รีวิว ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ใหม่ (Subaru Forester) 2.0 ลิตร มั่นใจทุกการขับเคลื่อน
ทีมงานเช็คราคา.คอม รับ
ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ใหม่ รุ่น 2.0i-P มาทดสอบแบบใช้งานจริง โดยใช้เดินทางแบบท่องเที่ยวสะท้อนไลฟ์สไตล์ของ ฟอเรสเตอร์ ที่พร้อมพาไปผจญภัยได้หลากหลายเส้นทาง และเราเลือกการเดินทางไปอัมพวา ด้วยระยะทางไป-กลับจากกรุงเทพฯ ไม่ไกลมาก ความน่าใช้ของ ฟอเรสเตอร์ ใหม่ เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 ลิตร แบบไร้ระบบอัดอากาศ
Subaru Forester 2.0i-P จากการขับทดสอบครั้งนี้ มีจุดเด่นและน่าพอใจด้านใดบ้างติดตามได้ในรีวิว
เราเลือกเส้นทางสู่แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่ใกล้กรุงเทพฯ โดยเริ่มสตาร์ตจากนอร์ธปาร์ค มุ่งหน้าขึ้นทางด่วนงามวงศ์วาน เพื่อไปลงถนนสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ไปตามเส้นทางถนนพระราม 2 จนถึงแม่กลอง เจอทางตัดเข้าตลาดน้ำอัมพวา จึงยูเทิร์นไปเข้าถนนหมายเลข 325 สู่ตลาดน้ำอัมพวา คิดเป็นระยะทางประมาณ 105 กิโลเมตร ส่วนขากลับเราเดินทางไปคลองโคน - ชะอำ และวกกลับไปทางราชบุรี เข้าสู่นครปฐม ไปตามทางหลวงหมายเลข 4 แล้วตัดเข้าถนนหมายเลข 338 เพื่อไปขึ้นทางทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี และต่อไปยังวงศ์สว่าง - รัชดาภิเษก เข้าถนนประชาชื่น เพื่อไปสิ้นสุดที่นอร์ธปาร์ค
การขับบนถนนพระราม 2 ต้องระวังมากเป็นพิเศษจากรถบรรทุกและพื้นถนนลื่น
ธรรมชาติของอัมพวา และระยะทางที่ไม่ไกลมาก ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวรวมถึงเราเข้ามาสัมผัส
การขับฟอเรสเตอร์สู่บรรยากาศแบบฟอเรสต์เป็นความรู้สึกเหมือนอยู่ถูกที่ ฟอเรสเตอร์ ใหม่ รุ่นย่อย 2.0i-P ปรับเปลี่ยนภายนอกไม่มาก โดยรุ่นย่อย 2.0i-P โดดเด่นด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมระบบ SRH ปรับแสงตามทิศทางการเลี้ยว กันชนหน้าออกแบบใหม่ ดูทันสมัย ให้อารมณ์สปอร์ตมากขึ้น โดยเฉพาะการเสริมด้วยไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ ด้านไฟท้ายออกแบบเป็นรูปตัว C โดยรวมให้อารมณ์สปอร์ตครอสโอเวอร์แบบเอสยูวีรุ่นใหญ่
ด้านท้ายโดยรวมไม่ต่างจากเดิม ไฟท้ายดีไซน์แบบภายในโคมใหม่ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ที่ปรับแสงส่องสว่างตามพวงมาลัย นับเป็นไฮไลท์ของการปรับไมเนอร์เชนจ์
