รถยนต์ไฟฟ้าเทรนด์ใหม่แห่งปี 2018
รถยนต์ไฟฟ้าเริ่มเข้ามามีบทความในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในต่างประเทศที่มีรถยนต์ใช้ไฟฟ้าล้วนวิ่งกันเกลื่อนถนนมานานหลายปี พร้อมกับมีเทคโนโลยีที่โดดเด่นมากมายเกินหน้าเกินตารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในหรือแม้กระทั่งล้ำหน้าเกินกว่ารถยนต์ไฮบริด-ปลั๊กอินด้วยซ้ำไป และในปัจจุบันกลายเป็นเทรนด์ยอดฮิตของค่ายรถยนต์ที่ต่างก็ผลิตรถยนต์พลังงานมอเตอร์ไฟฟ้าออกมาอวดโฉมและโชว์สมรรถนะกันมากมาย ซึ่งนับเป็นแทรนด์ใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2018 มาดูว่ามีรุ่นไหนแจ่มๆ กันบ้าง
Tesla Model 3
ภาพจาก www.NetCarShow.com
Tesla Model 3 รถยนไฟฟ้าที่มีการทำตลาดจริงจังมายาวนานโดยรุ่น Model 3 นี้นับเป็นรุ่นที่มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุดอีกรุ่นหนึ่งของเทสล่า หากไม่นับ Tesla Roadster ที่จะมาในปี 2020! ด้วยสมรรถนะอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ใน 6 วินาที และวิ่งได้ 200 ไมล์ต่อการชาร์จ 14 ครั้ง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
www.tesla.com/model3 Lucid Air
ภาพจาก www.Lucid.com
Lucid Air แบรนด์นี้มาแรงแซงเทสล่าในเรื่องความแรงของระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ด้วยสมรรถนะพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 400 แรงม้าใช่... ตัวเลขนี้มาจากมอเตอร์ไฟฟ้า ผ่านระบบขับเคลื่อนล้อหลัง อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ เพียง 2.5 วินาที!!!!! สามารถอัพระบบให้วิ่งได้ถึง 400 ไมล์ต่อการชารจ์ 1 ครั้ง โอ้วแม่เจ้า!!! มันเร้าใจยิ่งนักสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจากค่าย Lucid
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
lucidmotors.com BYD e6 Luxury Version
ภาพจาก www.facebook.com/BYDThailand/
BYD e6 Luxury Version รถยนต์ไฟฟ้าที่เริ่มมีผู้จำหน่ายนำเข้ามาทำตลาดในประเทศแล้ว แถมราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทอีกด้วย โดยเจ้า BYD e6 Luxury Version นับเป็นรถแบบ MPV ที่ดูเป็นรถหน้าตาแบบปัจจุบันมากที่สุดหรือรถตลาดนั่นเอง จุดเด่นไม่ใช่เรื่องรูปร่างหน้าตา แต่เป็นเรื่องของความคุ้มค่า ความประหยัดและตอบสนองการใช้งานได้หลากหลายนั่นเอง E6 มาพร้อมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 80kWh กำลังสูงสุดเพียง 121 แรงม้า แต่ว่าแรงบิด 450 นิวตันเมตร เทียบเท่ารถปิคอัพเครื่องระดับ 2.5 ลิตร ด้วยซ้ำไป! และมาพร้อมระยะทางที่วิ่งได้กว่า 300 กม./ชม.ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ให้อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ ใน 7.69 วินาที ราคา 1,890,000 บาทเท่านั้นเอง
Kia Soul EV
Kia Soul EV นับเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนพื้นฐานจาก KIA Soul แต่ปรับเปลี่ยนระบบการขับเคลื่อนต่างๆ รวมถึงแบตเตอรี่แบบ LIPB - ลิเธียม-ไอออน โพลีเมอร์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 375 โวลต์ กำลังสูงสุด 81.4 กิโลวัตต์ ที่ 2,730 - 8,000 รอบต่อนาที (ประมาณ 110 แรงม้า) แรงบิด 285 นิวตันเมตร ที่ 0 - 2,730 รอบต่อนาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 145 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีอัตราสิ้นเปลือง 142 วัตต์ชั่วโมงต่อกิโลเมตร และสามารถวิ่งได้ 250 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ราคาที่ยังพอปาดเหงื่อไหว อยู่ที่ 2,297,000 บาท
FOMM
ภาพจาก www.mensmile.com
รถยนต์พลังงานไฟฟ้าตัวจิ๋งแต่เจ๋งคันนี้เป็นผลงานของ FOMM โดยนายฮิเดโอะ ทซึรุมากิ ซึ่งเคยทำงานใน Toyota มาก่อนเป็นคนคิดค้นและตั้งบริษัทขึ้น และทางเอฟโอเอ็มเอ็ม (เอเซีย) จำกัด FOMM มีน้ำหนักรถ 445 กิโลกรัม (ไม่รวมแบตเตอรีและอุปกรณ์เสริม) นั่งได้ 4 คน กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 280 นิวตันเมตร 2 ชุดติดตั้งที่ล้อคู่หน้า ระยะทางที่วิ่งได้ประมาณ 160 กม.ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง นอกจากนี้ยังออกแบบมาให้เหมาะสมกับเมืองไทยด้วยการลุยน้ำได้ เพราะออกแบบให้ทนต่อความเสียหายแม้จะอยู่ในสภาวะน้ำท่วมขัง และเปิดรับจอง FOMM EV รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นจิ๋วแบบ Short Range สำหรับการเดินทางระยะสั้นที่งาน Bangkok Motor Show ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม ถึง 8 เมษายนนี้ อิมแพค เมืองทองธานี
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
fomm.co.th/th/ Porsche Mission E Cross Turismo
Porsche Mission E Cross Turismo เผยโฉมในงานมหกรรมยานยนต์ Geneva Motor Show ด้วยแนวคิดในการพัฒนารถยนต์ Cross-Utility Vehicle (CUV) พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของระบบเครือข่ายชาร์จพลังงาน 800 โวลต์ fast-charge network รองรับการชาร์จแบบไร้สายด้วย charging dock หรือระบบ Porsche home energy management system มิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo) สืบทอดจากปอร์เช่ Mission E ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ International Motor Show (IAA) เมื่อปี 2015 ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนประสิทธิภาพสูง 2 ชุด ให้กำลังสูงสุดมากกว่า 600 แรงม้า (440 กิโลวัตต์) อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใช้ระยะเวลาน้อยกว่า 3.5 วินาที และพุ่งทะยานแตะความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในระยะเวลาต่ำกว่า 12 วินาที ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive และสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดประมาณ 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง จากระบบไฟฟ้าแรงเคลื่อน 800 โวลต์ ในเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น
รถยนต์ไฟฟ้าเพื่ออนาคตยังมีอีกมากมาย แต่นี่คือส่วนหนึ่งของผู้ผลิตที่มีศักยภาพพร้อมในการจำหน่ายสู่ตลาดจริงจัง แม้ว่ารถไฟฟ้าจะช่วยลดมลพิษในหลายด้าน แต่ก็ต้องคำนึงถึงการใช้งานหลังจากนี้ยาวๆ เมื่อชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ของระบบไฟฟ้าหมดอายุ ทางบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะมีวิธีกำจัดหรือดูแลรักษาขยะทางอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ที่ชัดเจนอย่างไร คงต้องรอดูกันอีกนานๆ