Honda Accord Hybrid ใหม่ แรงและประหยัดกว่าเดิม เพิ่มเติม Honda sensing
Honda Accord Hybrid พลังขับเคลื่อนสุดประหยัด ปลอดภัยมากขึ้น จัดทดสอบกลุ่ม ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ อีกขั้นของยนตรกรรมไฮบริด ด้วยเทคโนโลยีไฮบริดอันล้ำสมัยล่าสุดจากฮอนด้า Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) กำลังสูงสุดทั้งระบบ 215 แรงม้า สามารถขับขี่ในโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ได้ต่อเนื่องและทำความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กม./ชม. ประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร พร้อมฟังค์ชั่นกดสตาร์ตเครื่องยนต์ด้วยรีโมท เทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING เพื่อความมั่นใจในทุกการขับขี่ ลงตัวกับดีไซน์ที่หรูหราสง่างามและฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน ตามคอนเซ็ปต์ "ต้องประหยัดและแรงในคันเดียว " มีทั้งรุ่น HYBRID ราคา 1,659,000 บาท และ รุ่น HYBRID TECH ราคา 1,849,000 บาท
การทดสอบกลุ่มใช้เส้นทางจากโรงแรม อินเตอร์คอนติเนลตัล พัทยา มุ่งหน้าสู่ร้านอาหาร Peggy's Cove Resort จังหวัดจันทบุรี รวมระยะทางประมาร 310 กิโลเมตร ด้วยรถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด เทค รุ่นท็อปสุด ราคา 1,849,000 บาท
ขอขอบคุณบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้เชิญทีมงานเช็คราคา.คอม ร่วมทดสอบในครั้งนี้
Honda Accord Hybrid ภายนอกโดดเด่นด้วยไฟหน้า LED กระจังทรงหนา พร้อมแถบสีฟ้ารวมถึงเส้นขอบใต้ไฟหน้า บ่งบอกเป็นรุ่นไฮบริด กันชนทรงสปอร์ต ไฟตัดหมอกแบบ LED ด้านข้างสะดุดตาด้วยมือจับแบบโครเมี่ยม กระจกมองข้างด้านซ้ายติดตั้งกล้องมองด้านข้าง ส่วนหลังคามีซันรูฟมาให้ในรุ่นนี้ (รุ่น Hybrid ธรรมดาไม่มี) และก่อนจะขึ้นรถสามารถกดรีโมทปุ่ม "HOLD" เพื่อติดเครื่องหรือระบบทำความเย็นก่อนขึ้่นรถได้สะดวกจริงๆ VIDEO ภายนอกโดยรวมของแอคคอร์ด ไฮบริดใหม่
ไฟหน้า LED ตาหวานเชียว ส่วนไฟท้ายดีไซน์ช่องไฟด้านในใหม่ เน้นความเป็นรุ่นไฮบริดด้วยสีฟ้า แถบโครเมี่ยมยาวคาดส่วนขอบฝากระโปรงท้ายและที่ขอบล่างของกันชนหลัง และล้อแม็ก 18 นิ้ว ลายใหม่
เสริมด้วยชุดแต่งรอบคัน
แอคคอร์ด ไฮบริด รุ่นท็อปสุดมีซันรูฟเพิ่มความสมบูรณ์แบบจริงๆ
มีสปอยเล่อร์ ตูดเป็ดเอาไว้ "แอบซิ่ง" ในบางอารมณ์
ล้อแม็กลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว
ภายในเหนือระดับหรูหราขึ้นเริ่มที่คอนโซลหน้าคงความหรูคล้ายๆ รุ่นก่อนหน้า มีปรับทรงบ้างเล็กน้อยตามออปชั่นที่เพิ่มขึ้น มาตรวัดเรืองแสงแบบวงกลมใหญ่ตรงกลางบอกความเร็ว ไฟเตือนระบบ สัญลักษณ์ฟังค์ชั่นความปลอดภัยต่างๆ
VIDEO ภายในโดยรวมของแอคคอร์ด ไฮบริดใหม่
