Bosch เผยโฉมหัวเทียนกลุ่ม Double Iridium และ Platinum สู่ตลาด
บ๊อช ผู้นำระดับโลกในการผลิตชิ้นส่วนประกอบรถยนต์เปิดตัวผลิตภัณฑ์หัวเทียนแพลตตินั่มและดับเบิ้ลอีรีเดียมเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย สามารถใช้งานกับรถยนต์ที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชีย โดยหัวเทียนกลุ่มใหม่นี้รังสรรค์ขึ้นจากเทคโนโลยีการเชื่อมแกนกลางด้วยเลเซอร์ 360 องศา ที่คิดค้นโดยบ๊อชเพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยม ประหยัดพลังงานได้สูงสุด ปลอดภัยและอายุการใช้งานที่ยาวขึ้นกว่าเดิม
นายกุลธัช บุญบงการ ผู้จัดการทั่วไปแผนกอะไหล่รถยนต์ บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัดกล่าวว่า "เรายินดีเป็นอย่างมากที่บ๊อชได้ฤกษ์เปิดตัวหัวเทียนใหม่ที่ผลิตด้วยมาตรฐาน ระดับโลกจากหนึ่งในโรงงานที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดของเรา ณ มณฑลนานจิง ประเทศจีน มีคุณภาพตามมาตรฐานสากลและคุณสมบัติตามมาตรฐานการผลิตของบ๊อชในประเทศ เยอรมนี"
ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม
นักแข่งรถส่วนใหญ่เลือกใช้หัวเทียนของบ๊อชเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน บ๊อชจึงเป็นผู้ผลิตหัวเทียนสปอร์ตรุ่นพิเศษให้กับรถยนต์ถึง 6 ทีม จากทั้งหมด 10 ทีม ในการแข่งขันรถยนต์ฟอร์มูล่าวัน ประจำปี 2558
เทคโนโลยีการผลิตตามมาตรฐานเดียวกันนี้ถูกนำมาใช้ในการผลิตหัวเทียนอีรีเดียม และแพลตตินั่มแบบใหม่ของบ๊อช ซึ่งสามารถใช้งานกับรถยนต์ที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชียและยุโรปได้เป็นอย่างดี
ด้วยการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีการเชื่อมแบบต่อเนื่องเข้าส่วนกลางของขั้วไฟฟ้าด้วยเลเซอร์ 360 องศา ผู้ขับขี่จึงมั่นใจในประสิทธิภาพการติดเครื่องยนต์จากหัวเทียนใหม่ที่ออกแบบพิเศษและมีความทนทานมากขึ้น นอกจากนี้ การติดตั้งใช้งานยังสะดวกและรวดเร็วกว่าเดิมด้วยการออกแบบระยะห่างเขี้ยวที่ติดตั้งมาจากโรงงาน ลดภาระในการปรับแต่งระยะเขี้ยวแบบเดิมๆ
วิวัฒนาการแห่งนวัตกรรมกว่า 110 ปี
หัวเทียนที่บ๊อชผลิตมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูง ประหยัด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมามากกว่า 110 ปี ในปัจจุบัน ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ให้ความไว้วางใจเลือกใช้หัวเทียนของบ๊อชเพื่อติดตั้งในรถยนต์ที่ประกอบจากโรงงาน ดังนั้น เมื่อพูดถึงหัวเทียนของบ๊อช ผู้ขับขี่โดยทั่วไปจะนึกถึงคุณภาพและความน่าเชื่อถือที่มีมาอย่างยาวนาน ดังจะเห็นได้จากผู้อ่านนิตยสาร Auto Motor Und Sport ซึ่งเป็นนิตยสารรถยนต์ของประเทศเยอรมนีเลือกบ๊อชเป็นแบรนด์ที่ดีที่สุด (Best Brand) ในหมวดหัวเทียนตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา