New Nissan X-Trail Hybrid SUV ความประหยัดและแรงมีอยู่จริง...
New Nissan X-Trail Hybrid (นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด) SUV ไฮบริดที่ให้ความคุ้มค่า ทั้งด้านราคาและสมรรถนะ พร้อมความประหยัด หรูหราทุกมุมมองราคา 1.45 ล้านบาท
นิสสัน เอ็กซ์ไฮบริด ใหม่ กับหลากหลายเหตุผลที่ให้ความคุ้มค่าจริง สะดวกสบายจริงและราคากับเทคโนโลยีที่สอดคล้องกันจริง!
การทดสอบนิสสัน เอ็กซ์เทรลใหม่ครั้งนี้ เน้นการใช้งานแบบประจำวันจริงๆ ครับ ทั้งชีวิตเมืองหลวงการจราจรติดหนึบและพักผ่อนต่างจังหวัดบ้างในวันหยุดสุดสัปดาห์ และใช้ความเร็วตามกฏหมายกำหนด มีเร่งแซงแบบคิกดาวน์บางช่วงสลับใช้ระบบเปลี่ยนเกียร์เองในบางครั้งบางคราว รวมระยะทางทั้งหมดตลอด 5 วัน ที่ได้นำรถมาทดสอบ 426 กม.
ขอขอบคุณบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับ New Nissan X-Trail Hybrid สีดำ ป้ายแดงมาทดสอบในครั้งนี้
New Nissan X-Trail Hybrid โดดเด่นหรูหราให้ความรู้สึกอ่อนไหวและกลมกลืน DayTime Running light ในไฟหน้าสว่างชัดเจนตอนกลางวัน ไฟหน้าเลนส์โปรเจ็คเตอร์หลอดแบบ Bi-LED ทั้งไฟต่ำและไฟสูงสว่างคมชัด และกระจังหน้าโครเมียมคาดสีฟ้ากับคิ้วโครเมียมฝากระโปรงท้ายที่บ่งบอกความเป็นรุ่นไฮบริด
VIDEO
ด้านข้างโดดเด่นด้วยคิ้วโครเมียมและราวหลังคาสีเทา เพิ่มความเป็น SUV ให้สมบูรณ์แบบ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED และกล้องมองมุมข้างเพื่อแสดงภาพบนจอขณะจอด ล้อแม็กลาย 5 ก้านคู่ขนาด 17 นิ้ว
คอนโซลหน้าดูหรูหราตกแต่งวัสดุลายคาร์บอน มาตรวัดเรื่องแสงทรงกลม 2 ฝั่ง จอแสดงข้อมูลรถยนต์แบบ TFT 3D ตรงกลาง แสดงข้อมูลทั้งและคอนโซลกลางทั้งอัตราสิ้นเปลืองแบบเรียลไทม์, เข็มทิศกันหลงเมื่อลุยป่า, คลื่นวิทยุ, อุณหภูมิเครื่องยนต์, ระบบไหลเวียนพลังงาน, ระยะทางใช้โหมด EV โดยรวม, ตั้งค่าฟังก์ชั่นของรถยนต์ และเมื่อดับเครื่องยนต์จะแสดงผลอัตราสิ้นเปลืองโดยรวมทั้งหมด เป็นต้น แค่นี้พอไหม!
