที่เกียร์ 7 รอบเครื่องยนต์ราว 1,700 รอบ/นาที
การควบคุมของพวงมาลัยนั้น ต้องบอกว่ายังให้ความรู้สึกคล้ายรถปิคอัพอยู่ นั่นคือ มีความหนักและหนืดพอสมควร การบังคับทิศทางยังไม่คมมากนัก มีระยะหน่วงหรือต้องหักองศามากๆ จึงจะเลี้ยวได้เยอะขึ้น แต่ก็มีข้อดีเพราะในช่วงความเร็วสูงนั้น น้ำหนักกำลังดี ไม่เบาหวิวเกินไป ทำให้ควบคุมรถได้แบบไม่ต้องเกร็งมือนัก
ระบบขับเคลื่อนที่เลือกเปลี่ยนได้สะดวกเพียงหมุนสวิตช์เท่านั้น และในการใช้แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ความเร็วสูงหรือ 4H นับว่าไม่มีอาการหน่วงของอัตราเร่งมากนัก ยังทำความเร็วได้ดีไม่แตกต่างกับใช้ระบบขับ 2 ล้อหลัง และช่วยให้เกาะถนนมากขึ้นเมื่อขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงๆ อีกด้วย นับว่าระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4H เร่งทันใจไม่แพ้แบบขับ 2 ล้อเลย
สำหรับเบาะนั่งคนขับนั้นเมื่อขับช่วงแรกๆ รู้สึกสบายๆ แต่เมื่อเริ่มนั่งนานเริ่มมีอาการเมื่อยล้าอยู่บ้าง ด้วยความแข็งจากฟองน้ำของเบาะที่ยังไม่เข้ารูปลำตัวเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังดีที่ให้ความกระชับตัวมาเวลาเข้าโค้งตัวไม่เอียงจากพนักพิงเบาะจนเกินไป
ส่วนเบาะนั่งตำแหน่งข้างคนขับที่มีระดับสูง จึงมีพื้นที่เหนือศรีษะน้อยลง และปรับระดับสูง-ต่ำไม่ได้ สำหรับเบาะแถวสองนั่งสบายเกินคาด ยิ่งระบบช่วงล่างนุ่มนวลอย่าง Five-Link ทำให้นั่งได้นิ่งขึ้น ไม่กระเทือนมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม ในความนุ่มนวลนั้น ยังพอมีอาการโครงของตัวรถอยู่บ้างเวลาเปลี่ยนเลนหรือเข้าทางโค้ง แต่จะไม่มากนัก เพราะโช้คยังให้ความแข็งอยู่ในระดับนึง
ตำแหน่งนั่งของเบาะแถวสองนับว่าดีเกินขาด ด้วยการออกแบบคล้าย Theater Seat หรือเล่นระดับแบบที่นั่งโรงหนังแท้ๆ เพราะเมื่อนั่งจริงระดับตัวสูงมากและสามารถมองหน้าด้านได้สบาย และปรับระดับพิงหลังได้อีกด้วย บวกกับความเย็นของลมแอร์ที่ได้ทั้งด้านหน้า คอนโซลกลาง และเพดาน จึงเย็นฉ่ำอย่างรวดเร็วแม้จอดตากแดดมานานๆ
เบาะแถวสามเกือบแบนราบกับพื้นเมื่อนั่งแล้วเข่าจะยกสูง แต่ยังดีที่มีพื้นกว้าง
กล่อง "ซ่อนหา" สำหรับคนมีความลับ!
