รีวิว Hyundai Elantra Sport 1.8 GL มาตรฐานครบครัน ฟังก์ชันคุ้มราคา
Hyundai Elantra Sport 1.8 GL สปอร์ตซีดานแดนกิมจิ สมรรถนะเหลือร้าย ด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์วแปรผัน D-CVVT VIS 1,797 ซีซี 150 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift รองรับน้ำมัน E20 ประหยัด มาตรฐานสิ่งแวดล้อม ยูโร 4 ช่วงล่างระดับเทพเหนือคู่แข่ง ภายในสิ่งอำนวยความสะดวกเกินพอทั้งจอสัมผัส บลูทูธ USB/SD Card แม้เป็นรุ่นล่างสุด ราคาเร้าใจที่ 799,000 บาท
เส้นทางการทดสอบเริ่มจากโชว์รูมฮุนไดถนนวิภาวดีรังสิต - แจ้งวัฒนะ - เมืองทองธานี - ถนนพระรามที่ 5 - ถนนกาญจนาภิเษกด้านตะวันตก - บางบัวทอง - ถนนบรมราชนนี - ถนนสิรินธร - สะพานพระรามที่ 7 - ถนนวิภาวดีรังสิต(อีกรอบ) - วงเวียงหลักสี่ - ถนนรามอินทรา - ขึ้นทางด่วนรามอินทราอาจณรงค์ - และสิ้นสุดที่ห้างสรรพสินค้าดิเอ็มโพเรียมถนนสุขุมวิท
จะเห็นได้ว่าแม้จะขับในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่รวมเป็นระยะทาง 162.7 กม. พร้อมกับเจอรถติดแทบทุกเส้นทางในช่วงเวลา เที่ยงถึงค่ำตลอดการทดสอบ นับว่าใช้งานในเมืองจริง การจราจรทุกสภาพจริง และประหยัดจริง!
Hyundai Elantra Sport 1.8 GL รูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนเฉพาะตัว มีขนาดมิติรถยาว 4,550 มิลลิเมตร กว้าง 1,775 มิลลิเมตร สูง 1,445 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร ไฟหน้ามัลติรีเฟล็กเตอร์พร้อมช่องไฟหรี่ในโคมเดียวกัน เพิ่มความโดดเด่นด้วยเส้นสีขาวในโคมไฟแต่น่าเสียดายที่ไม่มีไฟเรืองแสง กันชนหน้าขนาดใหญ่และช่องดักลมตรงส่วนล่าง สำหรับรุ่น GL ช่องไฟตัดหมอกปิดทึบเพราะไม่มีไฟตัดหมอกมาให้ แต่ก็ไม่จำเป็นมากนักเพราะสำหรับประเทศไทยคงไม่ค่อยมี "หมอก" ลงบ่อยๆ แน่
กระจังหน้าและสัญลักษณ์ "ตัวอักษร เอช" โครเมียม ฝากระโปรงหน้าเน้นลายเส้นรับจากกันชน ดูเหมือนกำลังเคลื่อนไหว กระจกข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ปรับไฟฟ้า พิเศษด้วยระบบพับเก็บได้แม้ดับเครื่องยนต์ดึงกุญแจออกมาแล้ว! สะดวกสบายไม่ต้องเสียบกุญแจบิดสวิตช์เมื่อลืมพับเก็บ
ด้านข้างเน้นเส้นสายเหลี่ยมคมเป็นแนวเดียวจากประตูหน้าถึงขอบไฟท้าย และไฟท้ายนี่เองที่สวยสะดุดตาจริงๆ เป็นแบบแยก 2 ชิ้น ดีไซน์โค้งรับฝากระโปรงท้าย กันชนท้ายทรงหนา พร้อมไฟทับทิมเรืองแสงสีแดง และส่วนล่างตัดด้วยสีดำ สำหรับรุ่น 1.8 GL ให้ล้อแม็ก 16 นิ้ว พร้อมยางทรงสูงขนาดใหญ่ 205/55 R16 ซึ่งถ้าดูระดับความสูงนั้นไม่แตกต่างจากรุ่นที่เป็นล้อ 17 นิ้ว และอาจได้ความนุ่มนวลเพิ่มขึ้นจากความหนาของแก้มยางอีกด้วยครับ