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ปุ่มซ้ายควบคุมระบบเครื่องเสียง, จอแสดงผลบนมาตรวัด ปุ่มฝั่งขวาควบคุมระบบครูซคอนโทรล, รับ-วางสายโทรศัพท์ ตรงคอนโซลหน้าทางด้านขวามีปุ่มตั้งค่าทริป A,B ปรับความสว่างหน้าปัด และถัดลงมาเป็นชุดควบคุมระบบช่วยเหลือต่างๆ เช่น เปิด-ปิดระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบช่วยป้องกันล้อหมุนฟรี, ปุ่มสั่งงานเปิด-ปิดฝากระโปรงท้าย และปุ่ม ECO เพื่อเน้นการขับขี่รูปแบบประหยัดมากขึ้น
คันเกียร์สามารถโยกมาตำแหน่ง "D" และผลักมาทางขวาเพื่อผู้ขับเปลี่ยนอัตราทดได้ถึง 7 ระดับความเร็ว พร้อมเซฟโหมดกันลืมเปลี่ยนเกียร์เมื่อรอบสูงหรือต่ำเกินไป ระบบก็จะทำงานโหมดอัตโนมัติให้ทันที
มีตัวเลขบอกตำแหน่งบนมาตรวัดไม่ต้องกลัวหลงเกียร์นะครับ
เครื่องเสียงจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ MP3/CD/DVD/USB/AUX เชื่อมต่อ Bluetooth, internet, พร้อมระบบนำทาง และ Nissan connect ให้ภาพละเอียดคมชัดเมื่อปรับเป็นจอแสดงภาพขณะถอยหลัง ถัดลงมาเป็นชุดควบคุมแอร์อัตโนมัติแยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์เป่าผู้โดยสารตอนหลัง
หน้าจอเครื่องเสียงเลือกดูการทำงานของระบบไหลเวียนพลังงานได้
มีข้อมูลประวัติการใช้พลังงานมาให้อีกต่างหากครบจริงๆ
ยังครับยังไม่หมด! มาดูส่วนของจอแสดงผลบนมาตรวัดกันต่อเลย
การไหลเวียนพลังงาน
ระยะทางที่วิ่งได้จากน้ำมันในถัง
ระยะทางรวมทั้งหมดที่ระบบ EV มอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียววิ่งได้
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแบบเรียลไทม์
การปรับตั้งค่า (Settings)
เลือกปรับตั้งค่าทั้งระบบช่วยเหลือต่างๆ, นาฬิกา,มาตรวัด, ตั้งค่าตัวรถ, ตั้งเตือนเข้าเช็คระยะ, ตั้งค่าระบบสัญญาณกันขโมย
ตั้งค่าการเปิด-ปิดไฟต้อนรับ, ตั้งไฟเลี้ยว, ระบบล็อคประตู, ระบบปัดน้ำฝน
มีเข็มทิศกันหลงเวลาลุยป่า
ลูกเล่นเลือกสีรถในจอได้อีกด้วย
ตรงคอนโซลกลางติดตั้งสวิตช์ปรับโหมดการขับเคลื่อนทั้ง 2WD, AUTO และ LOCK รวมถึงปุ่มสั่งเปิด-ปิดระบบช่วยลงทางชัน แถมด้วยช่องวางแก้วน้ำแบบมีลมแอร์เป่าเย็นฉ่ำ
มีลมแอร์เป่าด้วย
เบาะคู่หน้าขนาดใหญ่กระชับนั่งสบายจริงพร้อมระบบปรับไฟฟ้าทั้ง 2 ฝั่ง โดยที่ทางคนนั่งปรับนอนได้เกือบแบนราบ ส่วนเบาะนั่งตอนหลังขนาดใหญ่นั่งสบายเต็มตัว ให้ความนุ่มทุกอิริยาบถ มีความสูงกว่าตอนหน้าเล็กน้อยเพื่อมุมมองที่กว้างขึ้น และหลากหลายความอเนกประสงค์ทั้งที่เท้าแขน, พับเก็บ 60:40, พับแบนราบ เพิ่มความจุของได้เพียบ
เบาะหลังขนาดใหญ่นั่งสบาย แม้ 3 คนก็ยังหลวมๆ
กล่องซ่อนของท้ายรถ
