ซื้อรถใหม่ถึงคราวต้องเลือก "อยากขับแต่ไม่อยากใช้" VS "อยากใช้แต่ไม่อยากขับ"
การเลือกซื้อรถยนต์ใหม่ นับว่ามีความยากลำบากในการตัดสินใจ เพราะรถยนต์แต่ละรุ่นในปัจจุบัน ให้ทั้งรูปลักษณ์ สมรรถนะและราคารวมถึงบริการต่างๆ ที่พัฒนาได้ดีขึ้นกว่าอดีตมากมาย และที่สำคัญยังมีออปชั่นต่างๆ ให้มาแบบครบถ้วน นอกจากนี้ในรถระดับเดียวกันก็มีความแตกต่างทางด้าน ราคา อุปกรณ์เสริมต่างๆ ไม่มากนัก แต่ที่แน่ๆ ในการเลือกซื้อรถ เราควรต้องพิจารณาถึง 2 เรื่องเป็นหลัก นั้นก็คือ "ความชอบ" และ "งบประมาณ"
ความชอบ
การซื้อรถแน่นอนต้องคำนึงถึงความชอบในรถยนต์รุ่นนั้นๆ ก่อนเป็นสิ่งแรก ทั้งรูปทรงภายนอก ภายใน สมรรถนะ สเปกเครื่องยนต์ ระบบความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวกที่มี ในราคาและความเหมาะสมของรถยนต์แต่ละระดับ
ความต้องการนี้อาจหมายถึง การชื่นชอบรถสปอร์ต รถที่มีสมรรถนะสูงๆ รถที่ขับได้สนุก เร็วและแรง หรือว่ามีเทคโนโลยีต่างๆ ที่มาช่วยในการขับขี่ที่ดีขึ้น ซึ่งย่อมต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่มีน้อยกว่า โดยเริ่มตั้งแต่ราคารถที่สูงขึ้นตลอดจนราคาอะไหล่ต่างๆ นอกจากนี้ในเรื่องบริการหลังการขายต้องมั่นใจได้ รวมถึงการเข้าซ่อมแซมเช็คระยะนอกศูนย์ในอนาคตเมื่อจำเป็นต้องตัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาออกไปอีกด้วย
การเลือกรถยนต์ที่ชอบหรือที่อยากขับ จึงอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เมื่อซื้อมาแล้วเราจะดูแลต่ออย่างไร สะดวกแค่ไหน นอกจากเจ้าของรถจะมีกำลังเพียงพอในการดูแลรถคนที่ชอบนั้นได้อย่างสบาย
ส่วนผู้ที่มีกำลังทรัพย์เพียงพออาจได้เปรียบกว่าในเรื่องการใช้งานระยะยาว เพราะไม่ต้องควบคุมค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพื่อมาดูแลรถคันที่ชอบมากนัก การเลือกรถที่ชอบก็อาจเป็นคำตอบสุดท้ายก็เป็นไปได้
แต่ก็ยังไม่หมดทางเลือกเสมอไป! .. แม้ว่ารถที่ชอบจะที่ราคาค่าตัวและการดูแลสูง เพราะในปัจจุบันศูนย์บริการ อู่ซ่อมรถหรือร้านอะไหล่ต่างๆ มีเพียบ สามารถเลือกใช้บริการได้มากมาย และในหลายแห่งยังตรวจสอบค่าใช้จ่ายได้ก่อนการเข้ารับบริการอีกด้วย นอกจากนี้เว็บไซต์ของค่ายรถยนต์หลายยี่ห้อมีบริการดูรายละเอียดการเช็คระยะว่าสิ่งใดต้องบำรุงรักษาบ้าง พร้อมคำนวณค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ให้เสร็จสรรพ ซึ่งบางครั้งอาจเทียบเท่าหรือแพงกว่าอู่นอกไม่มากนัก เราสามารถคำนวณและประเมินค่าใช้จ่ายได้ด้วยตัวเองอีกด้วย
งบประมาณ
งบประมาณในการซื้อรถ ในข้อนี้ใกล้เคียงความเป็นจริงมากถึงมากที่สุด เพราะว่าจะซื้อรถต้องมีเงิน เริ่มตั้งแต่ซื้อรถยนต์ใหม่ไม่ว่าจะดาวน์ผ่อนส่งหรือซื้อเงินสด ต่อมาก็เป็นเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับรถคันนั้น เช่น ค่าประกันภัย รถยนต์ยิ่งราคาสูงค่าประกันก็ยิ่งสูงเป็นเงาตามตัว, ค่าภาษีประจำปี, ค่าน้ำมัน (ขึ้นกับขนาดเครื่องยนต์และประเภทของรถยนต์), ค่าบำรุงรักษา เป็นต้น สิ่งเหล่านี้มีน้ำหนักในการตัดสินใจซื้อรถยนต์เป็นอย่างมาก
นอกจากเรื่องงบประมาณแล้ว ควรศึกษาการใช้งาน จุดเด่น จุดด้อย ของบกพร่องต่างๆ ของรถยนต์รุ่นนั้นๆ เอาไว้ด้วย เช่น สอบถามผู้รู้หรือผู้ใช้งานจริง, เปรียบเทียบราคาอะไหล่, ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมนอกว่ามีเพียงพอรองรับหรือไม่ เป็นต้น
งบประมาณจึงกลายเป็นข้อเท็จจริงที่ใกล้เคียงมากที่สุดในการจะเลือกซื้อรถยนต์สักคัน และบางครั้งก็อาจไม่ตรงกับความต้องที่อยากได้-อยากขับรถรุ่นนั้นๆ อีกด้วย
การเลือกซื้อรถ บางครั้งก็อยากขับรุ่นหนึ่งที่ชื่นชอบในสมรรถนะ ความหรูหรา สะดวกสบาย น่าขับน่าเป็นเจ้าของอย่างมาก แต่อาจดูแลไม่ไหว ส่วนรถที่ใช้อยู่หรือต้องเลือกซื้อมาไว้ใช้งานจริงแม้จะไม่ใช่รถที่ชอบที่สุด แต่ก็ให้ความสบายใจในการใช้งานชีวิตประจำวันมากที่สุด
รถยนต์เป็นเสหมือนเครื่องจักรชนิดหนึ่งก็ว่าได้ จึงมีการ "เสื่อมสภาพ" ตามกาลเวลาและการใช้งาน ขึ้นกับว่าผู้ซื้อต้องการซื้อรถคันนั้นไว้ "ใช้งาน" หรือเพื่อให้ "เป็นทรัพย์สิน" หรือ "เป็นรางวัลความสำเร็จแห่งชีวิต" ก่อนเลือกซื้อรถ ถามใจตัวเองให้แน่ชัดว่า "ซื้อรถมาเพื่ออะไร" แล้วชีวิตคุณจะ "HAPPY" กับการใช้รถคันนั้นแน่นอน