โช้กอัพเหมือนกัน... ทำไมเซ็ตต่างกัน ? ตามไปดูให้รู้!
"โช้กอัพ" ชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ ที่ช่วยดูดซับแรงกระแทก ลดการสั่นสะเทือน เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง โดยจะทำหน้าที่ควบคุมการยืดและหดตัวของสปริง รวมถึง แหนบ ด้วย เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเคยสงสัยกันมั้ยว่าทำไมรถรุ่นเดียวกันใช้โช้กอัพแบรนด์เดียวกัน แต่กลับต้องเซ็ตอัพต่างกันเพราะอะไร? วันนี้ทีมงานเช็คราคา.คอม พาไปหาคำตอบกันถึง อู่ Shock Point ไปคุยกับ "โต สัมพันธ์ ชวศิลป์" อดีตนักแข่งรถยนต์ออฟโรดผู้มีประสบการณ์กว่า 15 ปี มีดีกรีแชมป์อีกหลายรายการ ผู้ผันตัวเองจากแชมป์สนามแข่งมาเป็น "คนแก่ซ่อมโช้ก" กว่า 3 ปีแล้ว
"โต Shock Point" หรือ "สัมพันธ์ ชวศิลป์" อดีตนักแข่งรถยนต์ออฟโรด ผู้ผันตัวเองมาเป็น "คนแก่ซ่อมโช้ก"
บรรยากาศสงบร่มรื่นของบ้านที่ปรับสภาพเป็น อู่โช้ก Shock Point
ความจริงแล้ว ไม่ได้มีอะไรมากเพราะคำว่า "ชอบ" คำเดียวเลย คำนี้มีความหมายว่า "พอใจ", "ถูกใจ" เราจึงมักจะใช้คำว่า "ชอบ" เป็นตัวตัดสินว่าจะใช้จ่ายเงินไปกับอะไร ยกตัวอย่างง่ายๆ การเลือกซื้อเสื้อผ้าก็ต้องเลือกสีและแบบที่ชอบ ก็เหมือนกับ โช้กอัพ แม้จะซื้อรุ่นเดียวกัน เรากลับชอบการตอบสนองของโช้กอัพไม่เหมือนกัน จุดนี้เองที่ "พี่โต" นำเอาประสบการณ์ที่สั่งสมจากการแข่งขันรถยนต์ออฟโรดที่ต้องคอยปรับเซ็ตระบบช่วงล่างให้เข้ากับสนามที่ทำการแข่งขันมาปรับเซ็ตการทำงานของโช้กอัพให้ได้ตามที่ลูกค้าชอบมากที่สุด
โช้กอัพ Mono Tube กับ Twin Tube ต่างกันยังไง?
ก่อนจะไปถึงเรื่องเซ็ตโช้กอัพให้ถูกใจนั้น เรามารู้กันก่อนว่า โช้กอัพ ที่เรามักได้ยินคำว่า โช้กแก๊ส โช้กน้ำมัน กันอยู่บ่อยๆ นั้นคืออะไร อันที่จริงแล้วหากแบ่งแยกตามโครงสร้าง จะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ Monotube และ Twin Tube โดยแบบ Twin Tube จะมีห้องน้ำมันและแก๊ส 2 ชั้น ซ้อนกันอยู่ในกระบอกเดียว เมื่อเกิดการยุบตัว ลูกสูบจะดันน้ำมันผ่านวาล์วไหลไปสู่ห้องแก๊ส และเมื่อยืดตัว น้ำมันในห้องด้านในจะหน่วงป้องกันไม่ให้แกนโช้กเกิดการเคลื่อนที่เร็วเกินไป โดยที่โช้กอัพระบบนี้จะมีราคาถูกกว่า แต่ก็ข้อเสียอยู่เหมือนกันคือเมื่อใช้ในระยะทางไกลๆ จะมีความร้อนสะสมมากกว่า ส่วน Mono Tube จะมีกระบอกขนาดใหญ่กว่าทำให้จุน้ำมันได้มากกว่า ห้องน้ำมันกับห้องแก๊สจะถูกแยกออกจากกันด้วยลูกสูบ เมื่อเกิดการยุบตัว ลูกสูบก็จะดันน้ำมันจนเกิดแรงดัน เมื่อแรงดันมากเกินไปแก๊สก็จะดันลูกสูบกลับไปเหมือนเดิม โดยระบบนี้จะระบายความร้อนของน้ำมันโช้กได้ไวกว่า แต่ก็มีราคาที่แพงกว่าด้วย
ภาพโครงสร้างโช้กแบบ Mono Tube และ Twin Tube จาก
TEIN Thailand รถทุกคันมีคาแรกเตอร์เฉพาะตัวที่ต้องได้รับการปรับจูนให้เหมาะกับจริตของเจ้าของ