นอกจากนี้ก็มีช่องเก็บของมากมายรอบคัน เช่น กล่องเก็บของใส่กล้องถ่ายรูปได้ทั้งอัน, กล่องเก็บแว่นตาด้านบน ไฟเก๋งสว่างทั่วคัน ไฟหรี่คล้ายๆ Ambient light สีครีมๆ ส่องสวยๆ ในเวลากลางคืน ช่องเสียบ USB ช่องจ่ายไฟ DC 2 ช่องที่ใต้ชุดควบคุมแอร์และในกล่องเก็บของคอนโซลกลาง
กล่องเก็บของไซส์ "บิ๊ก" และจุดจ่ายไฟ DC
ช่องเชื่อมต่อ USB/AUX และชาร์จไฟ DC ด้านหน้า
ช่องใส่แว่นตาพร้อมไฟส่องเวลากลางคืนสีครีมนวลสบายตาช่วยให้มองเห็นเมื่อจะหยิบข้าวของได้สะดวกขึ้น
SPECIFICATION - FAST FACTS
นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริดใช้เครื่องยนต์ เบนซิน 2.0 ลิตร MR20DD 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Twin C-VCT Direct Injection ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังสูงสุด 41 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ CVT - Xtronic CVT + M-Mode เปลี่ยนเองได้อีก 7 จังหวะ ระบบขับเคลื่อนเลือกได้ทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า (2WD), 4 ล้อ (AUTO) แปรผันตามสภาพถนนอัตโนมัติ และ 4 ล้อแบบจัดเต็ม (LOCK) เพื่อการเกาะถนนและลุยไต่ผิวถนนลื่นได้ดียิ่งขึ้น และเมื่อผสานกำลังรวมกันออกมาได้สูงสุดถึง 179 แรงม้าเชียวนะ
เห็นเรียบๆ แต่ม้าเพียบนะครับ
ช่วงล่างด้านหน้าเป็น แบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์ และเหล็กกันโคลง ให้ความนุ่มนวลอย่างคาดไม่ถึงแต่หนึบราวกับสปอร์ต และพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าน้ำหนักเบามือควบคุมง่ายแม้ความสูงๆ ล้อแม็ก 17 นิ้ว ยาง 225/65 R17
ความรู้สึกเมื่อทดลองขับ
นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร แต่สมรรถนะมีมากเกินความจุ น้ำหนักตัวบวกระบบแบตเตอรี่ 1 ตันครึ่งนิดๆ (1,665 กก.) กำลังเครื่องยนต์สามารถทำอัตราเร่งได้รวดเร็วราวกับรถเก๋งซีดาน ช่วงออกตัวจะเริ่มรับรู้ถึงระบบการตัด-ต่อกำลังระหว่างระบบเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่เล็กน้อย หากเร่งเบาๆ ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าจะเริ่มออกตัวให้ก่อนที่เครื่องยนต์จะติดขึ้นมาเพื่อเป็นกำลังหลัก
สามารถวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ความเร็วสูงได้สบายๆ
สามารถขับด้วยโหมด EV ล้วนในความเร็ว 80 กม./ชม. สบายๆ ส่วนจะนานแค่ไหนขึ้นกับความนิ่งของเท้าคุณ!
อัตราการเร่งแซงนับว่ามีกำลังเกินตัว ผลจากระบบเกียร์ CVT ที่แปรผันอย่างฉลาดรวดเร็วและระบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่ช่วยเสริมกำลังในช่วงความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. ทำให้เร่งได้กระฉับกระเฉงมาก และเป็นการผสานกำลังทั้ง 2 อย่างลงตัว ช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้น ซึ่งปกติรถทั่วไปที่ต้องใช้น้ำมันวิ่ง 100 เปอร์เซ็นต์ตลอดเวลา เมื่อมีไฮบริดเข้ามาอาจลดหลั่นลงมาตามการแปรผันของระบบนั่นเองครับ