ทางฝั่งซ้ายบอกระดับการเร่งเครื่องยนต์ แต่ไม่ใช้วัดรอบเครื่องยนต์นะครับ เป็นเพียงขีดบอกถึงการเหยียบคันเร่งมาก-น้อยเมื่อเครื่องยนต์ติด ส่วนด้านล่างเป็นขีดบอกระดับการชาร์จเข้าของแบตเตอรี่ ตำแหน่งเกียร์ ส่วนฝั่งขวาบอกระดับน้ำมันในถัง ระดับแบตเตอรี่ สัญลักษณ์โหมด EV
พวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่น มีชุดควบคุมทั้งระบบเครื่องเสียงความบันเทิง ควบคุมการสั่งงานในโหมดความปลอดภัยต่างๆ เช่น ระบบแจ้งเตือนรถออกนอกเลน, ระบบควบคุมความเร็วแปรผัน เป็นต้น
ปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยแรกเห็นก็มึนตึบ เพราะมีอะไรเยอะแยะไปหมด แต่เมื่อทดลองเล่นฟังค์ชั่นต่างๆ แล้วกลับเริ่มคุ้มเคยในเวลาไม่นาน เพราะการทดลองขับครั้งนี้ใช้เวลาขับไปและกลับจากพัทยา-จันทบุรี ระยะทางรวมประมาณ 300 กม. เท่านั้น แต่ก็สามารถเรียนรู้และใช้งานปุ่มต่างๆ ได้ค่อยข้างเข้าใจ อย่างเช่น ปุ่มสั่งระบบเตือนการออกนอกเลนและควบคุมรถให้อยู่ในอยู่ช่องทาง (LKAS) นั้นก็เพียงแค่กดปุ่มรูปพวงมาลัยกับเส้นประ จะมีสัญลักษณ์บนหน้าปัดโชว์ขึ้น เท่านั้นก็เรียบร้อย ส่วนระบบควบคุมความแปรผันก็เพียงกดที่ปุ่มวงกลมฝั่งขวาเพื่อเปิดใช้งานและกด "SET" เพื่อเริ่มตั้งความเร็วที่ต้องการ ระบบก็จะทำงานตามความเร็วที่ตั้งเอาไว้ครับ
ภายในสวยหรูด้วยลายไม้สลับสีดำ
ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง
ฝั่งขวาควบคุมการทำงานโหมดต่างๆ ของรถยนต์
ปุ่ม MAIN หน้าหลัก ปุ่มกลมๆ กดฝั่งขวาเปิดใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโมัติ (กดขวา+ลง และตั้งความเร็วตามต้องการ) ปุ่มล่างรูปพวงมาลัยกับเส้นปะ ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง L KAS แผงควบคุมระบบความปลอดภัยต่างๆ เพียบ!
ปุ่มกลมสีเขียวคือ ECO โหมดประหยัด บนซ้ายระบบควบคุมการทรงตัว VSA บนขวาระบบเตือนการชนด้านหน้า CMBS ล่างซ้ายเสียงเตอนคนภายนอกขณะขับโหมดไฟฟ้า AVAS ล่างขวาระบบเตือนรถออกช่องทาง RDM ถัดมาทางหัวเข่าชวาคนขับ มีปุ่มควบคุมระบบความปลอดภัยต่างๆ เมื่อต้องการใช้งานก็สามารถควบคุมเปิดหรือปิดระบบได้ที่นี่ ส่วนระบบ เครื่องเสียงรองรับได้ครอบครันสารพัดการเชื่อมต่อ พร้อมด้วยระบบ Apple Car Play ทันสมัยสุดๆ
แอร์อัตโนมัติแยกปรับความเย็นซ้าย-ขวาและปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์
รองรับ Apple CarPlay
เบาะไฟฟ้าคู่หน้า
พื้นที่เบาะตอนหลังกว้างขวางใหญ่โต
เบาะคู่หน้านั่งกระชับปรับไฟฟ้า ทิศทางพร้อมดันหลังและหน่วยความจำ 2 ระดับ เบาะหลังกึ่งสปอร์ต เบาะตอนหลังขนาดใหญ่เต็มพื้นที่กว้างขวางพร้อมที่เท้าแขนและเย็นสบายด้วยช่องแอร์ด้านหลัง
ห้องเก็บของท้ายรถมีขนาดความจุเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าจากการใช้ชุดแบตเตอรี่ที่เล็กลง ส่งผลให้มีพื้นที่เพิ่มเป็น 424 ลิตร จากเดิม 398 ลิตรกว้างขึ้นเยอะ
เปรียบเทียบรุ่นก่อนหน้าและปัจจุบัน Honda Sensing มันคืออะไร?
