รู้ไว้ไม่พลาด...เลือกจัดไฟแนนซ์รถกับธนาคารไหนคุ้มที่สุด!!

ด้วยความต้องการใช้รถยนต์ที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของผู้บริโภคส่งผลให้ตลาดสินเชื่อรถยนต์มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย พร้อมกันนั้นก็เกิดการแข่งขันจากสถาบันการเงินต่างๆ ในการปล่อยสินเชื่อประเภทนี้ ด้วยการจัดโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจลูกค้า ทั้งดอกเบี้ยต่ำ ของแจก ของแถมอีกมากมาย ด้วยเหตุนี้ผลดีจึงเกิดกับผู้บริโภคอย่างเราที่สามารถจะเลือกสถาบันการเงินที่ดี และคุ้มค่ากับเงินที่เราต้องเสียไปได้มากที่สุด วันนี้ CheckRaka.com จึงไม่พลาดที่จะนำเทคนิคสุด COOL!! ในการเลือกสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มาฝากทุกคนค่ะ

สินเชื่อประเภทนี้จะเป็นการทำสัญญา "เช่าซื้อ" บางคนก็เรียกว่า "สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์" ระหว่างเรากับ "สถาบันการเงิน" ซึ่งสถาบันการเงินนั้นๆ จะทำการชำระค่ารถยนต์เต็มจำนวนแทนเราไปก่อน หลังจากนั้นเราก็ต้องทำสัญญาตกลงผ่อนจ่ายเป็นงวดๆ กับสถาบันการเงินที่เราเลือกกู้นั้น ซึ่งเราสามารถนำรถมาใช้งานได้ก่อนแม้จะยังจ่ายเงินไม่ครบตามสัญญา ส่วนการคิดดอกเบี้ยส่วนใหญ่จะคิดแบบเงินต้นคงที่ (Flat Rate) ซึ่งคิดจากเงินต้นทั้งจำนวน และระยะการผ่อนชำระทั้งหมด จากนั้นสถาบันการเงินจะนำดอกเบี้ยที่คำนวณได้มารวมกับเงินต้น แล้วหารด้วยจำนวนงวดที่จะผ่อนชำระ ซึ่งเงินที่ผ่อนชำระจะเท่ากันทุกงวด ดังนั้น จำนวนเงินต้นและดอกเบี้ยก็จะคงที่ทุกๆ งวดด้วย เราจะได้กรรมสิทธิ์รถคันนั้นก็ต่อเมื่อเราผ่อนชำระจนครบกับสถาบันการเงินนั้นแล้ว

ในทุกวันนี้เวลาเราจะซื้อรถสักคัน เมื่อถูกใจรถยนต์คันไหนแล้ว ส่วนใหญ่บริษัทที่ขายรถหรือโชว์รูมก็จะดำเนินการจัดไฟแนนซ์ให้เราเลย ซึ่งดูแล้วก็เหมือนจะทำให้เราสะดวกสบายขึ้น แต่ต้องจำไว้นะคะว่า เราเองก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกสถาบันการเงินอื่นที่เราเห็นว่าดีที่สุดได้ และเราจะมีวิธีเลือกยังไงนั้นมาดูไปพร้อมกันเลยค่ะ

 เทคนิคที่ 1 เลือกสถาบันการเงินที่ให้ดอกเบี้ยต่ำ

ในเทคนิคนี้เราต้องหาข้อมูลจากหลายๆ สถาบันการเงินที่ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ เพื่อนำมาเปรียบเทียบหาดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุด โดยที่เราจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินค่าดอกเบี้ยมากเกินความจำเป็น เพราะเราเองมีสิทธิ์เลือกค่ะ ซึ่งการคิดดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าเป็นการคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate) ดอกเบี้ยจะคงที่ตลอดระยะเวลาในสัญญา ยิ่งถ้าเราได้ดอกเบี้ยถูก ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์กับเรามากขึ้นด้วยเช่นกัน

 เทคนิคที่ 2 เลือกโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจ

โปรโมชั่นนับได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง เพราะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่มาพร้อมกับโปรโมชั่นเจ๋งๆ จะทำให้ผู้ขอกู้อย่างเราได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่แล้วโปรโมชั่นจากสถาบันการเงินที่ออกมาเพื่อดึงดูดใจลูกค้าก็จะออกมาแบบมีกำหนดระยะเวลา หรือจัดโปรโมชั่นเพื่อมหกรรมงานใดงานหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น ในงาน Motor Expo ปีนี้มีโปรโมชั่นจากสถาบันการเงินต่างๆ ออกมาเพื่อจูงใจลูกค้ามากมาย อย่างธนาคารไทยพาณิชย์ก็มีโปรโมชั่นมาเอาใจคนอยากถอยรถใหม่ ทั้งฟรีบัตรกำนัลเพื่อออกตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ทั่วไทย 1 ที่นั่ง มูลค่า 4,000 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยต่ำ 1.99% 2 ปีแรก หรือเลือกผ่อนดาวน์ 0% นาน 10 เดือน ผ่านบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ ยอดไม่เกิน 100,000 บาท เฉพาะรุ่นรถและตัวแทนจำหน่ายที่เข้าร่วมรายการ หรือถ้ารับเงินเดือนผ่าน SCB ก็เลือกดาวน์ขั้นต่ำ 0% ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน พร้อมรับดอกเบี้ยพิเศษได้อีกด้วย