การใช้งานโหมด EV ซึ่งระบบจะคำนวนและประเมินผลตามสถานการณ์ต่างๆ จากปัจจัยหลายด้าน เช่น กำลังไฟที่เหลือในแบตฯ น้ำหนักเท้าและความเร็วที่สัมพันธ์กัน ซึ่งจะส่งผลให้ในโหมดนี้ทำงานได้ นั่นคือ
เมื่อลดความเร็วและยกคันเร่ง เครื่องยนต์จะดับ ระบบชาร์จไฟทำงาน และเมื่อแตะคันเร่งเบาๆ กลอไว้เล็กน้อยมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานเพียงอย่างเดียวจนกว่าจะมีเงื่อนไขอื่นเข้ามาดังนี้
เติมคันเร่งเมื่อต้องการเพิ่มความเร็ว ไฟในแบตฯ กำลังหมดถึงจุดที่ระบบต้องชาร์จไฟกลับ การเร่งหรือเหยียบคันเร่งมากๆ อย่างเฉียบพลันเมื่อต้องการอัตราเร่งแซง เงื่อนไขเหล่านี้ก็จะทำให้เครื่องยนต์สตาร์ตขึ้นและให้กำลังตามที่เราต้องการ ในขณะเดียวกันการทำงานเหล่านี้ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นผู้ขับแทบไม่รับรู้ถึงการทำงานมากนัก นับว่าระบบการตัดต่อของคลัตช์ทั้ง 2 ชุด ที่ส่งกำลังจากเครื่องยต์และมอเตอร์ไฟฟ้าถูกออกแบบมาได้อย่างดี ทำให้ขับได้เนียนๆ โดยไม่รู้สึกรำคาญแต่อย่างใด
ในขณะเดียวกันหากมีไฟในระบบเกินครึ่งก็สามารถขับด้วยโหมด EV ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆได้ที่ความต่ำๆ จนกว่าระดับไฟในแบตฯ ถึงจุดหรือเติมคันเร่งมากขึ้น นี้คือสิ่งที่ช่วยให้เอ็กซ์เทรลไฮบริดประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นอีกระดับนั่นเอง
จอดติดไฟแดงเครื่องยนต์ดับใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ยิ่งประหยัดขึ้นไปอีก
ประหยัดแม้เวลาจอดนิ่งๆ เครื่องยนต์จะดับและใช้ระบบ EV โหมดใช้ไฟฟ้าในแบตฯ จนกว่าใกล้จะหมดหรือระบบแอร์เริ่มมีอุณหภูมิเกินที่กำหนดไว้เครื่องยนต์ก็จะติดอีกครั้ง
ขอบข่ายการทำงานโหมด EV
โหมด EV นั้นเป็นการใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 41 แรงม้า แรงบิด 160 นิวตัน-เมตร ในการควบคุมความเร็ว ณ ขณะนั้นๆ สามารถขับได้ความสูงสุดถึง 120 กม./ชม. หมายความว่า "ระบบไฮบริดจะผสมผสานกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยบางครั้งอาจทำงานพร้อมๆ กัน เช่น ตอนเร่งออกตัว บางครั้งอาจเครื่องยนต์ล้วนๆ เมื่อแบตเตอรี่ใกล้ระดับต่ำเกินไป บางครั้งใช้กำลังเครื่องยนต์ 70 เปอร์เซ็นต์ มอเตอร์ 30 เปอร์เซ็นต์ (อาจจะเป็นสัดส่วน 50 : 50 หรือ 80 : 20 เปอร์เซ็นต์ระบบจะคำนวณอัตโนมัติ) ซึ่งในทุกย่านความเร็วต่างๆ นั้น หากเข้าเงื่อนไขที่บอกเอาไว้ข้างต้น จะสามารถวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ได้แต่ไม่เกินความเร็ว 120 กม./ชม.
