ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

x
icon-filter ค้นหารถยนต์
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

รีวิว Jaguar F-Pace R-Sport พรีเมียมเอสยูวีที่เก็บซ่อนเขี้ยวเล็บสไตล์สปอร์ต!

icon 15 พ.ย. 60 icon 23,337
รีวิว Jaguar F-Pace R-Sport พรีเมียมเอสยูวีที่เก็บซ่อนเขี้ยวเล็บสไตล์สปอร์ต!

Jaguar F-Pace R-Sport พรีเมียมเอสยูวีที่เก็บซ่อนเขี้ยวเล็บสไตล์สปอร์ต! 
การได้ขับรถดีๆ ก็เป็นอีกหนึ่งในความสุขของคนชอบรถยนต์ สำหรับในครั้งนี้ทีมงานเช็คราคา.คอมได้รับรถยนต์ทดสอบจาก Jaguar ประเทศไทยมารีวิว สำหรับ Jaguar ประเทศไทยนี้ถ้าใครยังไม่ทราบ ตอนนี้อยู่ภายใต้การดูแลของ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Landrover และ Jaguar ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการรายใหม่ โดยรถที่เรานำมารีวิวกันในครั้งนี้ก็คือ Jaguar F-Pace R-Sport อ่านออกเสียงแบบไทยว่า เอฟ-เพซ เป็นรถรุ่นแรกที่ อินช์เคป เลือกนำมาเปิดตัวหลังเป็นผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

Jaguar F-Pace มีให้เลือกอยู่ด้วยกัน 3 รุ่นย่อย ได้แก่ Pure, R-Sport และ Portfolio ซึ่งจะแตกต่างกันตรงออปชั่นและภายนอกในบางรายละเอียด โดยที่ทุกรุ่นย่อยจะมากับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมกำลัง 180 แรงม้า โดยทีมงานเช็คราคา.คอม ได้รับ Jaguar F-Pace R-Sport มารีวิว โดยราคาค่าตัวนั้นอยู่ที่ 5,499,000 บาท เราไปดูกันดีกว่าว่า F-Pace พรีเมียมเอสยูวีตัวนี้มีดียังไง? เขี้ยวเล็บอะไรที่ซ่อนอยู่ภายใต้ดีไซน์อันเย้ายวนใจ เราไปดูกันดีกว่าครับ
รูปลักษณ์ภายนอก
Jaguar F-Pace R-Sport รถเอสยูวีสำหรับผู้หลงใหลการขับขี่รถยนต์ที่พร้อมตอบสนองด้วยสมรรถนะ และประโยชน์ใช้สอยที่สามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน โดยการออกแบบของ F-Pace นั้นได้รับการถ่ายทอด DNA ของ Jaguar เอาไว้อย่างชัดเจน โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก F-Type นั่นก็คือการขับขี่แนวสปอร์ตทรงพลัง ห้องโดยสารกว้างขวาง ดีไซน์ด้านหน้าทั้งกระจังหน้า, ไฟหน้า, ฝากระโปรง รวมถึงดีไซน์ด้านท้ายรถ ที่ได้รับการถ่ายทอดมานี้เองทำให้ F-Pace ได้รับรางวัลการันตีความสวยงามมาครอง อาทิ รางวัลชนะเลิศ World  Car of the Year และ World Car Design of the Year 2017 ด้วย 

Jaguar F-Pace R-Sport นอกจากจะมีดีไซน์สวยแล้ว ยังคงความแข็งแรง, ปลอดภัย, รับแรงบิดของตัวถังได้ดี ด้วยการใช้โครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา และยังให้ความคล่องตัวพร้อมอัตราสิ้นเปลืองที่ดี โดยมิติตัวถังของ F-Pace นั้นมีความยาว 4,731 มม. ความกว้าง 2,175 มม. และความสูง 1,693 มม. ในส่วนความยาวฐานล้อจะอยู่ที่ 2,874 มม. ส่วนระยะความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถจะอยู่ที่ 213 มม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานอากาศเพียง 0.34 เท่านั้น

