รีวิว Mercedes-Benz C 180 Exclusive ก้าวใหม่สู่ระดับที่เหนือกว่า

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี 180 เอ็กซ์คลูซีฟ รหัสตัวถัง W205 รถในตระกูลซี-คลาส เจเนอเรชั่น 4 นับเป็นรุ่นแรกที่ใช้พื้นฐานตัวถังใหม่ โดยเป็นวัสดุอะลูมิเนียมผสมเหล็ก ผสานกับเลย์เอาท์ขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมนำไปใช้ในเมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นใหม่ต่อจากนี้ สำหรับซี-คลาส นี่คือ รุ่นที่ขายดีที่สุด ในครอบครัวดาวสามแฉก การเปลี่ยนโฉมแบบใหม่หมด ย่อมทำให้หลายคนสนใจ เพราะรุ่นใหม่ได้ปรับโฉมจนดูทันสมัยและล้ำยุคแบบก้าวกระโดด ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย

ทีมงาน Car GURU Thailand By CheckRaka.com นำเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี 180 เอ็กซ์คลูซีฟ ขับทดสอบแบบเสมือนใช้งานจริงทั้งในและนอกเมือง ติดตามรายละเอียดสมรรถนะและอรรถประโยชน์ในด้านต่างๆ ผ่านบทความนี้

เริ่มต้นจากการขับในกรุงเทพฯ เพื่อทดสอบการใช้งานแบบในชีวิตประจำวัน จากนั้นมุ่งหน้าสู่อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อทดสอบสมรรถนะในด้านต่างๆ รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองในการวิ่งทางไกลที่ใช้ความเร็วส่วนใหญ่ไม่ต่ำกว่า 120 กม./ชม. อย่างต่อเนื่อง รวมระยะทาง 182 กม.

ตัวถังของ ซี-คลาส ใหม่ มีรูปแบบทันสมัยต่างจากรุ่นก่อนๆ อย่างชัดเจน ด้วยการผสมผสานกลมกลืนของเส้น มุม และความโค้งเว้าของพื้นผิว ก่อให้เกิดรูปแบบที่พลิ้วไหวและการตัดกัน นับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ ทรวดทรงด้านหน้าดูโมเดิร์นด้วยกระจังหน้าแบบคลาสสิก พร้อมฟังก์ชัน แอร์พาเนล เปิด-ปิด อัตโนมัติ โดยรุ่นซี 180 เอ็กซ์คลูซีฟยังคงตราเมอร์เซเดส-เบนซ์ เหนือฝากระโปรงหน้าไว้ ส่วนไฟหน้าเป็นแอลอีดีประสิทธิภาพสูง มีไฟเดย์ไทม์แบบแอลอีดี ไฟเบอร์-ออปติค ไฟเบรก และไฟท้ายก็เป็นแบบแอลอีดี ส่วนด้านท้ายแสดงออกถึงความประณีตชัดเจน ย้ำถึงมิติความกว้างของรถ ให้พลังในการขับเคลื่อนด้วยรูปแบบสปอร์ตล้ำสมัย พร้อมเสริมความหรูหราด้วยล้ออัลลอยเป็นลายก้านถี่ขนาด 17 นิ้ว รองรับด้วยยางรันแฟลทขนาด 225/50 ทั้งหน้า-หลัง  

เด่นด้วยฟังก์ชัน ECO start/stop ที่ทำงานสัมพันธ์กับเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง เพื่อการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยระบบจะตัดการทำงานของเครื่องยนต์ เมื่อแตะเบรกจนรถหยุดวิ่งแต่เครื่องยนต์ยังเดินเบาอยู่ เช่น ติดสัญญาณไฟ ฯลฯ และเมื่อถอนเท้าจากแป้นเบรก เครื่องยนต์ก็จะกลับมาทำงานต่อ 

อีกส่วนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังเช่นกัน คือ สวิตช์ AGILITY SELECT บริเวณคอนโซลกลาง มีไว้สำหรับเลือกโหมดการขับ ทำงานโดยปรับการตอบสนองลิ้นเร่ง, น้ำหนักการบังคับเลี้ยว, ความแข็ง-อ่อนของระบบกันสะเทือน และจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ ทั้งหมด 5 โหมดการทำงาน Eco, Comfort, Sport, Sport Plus และ Individual Settings (เลือกปรับได้อิสระ)