มาถึงระบบช่วงล่างที่ออกแบบมาได้แปลกและแตกต่าง เมื่อขับครั้งแรกจะรู้สึกว่า นุ่มนวลนั่งสบาย แต่พอได้ลองขับเร็วขึ้นและทดลองการเปลี่ยนอย่างรวดเร็วในหลายๆ จังหวะ กลับกลายเป็นว่า มีความเกาะถนนราวกับช่วงล่างแบบสปอร์ต ให้ความหนึบยามเข้าโค้ง เปลี่ยนเลนโดยแทบไม่มีอาการโยนหรือย้วยของช่วงล่างเลย และเมื่อกระโดดคอสะพาน ตกหลุม หรือผ่านผิวถนนขรุขระกลับให้ความนุ่มนวลไม่สั่นสะเทือน นับว่านิสสันเก่งในด้านความสบายที่มาพร้อมความหนึบมากๆ
ระบบปรับระดับตัวถังให้ระนาบกับพื้นถนน อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ช่วยให้ระบบช่วงล่างดี๊ดี
ส่วนของระบบเบรกตึงเท้าและใช้น้ำหนักที่มากสักหน่อยเพื่อให้ทำงานได้อยู่หมัด โดยรุ่นไฮบริดนี้จะมีตัวช่วยในการ "สร้างสูญญากาศในหม้อลม" (electric vacuum pump for brake servo) ในขณะที่เครื่องยนต์ดับอยู่เพื่อให้มีตัวช่วยผ่อนแรง ซึ่งก็ให้ความหนักและแข็งอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเพิ่มน้ำหนักเท้าเข้าไปและหากเริ่มคุ้นเคยก็จะทำให้เบรกอย่างมันใจมากขึ้นอีกครับ
เบรกได้มั่นใจด้วยหม้อลมไฟฟ้าหรือมีชุดปั๊มสุญญากาศไฟฟ้าช่วยดูดเวลาเครื่องยนต์ดับจากโหมด EV
โหมดการขับเคลื่อนที่มี 3 รูปแบบ ควบคุมง่ายด้วยปุ่ม 4X4-i ตรงฐานเกียร์ หากขับขี่ปกติทั่วไปเน้นประหยัดก็ปรับไปที่ 2WD ขับเคลื่อนเพียง 2 ล้อหน้า และเมื่อเจอสภาพถนนที่ไม่ปลอดภัย เช่น ผิวถนนลื่นเปียก หรือขับผ่านโค้งก็ปรับไปที่ AUTO ระบบจะแปรผันการกระจายกำลังสู่ล้อทั้ง 4 โดยอัตโนมัติอย่างเหมาะสมกับสภาพถนน เพื่อความเกาะถนนและมั่นใจมากขึ้น และอันสุดท้ายหมุนอีกสเต็ปเพื่อการลุยแบบจริงจัง ก็สามารถลุยโคลน ดินทราย ไต่ทางชัน ผิวถนนลื่นๆ ได้ ซึ่งโหมดนี้เน้นใช้งานกรณีต้องการกำลังตะกุยมากขึ้นแบบเต็มระบบ กำลังจะส่งผ่านล้อทั้ง 4 ช่วยให้ผ่านอุปสรรคได้อย่างราบรื่นและง่ายดาย และระบบนี้สั่งงานในเวลาอันรวดเร็วและไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนกำลังขับเคลื่อนเลยแม้แต่นิดเดียว ที่สำคัญสามารถปรับไปขับได้อย่างสะดวกมากๆ
ไฟสีเขียวอ่อนรูปรถ 4 ล้อ บอกสถานะโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ AUTO แปรผันให้อัตโนมัติ
ไฟสีส้ม 4WD LOCK โหมดขับเคลื่อน 4 ล้อเต็มรูปแบบเพื่อลุยและต้องการกำลังปีนไต่มากขึ้น
ขับคล่องตัวในเมือง-นอกเมืองจริงๆ
อัตราสิ้นเปลืองจากการทดสอบใช้งานทั้งในและนอกเมือง ผ่านการจราจรติดขัด และขับขี่ออกนอกเมืองในวันหยุดสุดสัปดาห์รวมๆ แล้วระยะทางประมาณ 426 กม. เติมน้ำมันกลับคืนถังที่ 980 บาท จำนวน 42 ลิตร 10.14 กม./ลิตร (แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา ณ วันเขียนบทความ 23.70 บาท/ลิตร) นับว่าน่าพอใจ
แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา ณ วันเขียนบทความ 23.70 บาท/ลิตร ส่วนมาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยบนหน้าปัดวัดได้ 13.3 กม./ลิตร และค่าดีที่สุดที่บันทึกไว้ 17.1 กม./ลิตร โดยการวัดครั้งนี้ขับแบบปกติมีการเร่งแซง การออกตัวอย่างรวดเร็วในบางครั้ง และโหมด EV ที่สลับใช้บ้าง ไม่ใช่การตั้งใจขับช้าๆ เลี้ยงคันเร่ง เพื่อเลียนแบบการใช้งานจริงมากที่สุดครับ