กระจกมองข้างจะมาพร้อมกับไฟเลี้ยวแบบ LED พร้อมระบบตัดแสงอัตโนมัติ และไฟส่องพื้น Welcome Light มองเห็นได้ในเวลากลางคืน 


ล้อแม็ก ถ้าเป็นรุ่น Pure จะให้ล้อแม็กขนาด 18 นิ้ว แต่คันนี้เป็นรุ่น R-Sport จะให้ล้อแม็กมาด้วยขนาด 19 นิ้ว ใส่กับยางขนาด 255 / 55 R19 ซึ่งรถทดสอบคันนี้ใส่ยาง Pirelli มาให้ 

สปอยเลอร์ด้านหลังมาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 สามารถมองเห็นสัญญาณเบรกได้อย่างชัดเจน 

ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ ที่สามารถตั้งระบบ เปิด-ปิด อัตโนมัติ ที่มีระบบ Adaptive Headlights ปรับอัตโนมัติตามแนวโค้งของถนน และไฟตัดหมอก

หนึ่งในจุดสังเกตง่ายๆ ในความแตกต่างของรุ่น R-Sport กับรุ่นย่อยอื่นๆ ของ F-Pace ก็คือ กันชนหน้า ที่จะมีดีไซน์แตกต่างกันอย่างชัดเจน และการติดตั้งไฟตัดหมอกด้วย

มีเพลทบ่งบอกความเป็นรุ่น R-Sport เอาไว้ชัดเจน จะได้ไม่สับสนกันระหว่างรุ่น Pure และ Portfolio

ฝาท้ายเป็นแบบเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า สามารถตั้งระยะได้ตามต้องการ ใช้งานง่าย ผู้หญิงก็สามารถใช้ได้ไม่ยากเลย
รูปลักษณ์ภายใน
นอกจากภายนอกของเจ้า Jaguar F-Pace R-Sport จะเย้ายวนใจแล้ว ด้านการออกแบบภายในของ F-Pace นั้นก็ยังคงความสวยงาม หรูหรา ด้วยการใช้งานวัสดุแบบพรีเมียมทั้งหมด พร้อมด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน ตามอย่างที่รถอเนกประสงค์ควรจะมี



ปุ่มปรับเอนพนักพิงของเบาะนั่งด้านหลัง
Jaguar F-Pace R-Sport นั้นออกแบบห้องโดยสารให้รองรับ 5 ที่นั่ง พร้อมด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน เบาะนั่งเป็นเบาะหนังแท้ทรงสปอร์ต โอบกระชับร่างกายผู้ขับและผู้โดยสาร เป็นเบาะที่สามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้าทั้งในตำแหน่งเบาะหน้าและเบาะหลัง เบาะด้านหน้าจะปรับได้ 10 ทิศทางและมีระบบจดจำการปรับตำแหน่งในที่นั่งผู้ขับ ส่วนเบาะหลังนั้นจะใช้ระบบไฟฟ้าควบคุมการปรับเอนพนักพิงของเบาะหลัง โดยการใช้สีหนังในรุ่นนี้จะเป็นเบาะสีดำ-แดง 


อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญอยู่ที่การตกแต่งภายในของห้องโดยสาร เวลากลางคืนจะเห็นแถบไฟ LED ช่วยเสริมความสวยงาม และความโดดเด่นของห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี 

โดยรวมห้องโดยสารของ F-Pace นั้นถูกออกแบบมาให้มีความโปร่ง เพื่อความรู้สึกสะดวกสบาย หลังคาสำหรับรุ่น R-Sport ก็เป็นหลังคาแก้วขนาดใหญ่ ที่จะมีสวิตช์เปิด-ปิด ผ้าใบเพื่อพรางหลังคาเอาไว้เวลากลางวัน

เบาะนั่งแถวหลังหากจะนั่ง 2 คนก็สบายๆ แต่ถ้าจะเป็นต้องนั่งถึง 3 คน โดยเป็นผู้ใหญ่ทั้งหมด ก็สามารถนั่งได้อย่างไม่เคอะเขิน 