ภายในตื่นตากับการออกแบบที่โดนใจสุดๆ ใช้โทนสีดำสลับสีเงินได้อารมณ์ความเป็นสปอร์ต คอนโซลหน้าใช้วัสดุฟองน้ำนุ่มมือ ตรงกลางมีช่องของจอแสดงเวลาและอุณหภูมิแบบตัวเลขขาว-ดำ สังเกตให้ดีจะเห็นคันเร่งแนวตั้งสไตล์ยุโรปด้วยครับ
แผงมาตรวัดทรงกลม 2 วง แบบเรืองแสง แสดงความเร็วรอบเครื่องยนต์และความเร็วเป็นกิโลเมตรต่อชั่วโมง อ่านง่ายชัดเจน ตรงกลางมีจอแสดงระยะทางรวม, ระยะทางสามารถปรับตั้งเองได้, ตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์ และระดับน้ำมันเชื้อเพลิง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันปรับระดับได้ 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง
แสงสียามค่ำคืนของมาตรวัด Elantra Sport 1.8 GL
ชุดควบคุมระบบแอร์มีสวิตช์ไฟฉุกเฉินรวมอยู่ด้วย ถึงแม้ว่าระบบแอร์จะเป็นปุ่มปรับมือหมุน แต่ออกแบบได้สวยหรูภูมิฐานน่าใช้งานมากๆ โดยเฉพาะปุ่มฟังก์ชันต่างๆ หรือปุ่มปรับกำลังลมและปรับระดับอุณหภูมิก็ให้ความนุ่มนวลเป็นพิเศษ ทำให้รู้สึกว่าแม้ไม่ให้ระบบอัตโนมัติมาก็ไม่แคร์!
เบาะคู่หน้าหุ้มด้วยผ้านั่งสบาย โอบกระชับลำตัวสไตล์สปอร์ต ฝั่งคนขับปรับขึ้น-ลงด้วยมือ ส่วนเบาะตอนหลังขนาดใหญ่นั่งสบาย และแยกพับได้แบบ 60/40 เพิ่มพื้นที่ได้อีกเพียบ พร้อมหมอนพิงศีรษะ
เครื่องเสียงมีเพียงพอทุกการเชื่อมต่อทั้ง FM-AM/USB/AUX/iPod/Bluetooth/MP3 สามารถควบคุมการทำงานได้บนพวงมาลัยรวมถึงการรับ-วางสายโทรศัพท์มือถือไม่ต้องง้อรุ่นท็อป และให้ลำโพง 4 ตำแหน่ง การตอบสนองของระบบสัมผัสแม่นยำและรวดเร็วมากจนอยากแอบแงะออกมาดูว่าใช้ของยี่ห้ออะไร แต่น่าเสียดายที่ไม่มีช่องใส่แผ่น DVD ซึ่งอาจเป็นเทรนด์ใหม่ของยุคนี้ไปซะแล้ว
เครื่องยนต์แบบเบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว แปรผัน มาพร้อมกำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 178 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมโหมดเปลี่ยนจังหวะเองได้ที่คันเกียร์ ผ่านระบบขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล E20 ความจุถัง 48.5 ลิตร
สำหรับช่วงล่างฮุนได เอลันตร้า พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียนพร้อมระบบช่วยผ่อนแรงแบบไฟฟ้าน้ำหนักเบาเมื่อความเร็วต่ำ และหนืดขึ้นเมื่อความเร็วสูงๆ ด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังทอร์ชั่นบีม ปรับความหนึบได้ลงตัวเกาะถนนมั่นใจ และระบบเบรกที่ไว้ใจได้แบบหน้าดิสก์พร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลังดิสก์ และล้อแม็ก 16 นิ้ว