หน้าจอเครื่องเสียงสามารถบอกคะแนนรวมในการขับประหยัดได้ด้วย เริ่มด้วยรีโมทหลากหลายฟังก์ชัน ตั้งแต่ ปุ่มกดเปิด-ปิดล็อคบนมือจับทั้งประตูหน้าซ้ายและขวา โดยการกด 1 ครั้ง เปิดเฉพาะฝั่งคนขับ 2 ครั้งเปิดทั้งคัน ป้องกันขโมยแอบเปิดประตูด้านอื่นๆ ขณะเปิดล็อคได้เป็นอย่างดี ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ ระบบเปิดฝากระโปรงท้ายด้วยรีโมทและใช้ระบบเซ็นเซอร์ เพียงเอามือปัดเบาๆ ตรงแผงท้ายก็เปิดให้อัตโนมัติ เหมาะกับนักช้อปตังยงที่ถือของเต็มมือ
แผ่นกระจกสีดำ (ที่จริงสีแดง) นั่นคือตัวรับสัญญาณมือ
เพียงยื่นมือออกมาผ่านบริเวณนี้ท้ายก็เปิดให้โดยไม่ต้องกดรีโมท
พวงมาลัยพร้อมปุ่มควบคุมความบันเทิงและปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ (ครูซคอนโทรล) สามารถปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าและปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
ที่นั่งคนขับกว้างขวางโปร่งสบาย
ชุดควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และปุ่มรับวางโทรศัพท์
ชุดควบคุมความบันเทิงและหน้าจอแสดงผลตรงหน้าปัด
แอร์อัตโนมัติ ปรับอุณหภูมิฝั่งซ้าย-ขวา
เครื่องยนต์มาครบสุดๆ ใส่แผ่น CD/DVD ได้ด้วย และลำโพง 6 จุด
Nissan Connect อีกความสะดวกสบายเพียงเปิดระบบแชร์ Wifi จากสมาร์ทโฟนก็สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านหน้าจอได้อย่างง่ายดาย ทั้ง Facebook หรือแอปพลิเคชันอื่นๆ
ด้านความปลอดภัยที่เน้นมากสำหรับเอ็กซ์เทรลนั่นคือ
ระบบเตือนการโจรกรรม และ Immobilizer ระบบล็อคประตูอัตโนมัติ Speed Auto Lock ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) ไฟตัดหมอกหน้า ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ไล่ฝ้ากระจกหลังกระจกมองข้าง เซ็นเซอร์กะระยะถอยหลัง กล้องมองหลัง-ปรับภาพด้านหน้าได้และรอบคัน ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบเสริมแรงเบรก BA ระบบควบคุมการทรงตัว VDC ระบบป้องกันการลื่นไถล ABLS ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA ระบบถุงลมคู่หน้าและด้านข้าง ระบบช่วยป้องกันการยุบตัวในทางขรุขระ ARC ระบบช่วยลดความอัตโนมัติเมื่อถอนคันเร่งหรือเข้าโค้ง AEB ระบบควมคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง ATC ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
New Nissan X-Trail Hybrid รถครอบครัวที่พร้อมเติมเต็มชีวิตให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น เพื่อการเดินทางที่ไม่มีสิ้นสุด ผ่านอุปสรรคได้หลากหลายรูปแบบ พร้อมทั้งให้ความคุ้มค่าทั้งระบบไฮบริดอันชาญฉลาด เทคโนโลยี ขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ ระบบเชื่อมอันทันสมัยที่ติดตั้งในรถอเนกประสงค์ระดับท็อปคลาสในราคาที่น่าประทับใจ 1,450,000 บาท พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่อีก 10 ปี เพื่อความอุ่นใจมากขึ้น