การใช้งานง่ายตามความต้องการ เพียงใช้นิ้วมือแตะเบาๆ โดยระบบจะจัดการทำงานตามโหมด เช่น  Comfort  เน้นความสมดุลและการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเหมาะสม, Sport ตอบสนองของการบังคับเลี้ยวอย่างต่อเนื่อง ให้ความคล่องแคล่วปราดเปรียวและสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ระบบกันสะเทือนปรับเป็นแบบสปอร์ตด้วย การตอบสนองของลิ้นปีกผีเสื้อและการเปลี่ยนเกียร์ 7G-TRONIC PLUS ตอบสนองเร็วเพื่อสมรรถนะเร้าใจยิ่งขึ้น และโหมด ECO เน้นความประหยัดมากสุดเท่าที่เป็นไปได้ นอกจากปรับการตอบสนองของแป้นคันเร่งและจุดเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ แล้วยังควบคุมการใช้พลังงานของอุปกรณ์อื่นๆ ด้วย เช่น ระบบทำความร้อนเบาะที่นั่ง ระบบละลายฝ้ากระจกหลัง ระบบปรับอากาศ ฯลฯ

 

• จำนวนกระบอกสูบ / การจัดเรียง : แถวเรียง 4 สูบ
• ความจุกระบอกสูบ (ซีซี) : 1,595
• กำลังเครื่องยนต์ กิโลวัตต์ / แรงม้า ที่รอบต่อนาที : 115 (156) / 5,300
• แรงบิด (นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบต่อนาที) : 250 / 1,200 - 4,000
• อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (วินาที) : 8.5
• ความเร็วสูงสุดประมาณ (กม./ชม.) : 223 
• อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน (กม./ลิตร) ในเมือง : 13.5-14.7
• อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน (กม./ลิตร) เฉลี่ย : 17.2-18.5
• อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน (กม./ลิตร) ในเมือง : 20.0-21.7
• อัตราส่วนการอัด : 10.3
• ระยะฐานล้อ (มม.) : 2,840
• ความสูง (มม.) : 1,442 
• ความกว้าง (มม.) : 1,810
• ความยาว (มม.) : 4,686
• น้ำหนักรถเปล่า (กก.) : 1,425
• น้ำหนักที่สามารถบรรทุกได้ (กก.) : 565
• น้ำหนักรวม (กก.) : 1,990
• พื้นที่บรรทุกของ (ลิตร) : 480
• ความจุถังน้ำมัน (ลิตร) : 66
• ขนาดยางหน้า-หลัง : 225/50 R17 

เครื่องยนต์กับระบบส่งกำลังได้รับการปรับปรุงและขัดเกลาใหม่ น้ำหนักที่เบาขึ้นเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์รุ่นก่อน เป็นแบบเบนซินแถวเรียง 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 5,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1,200-4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด (7G-Tronic  Plus ที่ให้สมรรถนะอันโดดเด่นแม้รอบเครื่องยนต์ต่ำ ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง  พร้อมเติมเต็มอารมณ์สปอร์ตกับแพดเดิ้ลชิฟต์ที่พวงมาลัย ซึ่งสามารถเปลี่ยนสปีดได้เสมือนเกียร์ธรรมดา โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย ส่วนก้านเกียร์แบบ DIRECT SELECT ที่คอพวงมาลัย สามารถเลือกเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ตำแหน่ง P, R, N และ D ได้ตามปกติ

เมอร์เซเดส ตัดสินใจใช้ระบบช่วงล่างแบบ 4 ลิงก์ เพราะดีกว่าแบบ 3 ทำให้เบากว่ารุ่นเดิม 100 กก. ส่วนหนึ่งก็เพราะใช้โครงสร้างเป็นอะลูมิเนียมเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ตัวรถกลับมีความยาวกว่าเดิม 95 มม. และกว้างกว่า 40 มม.   