แล้วโช้กอัพของเดิมไม่ดียังไง? ทำไมต้องเซ็ตใหม่? ความสงสัยนี้ "พี่โต" ตอบเอาไว้ว่า "ช่วงล่างเดิมๆ ของโรงงานไม่ใช่ว่าไม่ดี เพราะวิศวกรได้คิดคำนวณมาแล้ว อีกทั้งบริษัทรถยังมีเครื่องมือทดสอบที่พร้อม เช็คแล้วว่าแบบไหนเพียงพอ แต่แน่นอนเพื่อจะผลิตขายแบบหวังกำไรก็ต้องคำนึงถึงต้นทุนก็จะเลือกใช้แบบกลางๆ ที่เหมาะกับรถรุ่นนั้นๆ ตามคาแรกเตอร์ของรถแต่ละรุ่น แต่.... ตรงนี้อาจจะไม่ตรงกับจริตของผู้เป็นเจ้าของรถ นั่นก็เพราะรถบางรุ่นเซ็ตอัพมาเพื่อรองรับน้ำหนักเยอะๆ แต่เจ้าของรถกลับไม่ได้บรรทุกอะไรเลย ก็จะเกิดอาการกระด้างเกินไป หรือในบางรุ่นกลับนุ่มเกินไป แล้วจะทำยังไงถึงจะพอใจ โดนจริต ของทุกคนล่ะ ก็ต้องมีการปรับเซ็ตให้เหมาะกับลักษณะนิสัย และพฤติกรรมการใช้รถของแต่ละคน"
เลือกโช้กให้เหมาะสม แล้วค่อยปรับจูนให้ลงตัว
"การเลือกโช้กอัพ บางครั้งเจ้าของรถก็ไม่รู้ว่าต้องการแบบไหน แค่กำเงินมาอยากได้แบบนี้ๆ บางคนเห็นเพื่อนใส่แล้วหล่ออยากใส่บ้างโดยที่ไม่รู้ว่าฟีลลิ่งการขับขี่จะเปลี่ยนไปยังไง" นี่คือสิ่งที่ "พี่โต" เจออยู่บ่อยครั้ง "อย่างกลุ่มที่มาถึงแล้วก็อยากใส่ซับแทงค์ ก็ต้องบอกว่ามันดีกว่าอย่างไรทำอะไรได้บ้าง มีบ้างที่เกินความจำเป็น แต่ถามว่าดีมั้ย มันเสถียรกว่า ปรับจูนได้เยอะกว่าก็ดี แต่ถ้าอยากประหยัดไม่ต้องไปถึงขั้นนั้นก็ปรับเซ็ตให้ได้ ณ จุดนี้ก็ต้องบอกว่าตามความพึงพอใจของลูกค้าดีกว่า" เมื่อเลือกโช้กอัพที่ต้องการได้แล้ว ต่อมาก็คือการรื้อเพื่อติดตั้ง ใช้เวลาเพียงไม่นาน โช้กอัพเดิมก็ถูกถอดออก พร้อมใส่โช้คอัพใหม่ที่เพิ่งแกะออกจากกล่อง
โช้กอัพแบบมีซับแทงค์แยก สามารถปรับระดับการทำงานของโช้กได้แต่ก็มีราคาแพงกว่าแบบปกติ
เหมือนเช่นการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ Shock Point ก็มีห้องแอร์เพื่อป้องกันฝุ่นไว้ใช้เซ็ตค่าโช้คอัพอยู่ด้วยเช่นกัน หลังแกะโช้คออกจากกล่องก็มาทำการเปิดกระบอก แล้วสอบถามความต้องการของลูกค้าว่าต้องการการตอบสนองของโช้กแบบไหน สอบถามพฤติกรรมการขับขี่ การใช้งานหลักๆ รวมไปถึงสถานที่ใช้รถ มาถึงตรงนี้ สงสัยกันมั้ยครับว่าทำไมต้องถามละเอียดขนาดนี้ คำตอบของความสงสัยนี้ก็คือ ก่อนที่จะเซ็ตโช้กอัพให้ตรงกับความต้องการนั้นต้องรู้ให้ชัดก่อนว่า ผู้ขับ มีพฤติกรรมอย่างไร ใช้งานอย่างไร สภาพถนนที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นแบบไหน ที่เหลือก็ใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาเซ็ตอัพให้โช้กเป็นไปตามที่ลูกค้าต้องการ
ห้องแอร์ที่เอาไว้รื้อชิ้นส่วนเพื่อเซ็ตอัพโช้กก็เพื่อป้องกันฝุ่นละออง
เริ่มด้วยการรื้อเอาแกนโช้กออกมา
ตรงจุดนี้คือแผ่นชิมที่เราจะมาปรับให้โช้กทำงาน นุ่ม หรือ แข็งขึ้น กว่าค่ากลางจากโรงงานให้เข้ากับเจ้าของรถแต่ละคน
ในส่วนของการเซ็ตอัพโช้กก็ต้องใช้ประสบการณ์ของ "พี่โต" ในการจัดเรียงแผ่นชิมที่ทำจากเหล็กสปริง ทั้งในด้าน Bump และ Rebound หากคนไม่รู้ก็จะดูเหมือนการนำแผ่นชิมมาเรียงๆ ไปงั้น แต่จริงๆ แล้ว การเปลี่ยนความหนาของแผ่นชิม รวมถึงการเพิ่มหรือลดจำนวนร่องบนแผ่นชิมนี่เองที่ทำให้โช้กอัพทำงานได้ตามต้องการ อยากได้แบบนุ่ม หรือแข็ง ก็จัดไป แต่จะแข็งมากไปก็ไม่ดี นุ่มไปก็ไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่มีตัวเลขชี้วัดตายตัว ก็ต้องอาศัยการเซ็ตอัพแล้วไปลองขับถ้ายังไม่ได้ตรงตามความต้องการก็กลับเข้ามาเซ็ตกันใหม่จนได้อย่างที่ลูกค้าพึงพอใจ