ความปลอดภัยระดับเทพในแอคคอร์ดไฮบริดใหม่เพิ่มมากขึ้นด้วย Honda Sensing มี 4 ระบบคือ
1. ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน - Adaptive Cruise Control (ACC)
เป็นระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องและเรดาร์ตรวจจับรถคันหน้า เพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม ทำให้เกิดความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการขับขี่ ผู้ขับขี่สามารถปรับเซ็ตระยะห่าง ได้ตามต้องการ โดยจะทำงานภายใต้สภาพการขับขี่ดังต่อไปนี้
ระบบจะตรวจจับรถยนต์คันที่อยู่ด้านหน้า และจะปรับความเร็วลงอัตโนมัติเมื่ออยู่ในระยะที่เสี่ยงต่อการชน จากนั้นระบบจะทำการปรับความเร็วและกำหนดระยะห่างในการขับขี่ตามที่ผู้ขับขี่ได้ตั้งค่าไว้ เมื่อมีรถยนต์เข้ามาแทรกกลางระหว่าง ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด กับรถยนต์คันหน้า ระบบจะทำการกำหนดเป้าหมายใหม่ โดยจะตรวจจับรถยนต์คันหน้าที่มีระยะใกล้กับรถยนต์ของเรามากที่สุด เพื่อปรับลดความเร็วและกำหนดระยะห่างได้อย่างเหมาะสม เมื่อรถยนต์คันที่ระบบได้ตรวจจับไว้ ออกจากช่องทางเดินรถ ระบบจะทำงานต่อไปด้วยความเร็วที่ผู้ขับขี่ได้ตั้งค่าไว้ในช่วงความเร็วตั้งแต่ 30-180 กิโลเมตร/ชั่วโมง หน้าจอแสดงผล Multi Information Display-MID จะแสดงข้อความและแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่ได้รับทราบเมื่อระบบถูกเปิดทำงาน การทดลองขับ - ใช้งานด้วยการกดปุ่มวงกลมทางขวา และกดรูปรถ (ฝั่งขวา) และกด "SET" ตั้งค่าความเร็ว ระบบนี้ค่อนข้างตอบสนองไว้มาก เมื่อลองตั้งความเร็วที่ 100 กม./ชม. โดยที่มีรถคันหน้าขวางอยู่ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. รถก็จะยังคงความเร็วเท่ากับคันหน้าเอาไว้ และเมื่อคันหน้าเพิ่มความเร็ว ก็จะเพิ่มความเร็วตามที่ตั้งไว้คือ 100 กม./ชม. ไม่ว่ารถคันที่อยู่ข้างหน้าจะเร่งเกินกว่า 100 กม./ชม. ไปแล้ว รถคันเราก็จะยังคงความเร็วตามที่ตั้งไว้
นอกจากนี้สามารถตั้งระยะห่างจากคันหน้าได้ด้วยการกดย้ำปุ่มรูปรถ และบนหน้าปัดจะแสดงภาพเส้นทึบระยะห่างต่างๆ ตามที่ต้องการ ซึ่งระยะระหว่างคันหน้าห่างพอสมควรรับรองปลอดภัยชัวร์!