ในส่วนพื้นที่ด้านท้ายสำหรับเก็บสัมภาระของ F-Pace นั้นก็มีความกว้างอยู่มาก สามารถจุได้ถึง 650 ลิตร ทำให้สามารถบรรทุกสัมภาระไปยังที่จุดหมายต่างๆ เป็นอย่างดี 

พวงมาลัยหนังขนาดกระชับมือ ง่ายต่อการควบคุมรถ เป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น ด้ายซ้ายจะเป็นการควบคุมเครื่องเสียง ส่วนด้านขวาเป็นชุดควบคุมระบบ Cruise Control โดยตัวพวงมาลัยสามารถปรับระดับ สูง-ต่ำ ได้ตามต้องการด้วยระบบไฟฟ้าอีกด้วย อีกทั้งกระจกมองหลังนั้นก็ปรับตัดแสงได้อัตโนมัติด้วย 
Specificaiton
นอกจากเรื่องของดีไซน์ภายนอกและภายในที่น่าสนใจแล้ว เรื่องของพละกำลังของ Jaguar F-Pace R-Sport นั้นก็เป็นอีกไฮไลท์ หรือเขี้ยวเล็บสำคัญที่ทำให้ F-Pace นั้นดึงดูดใจไม่น้อย 


เครื่องยนต์ของ F-Pace เป็นเครื่องยนต์ Ingenium ซึ่งเป็นเครื่องยนต์รุ่นใหม่ เป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ แบบ 4 สูบ ขนาดความจุ 2.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 180 แรงม้า (เครื่องยนต์ตัวนี้ถูกใช้ในรถยนต์หลายรุ่นทั้ง XE และ XF สามารถรีดแรงม้าได้สูงถึง 300 แรงม้า) พร้อมไปถึงยังจุดหมายด้วยการระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่จะตัดระบบขับเคลื่อนเป็นล้อหลังเมื่อเวลาขับขี่ในเวลาปกติ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่รถต้องผ่านกับเส้นทางที่ไม่ราบเรียบระบบก็จะจัดการส่งกำลังไปยังล้อหน้าทำให้กลายเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD เพื่อให้ F-Pace ผ่านอุปสรรคไปได้ ระบบเกียร์เป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่จะมาพร้อมระบบ Intelligent Driveline Dynamics (IDD) ในทุกรุ่น 
การขับทดสอบ
ได้เวลาขับ Jaguar F-Pace R-Sport กันแล้ว... สำหรับการขับทดสอบในครั้งนี้เราใช้เส้นทางในเมืองในย่านพระราม 3, ชิดลม, รัชดาภิเษก ฯลฯ เพราะว่าด้วยราคาค่าตัวที่ 5,499,000 บาท นั้นน่าจะมีน้อยคนที่จะนำรถอย่างนี้ไปลุยหนักๆ ซึ่งแม้ว่าจะต้องเจอกับสภาพการจราจรที่ติดขัดในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ แล้ว ก็คล่องตัวไม่น้อยเลยทีเดียว


แม้ว่าจะถูกเรียกว่าเป็นพรีเมียมเอสยูวีขนาดเล็ก แต่เมื่อต้องขับในเขตเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นก็ดูเหมือนว่า F-Pace นั้นค่อนข้างจะเป็นรถที่มีขนาดใหญ่อยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้การควบคุมนั้นด้อยลงไป มาดูเรื่องการปรับเปลี่ยนเกียร์กันบ้างดีกว่า

สำหรับเกียร์อัตโนมัติของ F-Pace จะเป็นแบบหมุน ทันทีที่สตาร์ทเครื่องยนต์ ปุ่มหมุนเพื่อเปลี่ยนเกียร์จะค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาดูหรูหราสมราคาไม่น้อย สำหรับการเปลี่ยนเกียร์แบบหมุนนี้ สามารถทำได้โดยการบิดไปทางขวาจาก P, R, N, D แต่ถ้าจะเปลี่ยนเป็นเกียร์ S ต้องกดก่อนที่จะบิด ซึ่งการใช้งานก็ค่อนข้างง่ายปรับตัวได้ไม่ยาก (จะมีข้อด้อยอยู่ก็ตรงที่...ไม่สามารถที่จะปลดเป็นเกียร์ว่างได้เมื่อจอดดับเครื่องยนต์แล้ว ทำให้ต้องเข้าซองเพียงอย่างเดียวไม่สามารถจอดขวาง หรือจะจอดแล้วใครก็ไม่สามารถเข็นได้นั่นเอง