โลโก้ AWD บ่งบอกว่านี่คือ เอกลักษณ์ซูบารุหลายรุ่นสืบทอดกันมานาน ฟอเรสเตอร์ ใหม่ รุ่นย่อย 2.0i-P เสริมระบบอินโฟเทนเม้นต์ให้ทันสมัยมากขึ้น แต่ตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ ภายในไม่ต่างไปจากเดิมนัก แต่สำหรับรุ่น 2.0i-P นับว่า ภายในเปี่ยมไปด้วยอุปกรณ์ที่ดูดีทันสมัยกว่ารุ่น 2.0i โดยเฉพาะหน้าจออเนกประสงค์บนแผงคอนโซลหน้าที่ปรับดูข้อมูลได้หลากหลาย ถ่ายถอดผ่านกราฟิก สวยงาม ชัดเจน เช่นเดียวกับเฮดยูนิทจอสัมผัสตรงกลางก็ใช้งานง่าย ด้านเบาะหนังใช้สีโทนเข้มงานเย็บดูเรียบร้อย โชว์การเดินตะเข็บสีตัดกับหนังเสริมความเป็นสปอร์ตได้ไม่น้อย พร้อมเสริมด้วยวัสดุซาตินโครมในหลายจุดให้อารมณ์พรีเมียมมากขึ้น
ภายในบุด้วยหนังสีเข้ม ตัดด้วยด้ายสีสด งานดูประณีตเรียบร้อยดีมาก
เบรกมือเป็นเป็นแบบไฟฟ้า เพื่อการใช้งานสะดวกขึ้นและออกแบบให้สวยง่าย ฟอเรสเตอร์ ใหม่ 2.0i-P ติดตั้งเครื่องยนต์ BOXER ที่โดดเด่นด้วยการวางตำแหน่งลูกสูบนอนทำมุมกัน 180 องศา จึงทำให้เครื่องยนต์วางตำแหน่งได้สมดุลกว่าเครื่องยนต์เบนซินสูบวีหรือเรียงทั่วไป และนับเป็นเอกลักษณ์ของรถซูบารุ โดยสเปกของ 2.0i-P มีความจุขนาด 2.0 ลิตร DOHC ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 198 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที ส่งถ่ายกำลังด้วยระบบเกียร์แปรผันอัตราทดต่อเนื่อง - Lineartronic CVT ซึ่งใช้โซ่แทนสายพาน จึงทำให้มีช่วงอัตราทดกว้างขึ่้น เมื่อทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อกระจายแรงบิดระหว่างล้อคู่หน้าและหลังตลอดเวลา จึงทำให้ตัวรถมีสมรรถนะและประสิทธิภาพดี พร้อมบุกตะลุยได้มากกว่า
การขับทดสอบ
เราเริ่มต้นเดินทางจากย่านนอร์ธปาร์ค โดยมีผู้โดยสารนั่งไป 6 คน แบ่งเป็นผู้ใหญ่ 4 เด็ก 2 คน ด้วยพื้นที่รองรับภายในห้องโดยสาร 2+3 ของเบาะคู่หน้าและหลัง พบว่าพื้นที่ภายในห้องโดยสารรู้สึกได้ตั้งแต่แรกเลยว่ากว้างขวาง มีพื้นที่รอบตัวมากกว่าเอสยูวีทั่วไปที่เคยขับ สามารถนั่งไปกันได้สบายๆ นอกจากนี้พื้นที่หลังเบาะยังสามารถรองรับกระเป๋าเดินทางและสัมภาระได้มากพอสมควร ส่วนใครที่อยากบรรทุกอุปกรณ์ทำกิจกรรมเวลาไปท่องเที่ยวด้านบนหลังคาก็มีราวไว้ให้ติดตั้งแร็คเพิ่มเติม ในส่วนของเบาะแถวหลังที่มีผู้ใหญ่นั่ง 2 คน เด็ก 2 คน ด้วยตำแหน่งเบาะที่ยกสูงและเพดานสูงทำให้นั่งได้สบายไม่อึดอัด ไม่เมื่อยล้าแม้ต้องขับทางไกล
หลังจากผู้เขียนขับปรับตำแหน่งเบาะไฟฟ้าจนได้ระยะเหมาะสมแล้ว การเดินทางก็เริ่มต้นขึ้น โดยมุ่งหน้าขึ้นทางด่วนขั้นที่ 2 ที่ด่านงามวงศ์วานในช่วงบ่าย การขับในเมืองมักใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ผู้เขียนใช้ความเร็วในการเดินทางแบบปกติ และให้เหมาะสมกับประเภทของรถที่เป็นเอสยูวี ในช่วงแรกที่ขับอยู่บนทางด่วน สิ่งที่ประทับใจคือ ทัศนวิสัยของฟอเรสเตอร์ ให้มุมมองที่ดีรอบคันจริงๆ จนรู้สึกได้อย่างชัดเจน แต่ก็ต้องแลกด้วยการรับแสงแดดและความร้อนผ่านกระจกมากขึ้นไปด้วย ข้อแนะนำคือ ต้องติดฟีล์มที่ดีมีคุณภาพแล้วชีวิตในฟอเรสเตอร์จะยิ่งสมบูรณ์แบบขึ้น