2. ระบบเตือนการชนด้านหน้าและตรวจจับคนเดินถนนด้วยกล้องและเรดาร์พร้อมระบบช่วยเบรก - Collision Mitigation Braking System (CMBS)
ระบบเตือนการชนด้านหน้าและตรวจจับคนเดินถนนด้วยกล้องและเรดาร์พร้อมระบบช่วยเบรก เป็นระบบที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วของรถ เมื่อมีรถข้างหน้า รถสวนทาง หรือคนเดินถนนอยู่ในระยะที่ไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียงรวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนองหรือในกรณีที่อยู่ในระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกให้อัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ ซึ่งในครั้งนี้ระบบ CMBS ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น ซึ่งไม่เพียงแต่จะตรวจจับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเท่านั้น แต่ยังเพิ่มการตรวจจับรถที่วิ่งสวนทาง รวมทั้งคนเดินถนนได้อีกด้วย หมายเหตุ ระบบ CMBS ไม่สามารถตรวจจับวัตถุทุกอย่างบนท้องถนน หรือแม้แต่การเข้าควบคุมการทำงานของตัวรถแทนผู้ขับขี่ ในการควบคุมรถ ดังนั้น ผู้ขับขี่จะต้องทำการควบคุมการทำงานของตัวรถและคำนึงถึงความปลอดภัยในการขับขี่อยู่เสมอแม้เปิดใช้งานระบบนี้
การทดลองขับ - ระบบเตือนนี้เสริมให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ป้องกันวัตถุที่ขวางทางหรือกำลังใกล้เข้ามาในระยะกระชั้นชิด โดยจะเริ่มเตือนเป็นไฟสีเหลืองทั้งจอบนหน้าปัด และตรงกระจกหน้าซึ่งมีไฟส่องสะท้อนกลับมาหาผู้ขับ (คล้ายๆ ชิฟไลท์) และถ้าหากรถมีอาการเข้าใกล้หรือชิดในระยะมากเกินไประบบจะชลอความเร็วอัตโนมัติหรืออาจเบรกเต็มแรงหากระยะชิดมากๆ นับว่าปลอดภัยมากขึ้น ป้องการคนหลับในหรือละเมอได้อย่างดี
แต่ข้อควรระวัง - ในบางสถาการณ์เช่น รถหนาหนาแน่น ปริมาณรถเยอะ และหากต้องการแซงในระยะชิดคันหน้าหรือรถเลนด้านข้างระบบนี้ก็จะทำงานเหมือนกัน จนอาจทำให้เสียจังหวะในการเร่งแซงได้ เพราะระบบจะทำการเบรกพร้อมกับตัดระบบคันเร่ง ทำให้เกิดอาการหวืดเร่งไม่ไป หากต้องใช้ระบบนี้จึงควรเผื่อระยะจากรถคันหน้าให้มากๆ ก่อนจะแซงผ่านขึ้นไป ดังนั้นจึงควรศึกษาและใช้งานให้คุ้นเคย หรือถ้าเป็นพ่อบ้านสายซิ่งก็ควรจะปิดระบบนี้เพื่อความมันในการแซงนะครับ
ในวันทดสอบนั้นระบบนี้ ในขณะที่กำลังแซงในระยะกระชั้นชิด ระบบได้ทำงานโดยการเบรกและตัดคันเร่งทำให้รถชลอความเร็วจนรถยนต์คันด้านหลังอีกเลนที่รถผู้ขับทดสอบกำลังจะแทรกผ่านไปนั้นเกือบ "จูบท้าย" แต่โชคดีที่รถคันหลังนั้นขับไม่เร็วจึงเบรกได้ทัน ระบบ CMBS นับว่าให้ความมั่นใจและปลอดภัยหากขับอย่างถูกต้อง
3. ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ - Lane Keeping Assist System (LKAS)
เป็นระบบที่ใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ โดยระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัยเพื่อช่วยผู้ขับขี่ให้ควบคุมรถอยู่ภายในช่องทางปกติและลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ ทั้งนี้ กล้องที่ติดตั้งอยู่บริเวณกระจกบังลมด้านหน้า จะตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถที่อยู่บนถนน โดยจะเริ่มทำงานที่ช่วงความเร็ว 72 - 