ด้วยพลัง 156 แรงม้า ทำให้ซี 180 เอ็กคลูซีฟ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 8.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 223 กม./ชม. ให้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 17.2-18.5 กม./ลิตร ส่วนตัวเลขจากการทดสอบจริงวัดได้ 16.66 กม./ลิตร จากระยะทางรวม 182 กม. โดยเป็นการขับผสมทั้งในและนอกเมือง

คอนโซลกลางเป็นแบบชิ้นเดียว หรูหราด้วยลายไม้ เบาะนั่งหุ้มหนังอาร์ติโก้ นั่งสบาย และปรับง่ายด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมเมมโมรี่ได้ ส่วนด้านหลังกว้างกว่าเดิมผู้ใหญ่นั่งเหยียดขาได้สบายขึ้น เมื่อลองทดลองขับและใช้งานดูแล้วชอบอุปกรณ์เด่นน่าประทับใจ เช่นระบบสั่งงานด้วยทัชแพด ซึ่งให้ประสบการณ์แปลกใหม่กับการสื่อสารผ่านระบบสัมผัสใกล้ตัว เพียงวางแขนปกติก็สั่งงานได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว

ส่วนวัสดุภายในเปี่ยมไปด้วยคุณภาพให้ความรู้สึกภูมิฐาน หรูหราทุกรายละเอียด โดยเฉพาะ 3 ช่องแอร์ทรงกลมตรงกลางคอนโซลที่ล้อมด้วยเมทัลลิกเงาด้านอันโดดเด่น น่าเป็นจุดสะกดสายตาอย่างแรกที่ก้าวเข้ามานั่ง 

ระบบมัลติมีเดียจัดว่าสมบูรณ์แบบเพราะแสดงข้อมูลได้หลากหลาย สามารถติดต่อสื่อสารได้ง่าย โดยมีอุปกรณ์เด่นๆ เช่นวิทยุ-ซีดี MB Audio พร้อมแป้นสัมผัส (เพิ่มทางเลือกในการป้อนข้อมูลสำหรับควบคุมระบบมัลติมีเดียและการจดจำลายมือเขียน รวมถึงคุณสมบัติการใช้งานในแบบสัมผัสจุดเดียวและหลายจุด) ระบบนำทาง การเชื่อมต่อ Bluetooth

การปรับตำแหน่งเบาะแบบไฟฟ้าทำได้อย่างละเอียด พร้อมมีหน่วยความจำเก็บตำแหน่งนั่ง พวงมาลัย และตำแหน่งกระจกมองข้างได้ด้วย ทั้งหมดทำให้เบาะปรับเข้ากับสรีระผู้ขับได้ดีเยี่ยม ผลที่ได้คือ ผู้ขับมีมุมมองและทัศนวิสัยที่ชัดเจนมากที่สุด โดยคำแนะนำจากทีมผู้ฝึกอบรมการขับรถจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ การนั่งที่ถูกต้องตำแหน่งสายตาควรอยู่แนวกึ่งกลางกระจกบานหน้า และมีมุมข้อศอกให้ตัวได้เมื่อจับพวงมาลัยที่ตำแหน่งซ้าย 9 นาฬิกา ขวา 15 นาฬิกา รวมถึงหัวเข่ายืดหยุ่นเพียงพอเมื่อเหยียบเบรกจม เมื่อปรับตั้งได้แล้ว พบว่าสโลปของแนวกระจกหน้ามีองศาที่เหมาะสมไม่ลาดชันเกินไป และตำแหน่งของเสาเอก็ไม่บดบังการมอบเห็น เมื่อมองเผื่อการเลี้ยวซ้าย-ขวา ส่วนตำแหน่งกระจกมองหลังเมื่อมองสะท้อนกระจกบานหลัง พบว่าให้มุมมองครอบคลุมรถที่ขับตามได้ชัดเจน แม้บางคันอยู่ในตำแหน่งจุดบอด แต่กระจกมองข้างของซีคลาสก็เก็บรายละเอียดด้านข้างได้ดีพอ ทำให้มุมมองการขับรอบด้านทั่วถึง

การขับในเมืองรถมีความคล่องตัว เราเลือกปรับปิดฟังก์ชัน ECO start/stop เหตุผลก็เพราะใช้ไม่สะดวกกับช่วงเวลาจราจรหนาแน่นที่รถมักหยุดบ่อยครั้ง ฟังก์ชันมักตัดการทำงานของเครื่องยนต์บ่อยตาม ข้อควรระวังกรณีนี้คือ ระบบนี้ทำงานขณะหยุดรอรถกลางถนนเพื่อรอเลี้ยวเข้าทางแยกหรือซอยต่างๆ อาจทำให้การคำนวณจังหวะการเดินคันเร่งไม่เป็นไปตามที่คิด เพราะช่วงวินาทีที่ยกคันเร่งแตะเบรกและกลับไปแตะคันเร่งใหม่แบบทันที ทำให้เกิดการรอจังหวะเครื่องยนต์ที่กำลังดับกลับมาทำงานใหม่จนเสียจังหวะได้ 