ด้านสมรรถนะการขับ จากเส้นทางด่วนสู่ถนนพระราม 2 มุ่งหน้าอัมพวา ตัวรถให้การควบคุมที่ดี ระบบบังคับเลี้ยวให้ความแม่นยำ ขับอย่างมั่นใจเมื่อต้องเปลี่ยนเลนซ้าย-ขวาในการแซงรถช้า อัตราเร่งของขุมพลัง 2.0 ลิตร 150 แรงม้า ให้พลังที่ดีพอต่อการเร่งและทำความเร็วแบบใช้ขับทั่วไป แม้บรรทุกผู้โดยสารเต็มคัน
เมื่อผู้เขียนต้องการพลังมากขึ้นก็ปรับโหมดเป็นแบบ SPORT ซึ่งให้แรงบิดที่ต่อเนื่องดี แต่ที่ประทับใจจริงๆ คือ ช่วงล่างที่ตอบสนองได้อย่างลงตัว นุ่มหนึบแบบที่หาไม่ได้จากเอสยูวีทั่วไป ไม่โยนย้วย ไม่แข็งกระด้าง แต่นุ่มกำลังพอดี และหนึบแบบไม่กระด้าง นับเป็นการเซ็ตอัพจากระบบช่วงล่างใหม่ทั้งองศาและบูทยางต่างๆ ด้านระบบเบรกก็สามารถชะลอและหยุดได้อย่างดีเยี่ยม ให้น้ำหนักตอบกลับดี และไม่ต้องปรับตัวมาก
ส่วนที่พบว่าน่ากังวลระหว่างขับมาอัมพวา เป็นช่วงจากจังหวัดสมุทรสาคร-สมุทรสงครามที่ถนนเปิดกว้างและสองข้างทางมักเป็นทางโล่ง ถ้ามีลมข้างพัดผ่าน ตัวรถมักเกิดอาการเซจนรู้สึกได้ ทำให้ต้องมีสมาธิกับการขับมากขึ้น ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากตัวถังรถที่เป็นทรงตั้งและมีความสูง โดยเฉพาะพื้นที่ใต้ท้องรถที่เว้าไว้เยอะกว่าทั่วไป เพื่อให้ลุยอุปสรรค สิ่งกีดขวางได้มากขึ้น ส่วนการขับในช่วงเวลากลางคืนในขากลับ ไม่รู้สึกเครียดหรือเหนื่อยล้าเท่ากับขับเอสยูวีรุ่นอื่น ทั้งยังรู้สึกดีกับไฟส่องสว่างด้านหน้าที่ชัดเจนและปรับได้ตามการเลี้ยว นับเป็นเอสยูวีที่ขับแล้วประทับใจจริงๆ
ฟอเรสเตอร์ ใหม่ 2.0i-P ด้วยน้ำหนักตัว 1,510 กก. พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และมีพลัง 150 แรงม้า ในการแบกตัวรถบุกตะลุย ทำให้หลายคนคิดว่า ฟอเรสเตอร์ ต้องมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่มากแน่ๆ โดยรุ่น 2.0i-P มีตัวเลขเคลมจากโรงงานไว้ 7.9 ลิตร/100 กม. แต่จากการขับทดสอบแบบใช้งานจริงผสมการขับทั้งในและนอกเมืองเป็นระยะทางรวม 670 กม. พบว่าตัวเลขบนหน้าจอแสดงข้อมูลอยู่ที่ 7.6 ลิตร/100 กม. หรือ 13.15 กม./ล. นับว่าน่าพอใจ
การขับใช้งานในเมืองช่วง 140 กม. แรก พบว่าอัตราสิ้นเปลืองอยู่ระดับ 9.0 กม./ล. เทคโนโลยีและความสะดวกสบาย