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเปิดหรือปิดการทำงานของระบบนี้ได้ด้วยการกดสวิตช์ควบคุมที่ติดตั้งอยู่ที่มุมล่างขวาของพวงมาลัย เนื่องจาก LKAS ไม่ใช่ระบบขับขี่อัตโนมัติ ดังนั้นระบบจะหยุดทำงานถ้าหากผู้ขับขี่ปล่อยมือออกจากพวงมาลัย โดยจะมีการเตือนด้วยภาพผ่านทางหน้าจอ MID เพื่อให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ภายในช่องทางอีกครั้ง การทดลองขับ - ระบบเป็นการควบคุมรถให้ขับไปตามช่องทางโดยอัตโนมัติ ระบบจะบังคับพวงมาลัยให้รถวิ่งไปตามเส้นขอบทางพร้อมรักษาตัวรถให้อยู่ตรงกลางเลนมากที่สุด โดยผู้ขับแทบไม่ต้องบังคับทิศทางพวงมาลัยเลย ช่วยให้ไม่ตกถนนแน่นอน โดยลองขับผ่านโค้งต่างๆ ระบบนี้ก็สามารถบังคับรถให้ผ่านไปได้อย่างแนบเนียนและมั่นใจ
VIDEO ระบบ LKAS
4. ระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ - Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW)
เป็นระบบที่ใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูล พร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางจนอาจเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็ว (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร ระบบ RDM จะรวมอยู่ในระบบควบคุมการทรงตัว หรือ VSA เพื่อให้ตัวรถมีการเบรกอย่างเหมาะสม และพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า หรือ EPS ช่วยให้การบังคับพวงมาลัยทำได้อย่างแม่นยำ การแจ้งเตือนผ่านทั้งภาพและเสียง โดยจะแสดงผลผ่านทางหน้าจอ Multi Information Display-MID ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้ทราบว่าระบบกำลังทำงานเพื่อให้รถกลับมาอยู่ในช่องทาง โดยสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนต่างๆ ผ่านทางฟังก์ชั่น Setting ในตัวรถได้ หมายเหตุ ในบางสถานการณ์ ระบบอาจจะทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากสภาพอากาศ เช่น ฝนตกหนัก หรือความร้อนจัดภายในห้องโดยสาร ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของกล้อง โดยระบบจะหยุดการทำงานอัตโนมัติ เมื่อผู้ขับขี่กดแป้นเบรก หรือเมื่อมีการเปิดไฟเลี้ยว ระบบ LDW อาจจะไม่สามารถตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถได้ในทุกรูปแบบ เนื่องจากความแตกต่างของสภาพถนน สภาพอากาศ และความเร็วในการขับขี่
การทดลองขับ - ระบบนี้นับว่าปลอดภัยสุดๆ เพราะเป็นการช่วยเหลือ-ป้องกัน-เตือน เมื่อผู้ขับหลับใน เผลอหยิบของ เหม่อลอย ฯลฯ เริ่มจากเมื่อรถเบนออกชิดขอบเส้นประหรือเส้นถึบก็ตาม จะมีสัญญาณเตือนบนหน้าปัดก่อนและถ้ายังเบนต่อไปอีกก็จะเตือนด้วยการสั่นเบาๆ บนพวงมาลัย และสุดท้ายคือพวงมาลัยดึงกลับให้อัตโนมติ และถ้ามีการเปลี่ยนเลนอย่างรวดเร็วผิดปกติ ระบบก็จะเบรกให้อัตโนมัติทันที นับว่าผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
VIDEO ระบบ RDM
ในวันทดสอบได้ลองเปลี่ยนช่องทางอย่างรวดเร็ว โดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบนี้จะเตือนและดึงพวงมาลัยกลับเบาๆ พร้อมกับเบรกอัตโนมัติ นับว่าทำงานได้ฉับไวมากๆ แต่ในบางจังหวะที่เปิดระบบเอาไว้และต้องการแซงอย่างกระทันหันโดยการหักพวงมาลัยมาทางขวาอย่างรวดเร็ว ระบบนี้ก็จะทำงานเช่นกัน จึงอาจทำให้เสียจังหวะในการแซงได้ ดังนั้นควรศึกษาและทำความคุ้มเคยกับระบบนี้ก่อน หรือถ้าจำเป็นต้องแซงในลักษณ์นี้บ่อยๆ ก็ควรปิดระบบเอาไว้ก่อนนะครับ