 เทคนิคที่ 3 เลือกสถาบันการเงินที่อนุมัติเร็ว ทันใจ

ปัจจุบันในตลาดสินเชื่อมีการแข่งขันสูงมาก สถาบันการเงินไหนที่มีความรวดเร็ว สะดวกสบาย ก็จะได้รับความนิยมสูง พร้อมทั้งได้ลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น เวลาเรามองหาหรือเลือกสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้เราก็ควรต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด สะดวก รวดเร็ว สำหรับเรามากที่สุด อย่างไทยพาณิชย์ก็มีบริการสินเชื่อรถ อนุมัติทันใจ ภายใน 30 นาที เพียงใช้บัตรประจำตัวประชาชนใบเดียว

 เทคนิคที่ 4 เลือกสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้

สถาบันการเงินหรือไฟแนนซ์ที่ปล่อยกู้ให้เรานั้นจะต้องมีความน่าเชื่อถือและไว้ใจได้ เพราะการทำธุรกรรมเช่าซื้อรถยนต์นี้เป็นธุรกรรมสินเชื่อที่มีจำนวนเงินค่อนข้างสูง และใช้ระยะเวลานานหลายปีกว่าจะผ่อนหมด ดังนั้น จะดีกว่ามั้ยถ้าเราเลือกสถาบันการเงินที่จดทะเบียนถูกต้อง หรือเลือกกู้กับธนาคารที่ได้รับการยอมรับ และจะทำให้เราสะดวก สบายมากขึ้นกับสาขาที่พร้อมให้บริการ แต่ถ้าจะให้ดีเราควรเลือกสาขาที่อยู่ใกล้บ้านเราด้วยนะคะ

หลังจากที่เราถูกใจและตัดสินใจเลือกรถยนต์กับสถาบันการเงินในการขอกู้สินเชื่อครั้งนี้ได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปที่เราจะต้องดำเนินการก็คือ การขอกู้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์นั้น โดยเริ่มจาก

 เราในฐานผู้กู้จะต้องแจ้งชื่อยี่ห้อ รุ่น ปี และรูปแบบของรถที่ต้องการกับทางบริษัทหรือโชว์รูมที่ขายรถ ซึ่งจะช่วยเราแนะนำในเรื่องการเตรียมเอกสารพร้อมกับพาไปทำเรื่องขออนุมัติสินเชื่อกับฝ่ายสินเชื่อของสถาบันการเงินที่เราเลือก
 เมื่อเราได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้ว ต่อไปคือการนัดเซ็นสัญญา ตรวจสอบสภาพรถยนต์ เก็บหลักฐาน คัดลอกเลขเครื่องบนตัวถัง หลังจากนั้นผู้กู้ก็ไปดำเนินการโอนทะเบียน พร้อมทำเอกสารเดินเรื่องให้เรียบร้อย
 สถาบันการเงินดำเนินการชำระเงินให้บริษัทหรือโชว์รูมเจ้าของรถ เพื่อทำการโอนกรรมสิทธิ์รถให้กับสถาบันการเงินที่ให้กู้ โดยระบุชื่อผู้เช่าซื้อเป็นผู้ครอบครองทะเบียนรถ

สิ่งสำคัญก่อนที่เราจะตัดสินใจลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อรถยนต์นั้น เราควรทำความเข้าใจในสาระสำคัญของสัญญานี้ก่อนนะคะ โดยสิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคอย่างเราควรรู้ คือ

 สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ ต้องระบุรายละเอียดต่างๆ ตามที่กำหนด เช่น ราคารถ อัตราดอกเบี้ยที่เช่าซื้อ จำนวนเงินค่าเช่าซื้อทั้งสิ้น จำนวนเงินค่าเช่าซื้อที่ผ่อนชำระในแต่ละงวด วันที่ชำระเงินในแต่ละงวด
 เมื่อผู้เช่าซื้อจ่ายเงินครบตามสัญญาแล้ว กรรมสิทธิ์ในรถยนต์จะตกเป็นของผู้เช่าซื้อทันที ผู้ให้เช่าซื้อจะต้องดำเนินการจดทะเบียนโอนรถให้เป็นชื่อของผู้เช่าซื้อภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับเอกสารประกอบการจดทะเบียนครบถ้วน
 ถ้าผู้เช่าซื้อต้องการจ่ายค่าเช่าซื้อทั้งหมดเพื่อปิดบัญชีก่อนกำหนด ผู้ให้เช่าซื้อต้องให้ส่วนลดในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ยังไม่ถึงกำหนดจ่าย
 ผู้เช่าซื้อต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการติดตามทวงถามหนี้ทั้งหมดตามที่ผู้ให้เช่าซื้อได้จ่ายไปตามจริง
 สัญญาเช่าซื้ออาจถูกยกเลิก และอาจนำไปสู่การถูกยึดรถได้ในที่สุด ถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระหนี้ 3 งวดติดต่อกัน และผู้ให้เช่าซื้อได้มีจดหมายลงทะเบียนตอบรับแจ้งผู้เช่าซื้อให้ชำระหนี้ภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้ง และผู้เช่าซื้อไม่ได้ปฎิบัติตาม

 ขอขอบคุณข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) 

เมื่อได้รถในฝันที่ถูกใจ และเลือกสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จากสถาบันการเงินที่โดนใจได้แล้ว นับได้ว่าเราโชคดีที่สุดแล้วค่ะ หลังจากนั้นเราต้องมีวินัยในการชำระค่างวดให้ครบตามกำหนดในสัญญาด้วยนะคะ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่หมดหนี้แล้วเราก็จะเป็นไทพร้อมได้เป็นเจ้าของรถคันนั้นแต่เพียงผู้เดียว