ฟอเรสเตอร์ ใหม่ 2.0i-P เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ตอบรับการใช้งานตามระดับราคารถอย่างเหมาะสม เช่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ DUAL ZONE แยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาได้, เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง, ระบบสมาร์ทเอนทรี่เปิดรถโดยไม่ต้องใช้กุญแจ, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์, ช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์ 3 จุด ซึ่งผู้เขียนชอบมาก คิดว่ารถยุคใหม่ ควรมีระบบจ่ายไฟที่หลากหลายและมีในหลายตำแหน่ง เพราะบางคนมักติดอุปกรณ์พึ่งระบบไฟฟ้ากัน นอกจากนี้ยังชอบพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันที่ออกแบบได้สวยงามและมีปุ่มควบคุมการใช้งานต่างๆ เยอะกว่าทั่วไป
การพกแค่กุญแจรีโมทแล้วเดินมาเปิดประตู หรือเขี่ยร่องตรงมือจับเพื่อล็อค นับเป็นสุดยอดของความสะดวกสำหรับผู้ใช้รถ
ระบบนำทางในฟอเรสเตอร์มีความทันสมัย ดูและเข้าใจง่าย ส่วนตำแหน่งปุ่มควบคุมระบบแอร์ก็ใกล้มือ ใช้งานง่าย ฟอเรสเตอร์ ใหม่ 2.0i-P มีระบบความปลอดภัยที่ดี ตั้งแต่ตัวรถที่ออกแบบให้มองเห็นทัศนวิสัยได้ชัดเจนรอบด้าน ช่วยให้ขับในที่แคบสะดวกขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งระบบช่วยเหลือมาก จุดเด่นด้านเซฟตี้ของฟอเรสเตอร์คือ ตัวรถผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัย Euro NCAP ด้วยคะแนนสูงสุด 5 ดาว และระบบช่วยเหลือควบคุมการลงทางลาดชัน X-MODE โดยมีปุ่มอยู่เหนือตำแหน่งเกียร์ ระบบนี้จะควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และอุปกรณ์อื่นๆ ช่วยให้มั่นใจมากขึ้นเมื่อต้องขับลงทางลาดชันมากๆ โดยเฉพาะเวลาออกไปลุยทางออฟโรด
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
ฟอเรสเตอร์ ใหม่ 2.0i-P คันที่ผู้เขียนขับ ตอบสนองการขับใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี และท่องเที่ยวยิ่งสุดยอด ด้วยพลังของเครื่องยนต์เบนซิน BOXER ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังพอเพียง ผสานกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และช่วงล่างที่มีการเซ็ตองศาและบูทยางบางจุดใหม่ทำให้การขับฟอเรสเตอร์ เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในทุกเส้นทาง มีเพียงตัวรถออกอาการเซบ้างเวลาเจอลมข้างแรงๆ และเชื้อเพลิงที่ใช้รองรับต่ำสุดเป็นแก๊สโซฮอลล์ 95 แต่โดยรวมก็รู้สึกประทับใจกับการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ด้วยราคาระดับ 1.5 ล้านบาท อาจมีตัวเลือกเอสยูวี และพีพีวีหลากหลายรุ่น แต่ฟอเรสเตอร์เป็นพรีเมียมเอสยูวี มาดขรึมที่ให้ความแตกต่างในภาพลักษณ์และการใช้งานอย่างน่าพึงพอใจ ยิ่งถ้าได้ลองขับผู้เขียนเชื่อว่าฟอเรสเตอร์จะชนะใจหลายคน
ราคา ซูบารุ ฟออเรสเตอร์ ใหม่ 2016
- 2.0i ราคา 1,398,000 บาท
- 2.0i-P ราคา 1,538,000 บาท
- 2.0i-S ราคา 1,598,000 บาท
- 2.0XT ราคา 2,290,000 บาท