ความปลอดของแอคคอร์คไฮบริดใหม่ยังมีอีกเพียบได้แก่
ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ด้วยกล้องที่ติดตั้งด้านล่างของกระจกข้างฝั่งซ้ายและแสดงภาพบนหน้าจอขนาด 7.7 นิ้ว เมื่อมีการเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย ด้วยความกว้างของภาพมากขึ้นถึง 4 เท่า หรือประมาณ 80 องศา พร้อมเส้นกะระยะ 3 เส้น กล้องด้านหลัง มุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ชัดมากๆ ขอบอกครับ และเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน เสียงเตือนภายนอกรถ (Acoustic Vehicle Alerting System - AVAS) เมื่อขับโหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ระบบจะส่งเสียงเตือนให้ผู้ที่อยู่ภายนอกรับรู้ว่ามีรถกำลังเคลื่อนตัวอยูในระยะใกล้ ระบบไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light - ACL) ถุงลมถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ i-Side Airbag และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags รวม 6 ตำแหน่ง โครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ G-CON ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว (VSA) ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย (MA-EPS) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) และสัญญาณฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) ฮอนด้า แอคคอร์ดไฮบริด ครบทุกความปลอดภัย
Honda Accord Hybrid ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 1,993 ซีซี กำลังสูงสุด 145 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิด 175 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ CVT
ผสานมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 184 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตัน-เมตร ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้าจะมีอีกชุดเพื่อสำหรับปั่นชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าระบบและสำรองระบบไฟฟ้าอื่นในรถ และเมื่อรวมกำลังทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุดถึง 215 แรงม้า ซึ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนหรือ EV นั้นสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กม./ชม. หากเท้านิ่งๆ และควบคุมให้ความเร็วค่อยๆ ขึ้นได้อย่างราบเรียบ หรือแม้ว่ากำลังขับช่วงความเร็ว 120 กม./ชม. หากเข้าเงื่อนไขการทำงานระบบไฮบริด มอเตอร์ไไฟ้าก็จะทำงานแทนเครื่องยนต์ทันที นับว่าช่วยประหยัดมากขึ้น โดยทั่วไปนั้นความเร็วในการเดินทางอยู่ราวๆ 100-110 กม./ชม. ยิ่งถ้าเข้าเงื่อนไงฯ มอเตอร์ทำงานแทนเครื่องยนต์ก็ยิ่งประหยัดได้จริง!
การทดลองขับ - โดยปกติหากขับทั่วไปไม่เปิดระบบไฟฟ้าล้วนนั้น การควบคุมกำลังระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าก็จะถูกควบคุมและปรับเปลี่ยนพลังงานตามสถานการณ์ เช่น ขณะออกตัวช้าๆ มอเตอร์ใช้ไฟฟ้าล้วน ออกตัวอย่างรวดเร็วเครื่องยนต์+มอเตอร์ไฟฟ้า หรือ หากความเร็วคงที่ระดับหนึ่งแล้วไม่จำเป็นต้องใช้กำลังมากนักระบบก็จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนแทน เป็นต้น
