รีวิว Hyundai Ioniq EV ลองขับสั้นๆ แต่แรงจริง สะดวกด้วยออปชั่นเต็มคัน (Test Drive Review)
Hyundai IONIQ รถยนต์ไฟฟ้าล้วนหรือ EV ที่ใช้พลังงานขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน เรียกว่า ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนและมีมอเตอร์ไฟฟ้าอีกชุดสำหรับระบบแอร์และอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ต่างๆ ราคา 1,749,000 บาท
ทีมงานเช็คราคา.คอม ได้มีโอกาสทดลองขับ ฮุนได ไอออนิค แบบสั้นๆ จากจุดนัดหมายร้ายอาหารชวนคิดเช่นในเมืองทองธานีขึ้นทางด่วนลงเชียงรากและวนกลับมาจุดเดิมระยะทางราว 20 กว่ากม. แต่ว่า ได้สัมผัสทั้งอัตราเร่ง ระบบการขับขี่ เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ให้มาเต็มคันอย่างชัดเจน
Hyundai IONIQ แนวคิดออกแบบคือ เน้นให้เป็นรถที่มีความสะดวกสบายสไตล์รถยนต์ซีดาน แต่ผสานความสปอร์ตในรูปทรงรถแฮตช์แบ็ค ท้ายลาดเอียง ประตูท้ายเป็นชิ้นเดียวกับกระจกบานหลัง
ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED 2 โคม และไฟสูงฮาโลเจน กระจังแบบทึบไม่มีช่องรับลมเพราะไม่มีหม้อน้ำให้ต้องระบบความร้อน กันชนหน้าเป็นชิ้นเดียวกันพร้อมช่องไฟตัดหมอกที่มีช่องระบายอากาศเพื่อไหลเข้าสู่ระบบเบรก
ไฟท้ายแบบ LED ประตูบานหลังแบบชิ้นเดียวโดยมีกระจกแบ่งเป็น 2 ช่อง เพิ่มวิสัยทัศน์ให้มองได้ใกล้มาขึ้น มาพร้อมล้อแม็กขนาด 16 นิ้ว
ภายในถูกออกแบบโดยเน้นถึงความเป็นรถแห่งอนาคต ด้วยแนวคิด "Purified High-Tech" ที่เน้นถึงความเรียบง่าย ลื่นไหล แต่มีความประณีต และใช้งานง่าย เน้นการใช้วัสดุที่ก่อให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมที่น้อยที่สุด มีผิวสัมผัสที่เรียบ ลื่น และให้ความรู้สึกสะอาดบริสุทธิ์ วัสดุภายใน จึงเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ
หน้าปัดแบบจอสี TFT นาด 7 นิ้ว กราฟฟิกทันสมัยแสดงผลทั้งระบบการใช้พลังงานเมื่อขับขี่ ระดับคงไฟฟ้าเหลือในแบตเตอรี่ มาตรวัดความเร็ว และแสดงสถานะการทำงานต่างๆ ของรถพร้อมกับเปลี่ยนรูปแบบหน้าจอตามโหลดการขับขี่
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นควบคุมเครื่องเสียง แสดงผลหน้าจอ ครุซคอนโทรล Smart Cruise Control ที่สามารถรักษระยะห่างของรถคันหน้าได้ และตั้งระยะห่างได้ 3 ระยะอีกด้วย ระบบความบันเทิงจอสีแบบสัมผัส 5 นิ้ว เชื่อมต่อ USB/Bluetooth
คอนโซลกลางเป็นตำแหน่งสวิตช์เกียร์แบบไฟฟ้า ถัดลงมาเป็นสวิคช์เบรกมือไฟฟ้าและเบรกชั่วคราวอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีช่อง Wireless Charging สำหรับสมาร์ทโฟนที่มีระบบรองรับการชาร์จแบบไร้สาย
เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง มีระบบอุ่นเบาะมาให้ในคู่หน้าด้วย เบาะหลังพับได้ 60/40 ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมด้วยโหมดประหยัดพลังงานเมื่อขับขี่เพียงคนเดียว โดยระบบแอร์จะเปิดทิศทางลมเฉพาะด้านคนขับ เพื่อประหยัดไฟฟ้า
ข้อมูลทางเทคนิค Hyundai IONIQ
Hyundai IONIQ ขับเคลื่อนโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าชนิดซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ที่ให้พละกำลังสูงสุด 120 แรงม้า (88kW) แรงบิดสูงสุด 295 นิวตัน-เมตร เชื่อมต่อผ่านระบบเกียร์แบบ single-speed สามารถเลือกตำแหน่งเกียร์ผ่านปุ่มกดบริเวณคอนโซลกลาง ความเร็วสูงสุดที่ 165 กม./ชม.