เบาะแถวที่สามนั้น หากไม่นับการเข้าออกที่สะดวกจากระบบเบาะแถวสองที่พับด้วยสวิตช์ไฟฟ้า ก็น่าจะเป็นเรื่องของระดับเบาะรองนั่งที่ต่ำหรือติดกับพื้นตัวรถ ทำให้เมื่อนั่งแล้วหัวเข่าจะยกสูงขึ้น และอาจนั่งได้ไม่สะดวกสบายนัก เมื่อเดินทางไกลอาจต้องแวะพักบ่อยสักหน่อย หากปรับเรื่องเบาะให้สูงขึ้นน่าจะทำให้เทอร์ร่าสมบูรณ์แบบมากขึ้น
ระบบเครื่องเสียงจาก KENWOOD ที่เป็นการติดตั้งแบบ Built-in ซึ่งส่งผลให้อาจดูแล้วไม่ค่อยกลมกลืนนัก และระบบเลือกช่องของวิทยุที่ตั้งเอาไว้ไม่สามารถใช้ปุ่มบนพวงมาลัยได้ เพราะเมื่อเลื่อนขึ้นหรือลงจะเป็นการ "ค้นหา" สถานีแทน แต่ก็ยังให้ความไพเราะกับระบบเสียงและลำโพงที่ดีพอตัว
ในเรื่องความเย็นสะบายนับเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นเพราะมีให้ทั้งระบบแอร์อัตโนมัติ ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวสองและติดตั้งสวิตช์ควบคุมระบบแอร์ตอนหลังเอาไว้บนเพดาน ที่ใช้งานได้สะดวกทั้งคนนั่งแถวสองและแถวสาม
เทคโนโลยี Nissan Intelligent Mobility ช่วยให้ขับได้สะดวกขึ้น
เทคโนโลยี Nissan Intelligent Mobility ที่โดดเด่นเมื่อขับขี่หรือใช้งานจริงน่าจะเป็นระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง หรือ Lane Departure Warning (LDW) เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning (BSW) และเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM) ที่มาพร้อม เทคโนโลยีตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนวัตถุ
มีกล่องซ่อนไว้ใต้กระจกบานหลัง
ภาพจากกล้องต้องโยกไปข้างหน้าสวิต์นี้เพื่อเปิดใช้งานเท่านั้น
เมื่อดันปุ่มตรงกลางที่อยู่ถัดมาก็สามารถเลือกการแสดงภาพทั้ง ด้านหลัง,รอบคัน และหน้ารถ
กับอีกรูปแบบคือ ด้านหลัง, ข้างซ้าย และหน้ารถ
กล้องรอบคันที่สามารถเลือกได้โดยการปรับคันโยกที่อยู่ใต้กระจกมองหลัง คล้ายๆ กับการโยกเพื่อหลบไฟที่ส่องเข้าตาจากรถคันหลัง เพื่อเป็นการเปิดสวิตช์
โดยระบบกล้องนี้หากไปดันคันโดยกจะไม่สามารถใช้งานกล้องมองหลังได้ แม้จะเข้าเกียร์ถอยก็ตาม ซึ่งในจุดนี้น่าจะตั้งให้เปิดกล้องอัตโนมัติไปพร้อมกันก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้น
ภาพจากกล้องหลังมันจะใกล้ๆ หน่อย
สำหรับภาพจากกล้องมองหลังนั้น จะคล้ายกับการใช้กล้องแสดงภาพจากหลังรถ เพื่อให้เห็นมุมที่กว้างและลดมุมอับสายตาได้อย่างดี แต่ในการใช้งานจริงนั้น ต้องมองให้คุ้นเคย เพราะระยะจะหลอกตาผู้ขับ โดยวัตถุที่เห็น เช่น รถยนต์ ฯลฯ จากทางด้านหลังจากดูเหมื่อ "เข้าใกล้" มากๆ แต่นับว่าได้ "เห็นมุมมองที่ดีกว่า" การมองผ่านกระจกส่องหลัง เพราะจะถูกเบาะแถวสามบัง จนเห็นได้แต่ระยะไกลๆ เท่านั้น นับว่ามีประโยชน์มากๆ นอกจากนี้ผู้โดยสารก็ยังเห็นภาพแบบเดียวกัน และช่วยสอดส่องเป็นผู้ช่วยคนขับได้อีกทางหนึ่งด้วย