สำหรับ โหมด EV ก็คือการขับโดยใช้พลังงานมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียว โดยต้องเข้าเงื่อนไขอื่นๆ เช่น แบตเตอรี่มีไฟฟ้าเกินครึ่ง ใช้ความเร็วไม่สูงมากนักประมาณ 20 -30 กม./ชม. (กรณีขับเข้าซอย, หมู่บ้านก่อนเข้าจอด) แต่ถ้าต้องการอัตราเร่งหรือแบตเตอรี่ใกล้หมดเครื่องยนต์จะติดทันที
อัตราเร่งของแอคคอร์ค ไฮบริดใหม่ ตอบสนองฉับไวในช่วงออกตัวและลอยลำเข้าสู่ความเร็วระดับ 120 กม./ชม. อย่างรวดเร็ว ส่วนในการเร่งแซงนั้นอาจได้ยินเสียงเครื่องยนต์คำรามบ้างเล็กน้อย เนื่องจากใช้รอบสูงและการแปรผันจากเกียร์ CVT แต่น่าเสียดายที่ไม่มีมาตรวัดรอบเครื่องยนต์มาให้ดู
ไฟรูปรถและ EV สีเขียวโชว์บอกสถานะไฟฟ้าล้วน
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ทำได้ในวันทดสอบ 16.1 กม./ลิตร
สำหรับความกินจุ นั้นนับว่าทำตัวเลขบนหน้าปัดได้ดีที่สุดคือ 16.1 กม./ลิตร นับว่าน่าพอใจ เพราะตลอดเส้นทางทดสอบนั้นผู้สื่อข่าวเท้าหนักแทบทุกคัน ดังนั้นทริปนี้จึงใช้อัตราเร่งบ่อย แซงบ่อย และใช้ความในการทดสอบสูงๆ เพื่อเช็คการเก็บเสียงและกระแสลมที่จะเข้าในรถ พร้อมกับระบบช่วงล่างในความเร็วสูง โดยใช้ความเร็วเฉลี่ยที่ 120 กม./ชม. มากน้อยบ้างตามสถานะการณ์ครับ
ระบบช่วงล่างเกาะถนนได้ดีเป็นมาตรฐานของแอคคอร์คที่ให้ทั้งความนุ่มนวลและหนึบเมื่อเข้าโค้งหรือขับผ่านหลุมบ่อ และคอสะพาน การปรับปรุงใหม่นี้เพื่อให้เหมาะสมกับความเป็นรถหรูที่ขับเพลินๆ ไม่เน้นซิ่ง สำหรับผู้บริหารหรือวัยรุ่นที่ต้องการความสะบายเป็นหลัก แต่เมื่อต้องการสมรรถนะหรือความหนึบก็สามารถตอบสนองได้เช่นกัน ซึ่งตรงนี้หากเป็นมุมมองในส่วนผู้ขับขี่อาจดูนุ่มนวลไปบ้างในบางจังหวะที่ต้องการเข้าโค้งหรือเปลี่ยนช่องทางอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเป็นผู้โดยสารนับว่านุ่มนวลกำลังดี นั่งสบายไม่เหมื่อยและเกร็งตัวมากนัก
พวงมาลัยตอบสนองฉับไวเฉียบคม โยกตามน้ำหนักมือ รวบทั้งระบบเตือนต่างๆ ที่จะสั่นให้ผู้ขับได้รู้สึกตัวยิ่งเพิ่มความมั่นใจได้มากขึ้น และระบบเบรกที่หนึบ น้ำหนักเบา แต่เอาอยู่ มั่นใจได้ แม้จะต้องเบรกอย่างกระทันหันก็ตาม ไม่รู้สึกเกร็งแต่อย่างใด แต่ในความเร็วสูงๆ อาจมีเสียงยางและลมเริ่มเรดรอดเข้ามาบ้างใช้ความเร็วประมาณ 80 -90 กม./ชม. ขึ้นไป แต่ก็พอรับได้
สามารถเข้าโค้งตามภาพที่ประมาณ 80 กม./ชม. สบายๆ
ทัศนวิสัยรอบคันที่มองเห็นได้ชัดเจน ตั้งกระจกบานหน้าขนาดใหญ่ เบาะที่สามารถปรับสูง-ต่ำได้ตามถนัด กระจกมองข้างเลนกว้างและทางซ้ายยังมีภาพให้มองในจอตรงกลาง กระจกมองหลังถึงแม้จะมีความลาดชันมาก แต่มีขนาดใหญ่จึงมองเห็นรถที่ตามหลังมาได้ครบเกือบทุกเลน และการออกแบบตำแหน่งคนขับไว้ดี จึงลดมุมอับสายตาบริเวณเสา "A" และด้านข้างสามารถมองเห็นรถที่ขับคู่ขนานกันมาได้เพียงหางตา ทำให้รู้สึกว่าแอคคอร์ดไฮบริดแม้คันใหญ่แต่ก็ขับง่ายเหมือนรถคันเล็ก
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
Honda Accord Hybrid รถยนต์ไฮบริดที่ตอบสนองทั้งความประหยัดที่มากขึ้น แต่ไม่ทิ้งความแรงแบบสปอร์ต พร้อมรูปทรงที่สวยงาม ระบบความปลอดภัย Honda Sensing ที่เหนือระดับในราคารุ่นท็อปสุดต่ำลงจากรุ่นก่อนหน้าเป็นเจ้าของง่ายขึ้น