แบตเตอรี่ที่ใช้สำหรับเก็บพลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนนั้น เป็นแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน โพลิเมอร์ ใช้เวลาในการชาร์จไฟแบบปกติอยู่ที่ 4 ชั่วโมง 25 นาที ที่กำลังไฟชาร์จ 50 KW โดยแบตเตอรี่ติดตั้งอยู่ใต้ที่นั่งของผู้โดยสารตอนหลัง แต่ยังคงไว้ซึ่งพื้นที่ที่สามารถบรรจุสัมภาระได้สูงสุดถึง 650 ลิตร และระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ราวๆ 280 กิโลเมตร
ส่วนระบบชาร์ตเร็วหรือ Quick charge ด้วยกำลังไฟชาร์จ 100 KW ใช้เวลาประมาณ 23 และ 30 นาที สามารถอัดไฟได้ 80%
Eco Mode
Normal Mode
Sport Mode
ระบบการขับเคลื่อนนี้สามารถเลือกใช้งานได้ 3 รูปแบบ คือ Eco,Normal และ Sport พร้อมการเปลี่ยนสีบนหน้าปัดตามโหมด เช่น ประหยัด-สีเขียว, ธรรมดา-สีเทา และสปอร์ต-สีแดง
นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบชาร์จไฟกลับโดยเพียงยกคันเร่งระบบก็จะชาร์จระบบไฟฟ้าเก็บเข้าแบตเตอรี่ แต่ถ้ายังไม่พอสามารถเลือกโหมดการเพิ่มปริมาณชาร์จกลับให้มากยิ่งด้วยการใช้ "แพดเดิ้ลชิฟ" บนพวงมาลัย โดยฝั่งซ้ายจะเป็นการเพิ่มการชาร์จจังหวะที่ 1 หากกดเพิ่มจะเป็น 2 และสุดที่ 3 ระดับ โดยระบบนี้ยังกลางเป็นตัวช่วยลดหรือชะลอความเร็ว คล้ายๆ การลดตำแหน่งเกียร์ลงมาเพื่อให้ความเร็วลดลงได้อีกด้วย และหากไม่ต้องการชาร์จแบบเร็วก็ปรับคืนได้ที่ฝั่งขวา (คล้ายการเพิ่มตำแหน่งเกียร์) ระบบก็จะลดความหน่วงทำให้ความเร็วไหลได้ต่อเนื่อง
การทดลองขับ Hyundai IONIQ
Hyundai ioniq ให้ความรู้สึกไม่แตกต่างกับรถยนต์ขนาดเดียวกันทั่วไปเลย ทั้งฟิลลิ่งในการขับ น้ำหนักของพวงมาลัย โดยให้อัตราเร่งที่เทียบเท่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ 1.5 หรือ 1.6 ลิตร
อัตราเร่งออกตัวนั้นเมื่อกดคันเร่งแบบสุด มาตรวัดบนหน้าปัดจะแสดงให้เห็นเลยว่าใช้คันเร่งระดับกี่เปอร์เซ็นต์ โดยเมื่อเหยียบสุดๆ เข็มจะยันที่ 100 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คล้ายกับว่ากำลังขับรถ 1.6 ลิตร อยู่ ต่างเพียงแค่ไม่มีเสียงเร่งของเครื่องยนต์หรือแม้กระทั่งเสียงของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเลย
กำลังของมอเตอร์ไฟฟ้านับว่าตอยสนองการขับขี่ได้ครบทุกรูปแบบทั้งออกตัว เร่งแซง และที่ความเร็วคงที่ นอกจากนี้ยังเลือกเล่นได้หลายโหมด ทั้งธรรมดา ประหยัดและสปอร์ต ซึ่งจะแตกต่างชัดเจนในโหมดสปอร์ตที่จะให้อัตราเร่งที่รวดเร็วมากเป็นพิเศษ พร้อมๆ กับระดับไฟในแบตเตอรี่ที่ลดลงเช่นกัน
ส่วนโหมดธรรมดากับประหยัดจะต่างแค่ การตอบสนองในโหมดประหยัดจะมาช้ากว่า แต่หากต้องการใช้อัตราเร่งอย่างทันทีก็สามารถคิกดาว์นเร่งได้ทันทีเทียบเท่าโหมดธรรมดาเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมาพร้อมความปลอดภัยเต็มคันเนื่องจากว่าฮุนได ไอออนิครุ่นนี้นำเข้ามาใช้สเปคเดียวกับที่จำหน่ายในยุโรป จึงมาพร้อมระบบเตือนมุมอัพสายตา Blind Spot Detection, ระบบเตือนออกนอกเลนพร้อมดึงกลับเบาๆ Lane Departure Warnning-LDW, ระบบ Lane Keeping Assist-LKA นำรถกลับช่องทางเดิม