แผ่นชิมที่เอาไว้ปรับเซ็ตการทำงานของโช้กอัพ
ขณะกำลังเซ็ตแผ่นชิมอย่างชำนาญ
หลังจากประกอบกลับก็ต้องมาอัดแก๊สเข้าไปในโช้กก่อนจะนำกลับไปติดตั้งที่รถลูกค้า
"ที่ Shock Point เซ็ตอัพให้ฟรี การต้องรื้อเซ็ตอัพบ่อยๆ ต่อรถหนึ่งคันทำให้เสียเวลา" นี่คือสิ่งที่ "พี่โต"บอกเอาไว้ แน่นอนกับรถคันแรกๆ ของรุ่นนั้นๆ ที่เข้ามาติดตั้ง ทีมงาน Shock Point ก็ต้องหาค่ากลางที่จะลงตัวว่าอย่างไหนคือกำลังดี ปรับแบบนี้คือนุ่ม ปรับแบบนี้คือแข็ง เมื่อเกิดการทำซ้ำรถที่เข้ามาในช่วงหลังๆ ก็จะไม่ต้องเซ็ตอัพกันบ่อยๆ เพียงแต่บอกความต้องการให้ชัดเจน ก็เซ็ตอัพได้ตามต้องการในทันที ทำให้ต่อคันจะเสียเวลาไม่นานมากนัก วันๆ นึงเลยจะมีรถเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก
ป้ายแดงออกจากศูนย์ได้ไม่นานก็มาเซ็ตช่วงล่างกันถึงนี่
ไม่เพียงแต่โช้กอัพเท่านั้นที่เป็นปัจจัยในการเซ็ตช่วงล่างให้ออกมาดี แต่ยังรวมถึงสปริง และยางด้วยที่มีส่วนให้การทำงานของรถคันนั้นตอบสนองตามต้องการหรือไม่ อีกทั้งของเหลวอย่างน้ำมันโช้กอัพ ที่เติมอยู่ภายในนั้นก็มีอายุการใช้งานเหมือนกัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะไม่รู้ว่าอายุการใช้งานของน้ำมันโช้กอัพจะอยู่ที่ประมาณ 80,000 - 100,000 กิโลเมตร การเข้าไปเซอร์วิส ก็สามารถปรับจูนให้ได้ตรงตามความต้องการเหมือนได้โช้กอัพชุดใหม่อยู่เสมอ
หลังจากติดตั้งแล้วก็ต้อง "ออกไปลอง" กับเจ้าของรถให้รู้ว่าตอนนี้ "ได้แค่ไหน", "พอใจหรือยัง" ก่อนส่งงาน
ถ้ายังไม่จบก็กลับมาเซ็ตใหม่จนกว่าจะพอใจถึงปล่อยงานออกจากอู่
แม้ว่าที่นี่จะจำหน่ายโช้กอัพแบรนด์ไทย แต่ก็เป็นแบรนด์ที่มีการผลิตและจำหน่ายไปกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ซึ่งสาเหตุที่เลือกจำหน่ายแบรนด์นี้เพราะความคุ้นเคยจากประสบการณ์ในการใช้เพื่อการแข่งขันทำให้รู้ระบบการทำงาน ประสิทธิภาพ และจากการสั่งสมประสบการณ์ทำให้เกิดความเข้าใจในการเซ็ตอัพได้เข้ามือที่สุด
ของเข้ามาส่งพอดี
สำหรับโช้กอัพที่ Shock Point จำหน่ายให้กับลูกค้า ก็จะมีราคาอยู่ที่ หมื่นกลางๆ ไปจนถึง สี่ห้าหมื่น แล้วแต่งบประมาณ และความชอบของลูกค้า โดยรถที่เข้ามาใช้บริการที่นี่นั้นมีหลากหลายประเภททั้ง ปิกอัพ 2 ล้อ, ปิกอัพ 2 ล้อยกสูง ไปจนถึงรถ PPV, SUV ที่แวะเวียนกันเข้ามาใช้บริการในแต่ละวันแบบไม่ขาดสาย
สำหรับผู้ที่สนใจจะติดตั้งเซ็ตอัพช่วงล่างกับทางร้าน Shock Point ก็สามารถเดินทางไปที่ร้านได้แถว สามพราน จ.นครปฐม ถ้าจะให้ดีติดต่อนัดคิว และสอบถามเส้นทางที่เบอร์ 092-518-5888 จะได้เดินทางไปไม่เสียเที่ยว หรือจะเข้าไปดูผลงานที่ FB :
Shock Point ก่อนก็ได้ครับ