นอกจากจะสามารถปรับเกียร์ได้ตรงปุ่มปรับเกียร์แล้ว ก็สามารถปรับเปลี่ยนเกียร์ได้จากแพดเดิลชิฟท์ตรงพวงมาลัยโดยในโหมด D เมื่อเปลี่ยนเกียร์ไปตามต้องการแล้ว เกียร์จะปรับกลับมาเป็น D อัตโนมัติ แต่ถ้าปรับไปโหมด S แล้วล่ะก็ ถ้าไม่ได้เล่นแพดเดิลชิฟท์ระบบก็จะตัดเกียร์ให้ แต่ถ้าเล่นแพดเดินชิฟท์แล้วระบบจะไม่ตัดเกียร์ให้ เพราะจะปรับไปเป็นเกียร์แมนนวลไปเลย 

นอกจากนี้ตัวรถ F-Pace ยังมีการปรับโหมดการขับขี่อีกหลายแบบให้เลือกใช้ด้วย โดยปกติทันทีที่สตาร์ทตัวรถจะเข้าสู่ Normal Mode นอกจากนี้ก็มี Eco Mode ถ้าหากต้องการขับขี่แบบประหยัด และ Snow Mode ไว้ใช้เวลาที่พื้นผิวทางลื่น แต่ถ้าหากต้องการสมรรถนะก็ให้เลือกใช้ Dynamic Mode เพราะระบบนี้จะปรับการตอบสนองของช่วงล่าง, เกียร์, เครื่องยนต์ รวมถึงพวงมาลัยให้ตอบสนองได้ดีขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีปุ่มเปิด-ปิดระบบ Traction Control ด้วย

จากการที่ได้ลองสัมผัสกับโหมดการขับขี่ต่างๆ ต้องบอกว่าไม่น่าเชื่อว่าเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร จะตอบสนองคันเร่งได้ดีจนน่าพอใจ ถ้าเป็น Normal Mode ค่อนข้างจะเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบความนุ่ม หนึบ แบบสบายๆ แต่ถ้าได้ปรับเป็น Dynamic Mode แล้วเวลาเข้าโค้งทำได้อย่างมั่นใจ เพราะตัวรถจะปรับให้มีความแข็งขึ้น เรียกว่า แน่น หนึบ ไม่ถึงขั้นกระด้าง เรียกว่า "ซ่อนเขี้ยวเล็บสไตล์รถสปอร์ตเอาไว้ในร่างเอสยูวีได้อย่างมิดชิดทีเดียว" 
สิ่งอำนวยความสะดวก

เรื่องของความสะดวกสบายแน่นอน F-Pace ต้องมีมาให้แน่นอน โดยระบบอินโฟเทนเมนต์ที่มีชื่อเรียกว่า InControl Touch Pro ได้รับการพัฒนาโดยทีมงาน Jaguar  เพื่อให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายและเชื่อมต่อทุกการสื่อสารได้ตลอดเวลา สำหรับรุ่น Portfolio ซึ่งเป็นตัวท็อปจะมากับหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว แต่ R-Sport จะมากับหน้าจอขนาด 8 นิ้ว 

เรื่องระบบเสียง F-Pace ติดตั้งระบบเครื่องเสียง Meridian พร้อมลำโพงคุณภาพสูงมาให้  


ระบบปรับอากาศด้านหน้าเป็นแบบ Dual Zone สามารถปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา ได้ตามต้องการ สำหรับผู้โดยสารในเบาะแถวหลังก็มีระบบปรับอากาศ ให้ด้วย เรื่องของระบบปรับอากาศแถวหลังก็มีแอร์ที่นั่งแถวหลัง มีช่อง USB ให้ผู้โดยสารแถวหลังได้ใช้งานได้ตามต้องการอีกด้วย 