การใช้งานในเมืองหมดไปกับการทดลองใช้งานระบบฟังก์ชันต่างๆ ภายในห้องโดยสารมากกว่า โดยเฉพาะการควบคุมเมนูคำสั่งผ่านทัชแพด การเข้าจอดรถในที่แคบพบว่าขาดความสะดวกไปบ้างเพราะไม่มีกล้องมองหลังเหมือนในรุ่น C250 และ C300 ต้องใช้การคำนวณระยะเผื่อเอง โดยรวมอัตราเร่งดี การควบคุมพวงมาลัยและเปลี่ยนเลนกะทันหันทำได้อย่างฉับไว โหมดการทำงานมักใช้ comfort  เป็นส่วนใหญ่ สลับกับลองโหมด ECO บ้าง ส่วนตัวคิดว่าโหมด comfort ลงตัวให้การทำงานที่เหมาะสมลงตัวกับสภาพการจราจรมากกว่า ส่วนการถ่ายทอดกำลังจากเกียร์ 7 สปีด ก็ทำได้อย่างนุ่มนวล แต่สิ่งที่ประทับใจคือ ความรู้สึกที่นั่งอยู่ภายในห้องโดยสารอันหรูหราสง่างาม และเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ผสานกันอย่างลงตัว 

เมื่อทดลองขับออกต่างจังหวัดทางไกล ได้ใช้โหมด comfort เป็นส่วนใหญ่ สลับโหมด Sport ที่ให้การตอบสนองจากเครื่องยนต์ได้แรงขึ้น ทำให้การขับทางไกลมีความสนุกไม่น่าเบื่อ และขับได้นานไม่เมื่อยล้า ความเร็วส่วนใหญ่อยู่ระดับ 150 กม./ชม. ต่อเนื่อง พบว่าการทรงตัวของรถมีความมั่นคง สามารถเติมคันเร่งได้อีกอย่างมั่นใจ ส่วนการเร่งแซงรถช้าในช่วงเลนสวนตอบสนองได้ดีทุกจังหวะ ตัวรถให้ความมั่นคงในการเปลี่ยนเลนออกและเข้า บังคับควบคุมง่าย ส่วนการเบรกให้ความรู้สึกตอบกลับที่ดี สร้างความคุ้นเคยกับการให้น้ำหนักได้ง่าย ด้านอัตราสิ้นเปลืองแสดงบนหน้าจอข้อมูลไว้ 16.66 กม./ลิตร เฉลี่ยจากการใช้งานในเมืองและต่างจังหวัดกับระยะทางรวม 182 กม.

เป็นระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC แบบ 2 โซน พร้อมการแบ่งพื้นที่ควบคุมเป็น 2 โซนให้อุณหภูมิในห้องโดยสารที่เป็นส่วนตัว สามารถแยกการควบคุมอุณหภูมิและการไหลของอากาศได้อย่างเหมาะสมทั้ง 2 พื้นที่ และปรับได้ทั้งลมร้อนและเย็นตามการปรับตั้ง ส่งผ่าน 3 ช่องลมกลาง และซ้าย-ขวา ในตอนหน้า เสริมด้วย 2 ช่องด้านหลัง ทำให้ภายในเย็นฉ่ำอย่างทั่วถึง

ระบบมัลติมีเดียภายในซี 180 รวมระบบเอนเตอร์เทนเมนท์เข้ากับการให้ข้อมูลและการติดต่อสื่อสารผ่าน วิทยุ Audio 20 CD พร้อมแป้นสัมผัส ระบบนำทาง รวมถึงการใช้โทรศัพท์มือถือที่รองรับระบบการเชื่อมต่อ Bluetooth                

ส่วนแป้นสัมผัสรวมอยู่ในชุดพนักวางแขนของคอนโซลกลาง เพิ่มทางเลือกในการป้อนข้อมูลสำหรับควบคุมระบบมัลติมีเดียและการจดจำลายมือเขียน รวมถึงคุณสมบัติการใช้งานในแบบสัมผัสจุดเดียวและหลายจุด