แต่ก็มีข้อจำกัดเมื่อเวลากลางคืนภาพจะไม่ค่อยคมชัดนัก หากเป็นระบบเลนส์อย่างดีกว่านี้จะทำให้ใช้งานตอนกลางคืนได้ดีทีเดียวครับ
มาถึงเรื่องความประหยัดนั้น นิสสัน เทอร์ร่า อาจไม่โดดเด่นนัก เพราะให้ความประหยัดในระดับพอๆ กับรถระดับเดียวกันทั่วไป โดยในการขับขี่ทดสอบในครั้งนี้ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยราวๆ 9 - 10 กม./ลิตร ขึ้นกับสภาพการจราจรและพฤติกรรมการขับขี่ในแต่ละวัน นับเป็นเรื่องปกติของรถขนาดใหญ่เครื่องยนต์โตๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องกำลังเครื่องยนต์นั้นแรงเกินตัวแม้รุ่นท็อป 4X4 นี้จะหนักถึง 2,118 กก.ก็ตาม
สรุปจากการใช้งานนิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ กว่า 5 วัน นั้น (ความคิดเห็นส่วนตัว)
ข้อเด่น - เครื่องยนต์ให้อัตราเร่งดี นุ่มนวลไม่กระชาก ช่วงล่างนุ่มนวล เมื่อนั่งเบาะแถวสองไม่เอนจนเวียนหัวมากนัก ระบบเบรกดีเยี่ยม ทั้งที่เบรกหลังแบบดรัม แต่ก็ไม่รู้สึกถึงจุดด้อยแต่อย่างได้ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบความเร็วสูง (4H) ไม่หนืด ขับสบายไหลลื่นได้ดี ราคารุ่นท็อปนับว่ายังไม่สูงเกินไปนัก (ปรับราคาทุกรุ่นเพิ่มขึ้นอีก 50,000 บาท ต้นปี 2019) ระบบสวิตช์ไฟฟ้าพับเบาะแถวสองสะดวกมาก ระดับของเบาะแถวสองยกระดับสูงกว่าเบาะคู่หน้า มองเห็นสบาย กล้องมองรอบคันช่วยจอดได้สะดวกขึ้น
ข้อควรปรับปรุง - การขับขี่ในเมืองจะยังไม่คล่องตัวเท่าใดนัก เนื่องจากน้ำหนักพวงมาลัยที่ยังให้ความรู้สึกแบบรถ "ปิคอัพ" เบาะนั่งที่แข็งไปหน่อย ภาพจากกล้องมองหลังต้องดันคันโยกจึงจะแสดงภาพ หากเข้าเกียร์อย่างเดียวภาพจะไม่ขึ้น ไม่มีเบรกมือไฟฟ้าและ Brake Hold ฝากระโปรงท้ายหนักต้องใช้แรงมากในการเปิดขึ้น เบาะแถวสามระดับต่ำเดินทางไกลๆ อาจนั่งต้องพักบ่อยๆ สวิตช์ควบคุมเครื่่องเสียงควรจะเลือกสถานีที่ตั้งเอาไว้ได้เลย
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
Nissan Terra ใหม่ PPV ที่นิสสันตั้งใจผลิตเพื่อตอบสนองความต้องของครอบครัวที่หาทางเลือกใหม่ จากตัวเลือกเดิม เครื่องยนต์ 2.3 ลิตร เทอร์โบ 190 แรงม้า อัตราเร่งเนียน ช่วงล่างนุ่ม เทคโนโลยีรอบคันที่เหมาะสมและคุ้มค่าตัว และมีตัวเลือก 3 รุ่นย่อยที่มีสเปคเครื่องยนต์ เกียร์ช่วงล่างและช่วงล่างเดียวกัน แตกต่างเพียงออปชั่นเสริม และระบบ 2WD หรือ 4WD หากไม่ค่อยลุยมากนักก็เลือกรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ก็นับว่าเพียงพอต่อการใช้งานแลล้ว นิสสัน เทอร์ร่าใหม่ มาพร้อมราคาดังนี้
(ปี 2019 ราคาปรับเพิ่มอีกรุ่นละ 50,000 บาท)