ในระบบครุซคอนโทรลหรือ Smart Cruise Control-SCC ควบคุมความเร็วอัจฉริยะสามารถรักษาระยะห่างของรถคันหน้าพร้อมทั้งชะลอหรือเร่งตามได้ และที่สำคัญได้ลองเมื่อความลดลงต่ำจนจอกสนิทที่ไม่เกิน 3 วินาที เมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ออกไปก็จะเร่งความเร็วตามที่ตั้งไว้ แม้รถคันหน้าจะเลี้ยวโค้งก็ตามนับว่าระบบตรวจจับคันหน้าละเอียดแม่นยำตรวจจับได้มุมกว้างมากๆ
และยังมาพร้อมระบบเตือนเมื่อขับใกล้คันหน้ามากเกินไปหรือ Forward Collision Warnning-FCW ที่จะส่งเสียงเตือนหรือหากไม่มีการตอบสนองระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ Autonomous Emergency Braking System-AEB จะหยุดรถให้ทันที
ระบบช่วงล่างนับว่าหนึบแน่น เงียบ และให้น้ำหนักพวงมาลัยที่ดี โดยช่วงความเร็วต่ำน้ำหนักพวงมาลัยจะหนืดๆ เล็กน้อย แต่ทีความเร็วสูงกลับมีน้ำหนักกำลังดีไม่เบาเกินไปและควบคุมง่ายไม่เกร็งมือ
Hyundai Ioniq ความนุ่มนวลเทียบเท่ารถระดับกลาง ไม่มีอาการโยนตัวเมื่อเปลี่ยนช่องทางหรือขึ้นเนิน การเข้าโค้งก็ทำได้ดี ระบบเบรกที่ตอบสนองไว้ต่อน้ำหนักเท้า อาจต้องขับจนคุ้นเคยสักพักจึงจะเบรกได้นุ่มนวล แต่ก็สามารถเบรกได้ดีเทียบเท่าระบบเบรกทั่วไปแม้จะเป็นระบบไฟฟ้าก็ตาม
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
Hyundai Ioniq กับค่าตัว 1,749,000 บาท นับเป็นรถที่มีราคาสูงเอาเรื่องอยู่ แต่เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีระบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน ลดมลพิษ ให้อัตราเร่งใช้งานได้ดี ระบบความปลอดภัยเทียบรถยนต์ยุโรป ช่วงล่างเกาะถนนมั่นใจ นำเข้าทั้งคัน ค่าบำรุงรักษาต่ำมากเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ ลดการต้องเปลี่ยนถ่ายของเหลวต่างๆ ลงไปเกินครึ่ง!
การเข้าเช็คระยะทุกๆ 15,000 กม.เท่านั้น และเสียค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 500 - 2,000 บาท ตามแต่ระยะทางเท่านั้นเมื่อรวมตลอด 120,000 กม.จ่ายเพียง 12,452 บาทนอกจากนี้ยังรับประกันคุณภาพรถยนต์ 3 ปีหรือ 100,000 กม. และรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปีเต็ม
เรื่องที่อาจกังวลว่าจะขับได้ระยะทางยาวแค่ไหนนั้น โดยปกติอยู่ที่ 280 กม. แต่หากใช้งานจริงในเมืองการจราจรหนาแน่นก็ให้เผื่อลดระยะทางลงมาราวๆ 200 กม. หรือหากเดินทางไกลก็ 220-230 กม. และหากต้องเดินทางไกลควรต้องวางแผนหาจุดชาร์จตามสถานที่ต่างๆ ที่ผ่าน ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีให้เห็นเยอะขึ้นเรื่อยๆ