สมรรถนะเครื่องยนต์
เครื่องยนต์ 1,800 ซีซี 150 แรงม้า มีกำลังแรงจริงไม่ใช่แค่ตัวเลข แม้ว่าจะต้องลากรอบสูงถึง 6,500 รอบต่อนาที แต่แรงบิด 178 นิวตัน-เมตรที่มาแค่ 4,700 รอบต่อนาที สามารถตอบสนองได้ตามเท้า ซึ่งเมื่อขับจริงแค่ 2,000 รอบต่อนาทีขึ้นไปก็รู้สึกถึงแรงดึงแล้ว แป้นคันเร่งแนวตั้งสไตล์ยุโรป ยิ่งเหยียบได้มันและเต็มฝ่าเท้าควบคุมได้ง่าย แต่ข้อควรระวังคือ คันเร่งตอบสนองไวมากๆ ดังนั้นควรขับให้คุ้นเคยสักระยะแล้วค่อยวาดลวดลายนะครับ ไม่เช่นนั้นอาจพุ่งไปเบรกที่ท้ายรถคันอื่นก็เป็นได้
อัตราเร่งแซงนับว่าตอบสนองได้ดี ระบบเกียร์แม้ไม่ใช้การเปลี่ยนที่คันเกียร์ ก็สามารถเปลี่ยนอัตราทดได้ทันใจเพียงแค่กดคันเร่งเพิ่มเติม ถ้ายิ่งคิกดาวน์ด้วยล่ะก็ ยิ่งรู้สึกถึงแรงดึงมากขึ้นจนสัมผัสอารมณ์สปอร์ตได้อยู่ไม่น้อย แต่ถ้าเป็นคนขับรถแนวอนุรักษ์พลังงาน เจ้าเอลันตร้าก็มีฟังก์ชัน "ECO" ให้เลือกใช้งานโดยจะเป็นตัวอักษรสีเขียวติดบนหน้าปัด จากการกดสวิตช์บนพวงมาลัยเพื่อเลือกเปิดหรือปิดฟังก์ชันนี้ เมื่อใช้ความเร็วและรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสม ถ้าไฟ "ECO" ดับแสดงว่ากำลังออกจากโซนประหยัดแล้ว ซึ่งที่จริงเป็นเพียงไฟเตือนเท่านั้นไม่ใช่การปรับระบบ ECU ให้อัตราจ่ายน้ำมันประหยัดเหมือนรุ่นอื่นๆ แต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อใช้โหมดนี้อยู่แล้วต้องการอัตราเร่งที่ทันใจก็ "คิกดาวน์" ได้ทันทีครับ
สมรรถนะช่วงล่างของ Hyundai Elantra เป็นจุดเด่นที่เทียบเคียงหรืออาจจะดีกว่ารถในระดับเดียวกันบางรุ่น การปรับระดับความหนืดของโช้กและสปริงจะออกไปทางกึ่งๆ แข็งกระด้างเล็กน้อย ซึ่งเมื่อขับความเร็วสูงกลับทำให้มั่นใจและหนึบ พร้อมที่จะขับเข้าโค้ง กระโดดคอสะพานหรือจะเปลี่ยนเลนเพื่อแซงก็ทรงตัวได้ดีเกินตัว ความนุ่มนวลอาจไม่โดดเด่นแต่ได้ระบบช่วงล่างที่เกาะถนนและควบคุมได้อย่างมั่นใจครับ
ระบบเบรกนุ่มเท้า ควบคุมและกะระยะความลึกของแป้นเบรกได้ง่าย เมื่อเหยียบลงไปจะค่อยๆ รู้สึกจากความนุ่มไล่ไปจนแข็งขึ้นตามน้ำหนักที่เรากดเท้าลงไป ให้ความรู้สึกคล้ายรถยุโรป (อาจเพราะรถยนต์ฮุนไดไปโด่งดังในตลาดยุโรป) และดิสก์ 4 ล้อ ที่แม่นยำ เบรกได้ในระยะสั้น และกระจายแรงเบรกได้ดีไม่มีอาการท้ายกระดกขึ้นเมื่อเบรกแรงๆ
อัตราสิ้นเปลืองเมื่อขับวนไปมา ใน-นอกเมืองกว่า 162.7 กิโลเมตร