ไฟอ่านแผนที่ของเบาะนั่งแถวหน้า เปิด-ปิด ด้วยระบบสัมผัส 

เบาะหลังพับแยกได้แบบ 60:40

และที่ขาดไม่ได้ก็คือกล้องมองหลังที่รถระดับนี้ต้องมี
ความปลอดภัย
นอกจากระบบตัวถังนิรภัยแล้ว F-Pace ยังมีคานเหล็กเสริมนิรภัย และกระจกนิรภัย นอกจากนี้ก็ยังมีระบบเสริมความปลอดภัยอื่นๆ ติดตั้งมาด้วย ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมเสถียรภาพแบบไดนามิก (DSC) , ระบบ All Surface Progress Control (ASPC) ที่จะอาศัยแรงยึดเกาะที่มีอยู่มาควบคุมคันเร่งและเบรกอัตโนมัติ เพื่อให้ตัวรถเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวล ผู้ขับเพียงควบคุมพวงมาลัย ระบบจะทำงานในความเร็วตั้งแต่ 3.6 กม./ชม. ถึง 30 กม./ชม. ผู้ขับสามารถเลือกความเร็วที่ต้องการได้จากการใช้สวิตช์ครูซคอนโทรล และระบบจะทำงานได้ทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหลัง และขับเคลื่อน 4 ล้อ, ระบบ Adaptive Surface Response (ASR) ที่พัฒนาจากเทคโนโลยี Terrain Response ของ Land Rover ช่วยให้ระบบ AWD ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยระบบ ASR ติดตั้งอยู่ในระบบควบคุมการขับขี่ของ Jaguar จะตรวจสอบประเภทของพื้นผิวถนนและกำหนดค่าที่เหมาะสมในการทำงานของระบบส่งกำลังและระบบควบคุมการทรงตัว โดย ASR ได้นำมาใช้เป็นครั้งแรกใน F-Pace อีกทั้งยังได้ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นโดยเพิ่มโหมดสำหรับการขับลุยหิมะและดินโคลน

นอกจากนี้ยังมีระบบ Low-Fiction Launch (LFL) ที่ติดตั้งเป็นครั้งแรกใน F-Pace ที่จะช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น โดยที่ระบบจะลดพละกำลังจากการออกตัวไม่ทำให้ตัวรถส่งผ่านกำลังมากเกินไปจนเกิดอาการลื่นไถล
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา

สำหรับใครที่กำลังมองๆ หารถอเนกประสงค์พรีเมียมเกรดไว้ใช้งานก็เห็นจะมีตัวเลือกไม่น้อยเหมือนกันอย่างเจ้า F-Pace เองก็มีให้เลือกตั้งแต่ รุ่น Pure ราคา 4,699,000 บาท, รุ่น R-Sport ราคา 5,499,000 บาท และรุ่นท็อปอย่าง Portfolio ราคา 5,999,000 บาท ส่วนค่ายคู่แข่งก็เป็นรถที่อยู่ในห้วงราคา 4.5 ล้านบาท ไปจนถึง 6 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งก็มีอยู่หลายทางเลือก ไม่ว่าจะเป็น BMW X5, Volvo XC90, Lexus RX, Mercedes-Benz และ LandRover ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวแล้วล่ะว่าคุณจะเลือกแบรนด์ไหนเพราะอะไร แต่จากการได้ลองใช้งาน F-Pace ในระยะเวลาสั้นๆ ก็ต้องบอกว่าถ้าคุณต้องการความแตกต่าง โดดเด่น และสมรรถนะที่เร้าใจสไตล์สปอร์ตแล้วล่ะก็ F-Pace คือหนึ่งทางเลือกที่คุณไม่ควรมองข้ามเลยจริงๆ 
ราคา Jaguar F-Pace 
  • รุ่น Pure ราคา 4,699,000 บาท
  • รุ่น R-Sport ราคา 5,499,000 บาท 
  • รุ่น Portfolio ราคา 5,999,000 บาท 
แท็กที่เกี่ยวข้อง jaguar จากัวร์ jaguar f-pace จากัวร์ เอฟ-เพซ รีวิวรถ
CAR GURU
เขียนโดย เช็คราคา.คอม CAR GURU

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)