การเชื่อมต่อ Bluetooth พร้อมฟังก์ชันแฮนด์-ฟรี และถ่ายทอดข้อมูลสัญญาณเสียงเพื่อเล่นไฟล์เพลงได้ โดยนำข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือไปแสดงที่จอด้านหน้าผู้ขับ สำหรับเครื่องเล่น CD สามารถใช้เล่นไฟล์ MP3, WMA, WAV และ ไฟล์ AAC ได้ และมีฟังก์ชัน Cover ART เพื่อใช้แสดงปกอัลบั้มเพลง

อุบัติเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากการขาดสมาธิ ทัศนวิสัยไม่ดี หรือเจอเหตุการณ์ไม่สามารถคาดคิดล่วงหน้า รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงบรรจุระบบช่วยเหลือและป้องกันด้านความปลอดภันต่างๆ เพื่อช่วยให้การขับรถยนต์ในชีวิตประจำวันนั้ันปลอดภัยยิ่งขึ้น ปราศจากความตึงเครียด เพื่อให้สามารถควบคุมเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ป้องกันไม่ให้ล้อเกิดการล็อค, ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติพร้อมเซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC) จะช่วยหาพื้นที่ว่างสำหรับจอดรถทั้งในแนวขนานและพื้นที่ว่างในแนวตั้งฉาก ระบบนี้เข้าควบคุมการหมุนของพวงมาลัยเพื่อเข้าสู่พื้นที่จอดรถโดยอัตโนมัติ โดยผู้ขับไม่ต้องบังคับทิศทางและเบรกโดยไม่จำเป็น หากรถยนต์กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำกว่า 30 กม./ชม. ระบบจะแนะนำว่าพบพื้นที่สำหรับจอดรถที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ หากผู้ขับเข้าเกียร์ถอยหลังและยืนยันพื้นที่จอดรถที่แนะนำ ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติจะทำหน้าที่ควบคุมการหมุนของพวงมาลัยจนสิ้นสุดขั้นตอน ผู้ขับเพียงแค่ทำหน้าที่ประคองแป้นคันเร่งและแป้นเบรกเท่านั้น การจอดรถจะใช้การเคลื่อนที่สูงสุดเพียง 7 ครั้งเท่านั้น, ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) สามารถวิเคราะห์การขับของคุณ  โดยเฉพาะการขับระยะทางไกลและในเวลากลางคืน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนให้รับรู้ถึงอาการหลับในที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยสัญญาณภาพและเสียง, ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE ผ้าเบรกพร้อมจะทำงานทันทีที่ผู้ขับถอนเท้าออกจากแป้นเหยียบคันเร่งกะทันหัน โดยช่วยตอบสนองการเบรกแบบล่วงหน้า เพื่อให้มั่นใจ ว่าสามารถหยุดกะทันหันได้ทัน, ฟังก์ชัน Hill-Start Assist ป้องกันไม่ให้รถยนต์เคลื่อนถอยหลังเมื่อเปลี่ยนตำแหน่งการวางเท้าจากแป้นเบรกไปยังแป้นคันเร่ง และฟังก์ชันการทำให้เบรกแห้ง เพื่อความปลอดภัยมากขึ้น เมื่อสภาพพื้นผิวจานเบรกเปียก จะมีการจับตัวของเบรกเป็นจังหวะสั้น ๆ โดยผู้ขับไม่รู้ จนกว่าจานดิสก์เบรกจะแห้ง 

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสใหม่ ให้ความหรูหรา ล้ำทันสมัย ทั้งภายนอกและภายใน เปล่งประกายดึงดูดทุกความสนใจ และเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีหลากหลายบรรจุไว้เต็มคัน พร้อมพาคุณก้าวไปสู่ระดับที่เหนือกว่าด้วยราคาเพียง 2,790,000 บาท สำหรับรุ่น ซี 180 เอ็กคลูซีฟ ให้ความโดดเด่นทั้งภาพลักษณ์และการใช้งานได้อย่างลงตัว นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับรถรุ่นยอดนิยมและขายดีที่สุดจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ 

Mercedes-Benz C 180 Exclusive ยนตรกรรมพรีเมียม ก้าวล้ำไปอีกระดับ ด้วยราคาไม่ถึง 3 ล้านบาท

ดูราคา-สเปค และโปรโมชั่น MERCEDES-BENZ C-CLASS ทุกรุ่น

ดูราคา-สเปค และโปรโมชั่น MERCEDES-BENZ ทุกรุ่น