อัตราสิ้นเปลืองบนหน้าปัดจากการทดสอบใช้งานทั้งใน-นอกเมืองคือ 9.6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 10.4 กิโลเมตรต่อลิตร นับว่าเป็นตัวเลขกลางๆ สำหรับระดับเครื่องยนต์ 1,800 ซีซี ไม่กินจุเกินไป ซึ่งหากขับแบบไม่เร่งรีบอาจทำตัวเลขได้ดีกว่านี้แน่ เพราะตลอดทริปทีมงานใช้ทั้งอัตราเร่งแซงบ่อยครั้งและเจอสภาพรถติดขัดหนักๆ ในหลายพื้นที่อีกด้วยครับ
รถติดหนักมาก
หลังจากได้ใช้เจ้าฮุนได เอลันตร้าเป็นเวลาทั้งหมด 4 วัน จนน้ำมันเหลือ 3 ขีด เมื่อเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 เต็มจนหัวจ่ายตัดเองได้ทั้งหมด 35 ลิตร รวมเป็นเงินเพียง 1,020 บาท รวมระยะทางที่ใช้ไป 321.6 กิโลเมตร และสภาพการจราจรแออัดแทบทุกวัน นับว่าไม่แตกต่างกับเครื่องยนต์ระดับ 1,600 ซีซี.มากนัก
นอกจากเบาะตำแหน่งต่างๆ นั่งได้กระชับและมีพื้นที่รอบตัวกว้างขวางแล้ว จุดวางของก็มีให้รอบตัวเช่นกัน ทั้งที่วางแก้วน้ำตรงคอนโซลกลาง ช่องวางของเล็กๆ ตรงมือจับประตู บังแดดพร้อมไฟส่องทั้ง 2 ฝั่ง กล่องใส่แว่นตา ช่องเก็บของตรงฐานเกียร์ ช่องเก็บของข้างฐานเกียร์พร้อมช่องเสียบไฟ DC12V 2 จุด เบาะหลังพับได้ ช่องเชื่อมต่อ USB/SD card/AUX ด้านล่างจอเครื่องเสียงที่แสนสะดวก พวงมาลัยปรับ 4 ทิศทาง ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย โอ๊ย...เยอะครับ
ความปลอดภัยในรุ่น 1.8 GL เริ่มด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS/BA ไฟเบรกดวงที่ 3 กุญแจพร้อมระบบกันขโมย เข็มขัดนิรภัย 3 จุดทุกตำแหน่ง พร้อมจุดยึดเบาะเด็ก คานเหล็กนิรภัย
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
หากใครที่ต้องการมองหารถสำหรับครอบครัวสักคัน Hyundai Elantra Sport 1.8 GL นับเป็นรถขนาด C-segment ที่ตอบรับทุกการใช้งานของครอบครัวยุคใหม่ที่รักความประหยัด อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบทุกฟังก์ชันการใช้งาน ที่ขยับงบเพิ่มจากรถระดับ B-segment 1.5 ลิตร ไม่มากนักหรือหากเทียบรถระดับเดียวกันด้วยแล้ว ยิ่งให้ความคุ้มราคามากกว่า อีกทั้งยังมีสมรรถนะโดดเด่น ตอบสนองทุกด้านครบครัน
แต่! ถ้าใครซื้อมาเพื่อแต่งซิ่งก็ยิ่งเหมาะเลยครับ เพราะมีรูปทรงแนวสปอร์ตเป็นทุนเดิม เพิ่มเติมอุปกรณ์เพียงเล็กน้อยก็หล่อได้ไม่อายใครในราคาที่สุดคุ้มเพียง 799,000 บาท
ขอขอบคุณ
บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด รายละเอียดเพิ่มเติม Call Center 02-305-8494 หรือ www.hyundai-motor.co.th