All New SUZUKI CELERIO ประหยัด วิ่งดี เกาะถนนเกินตัว
All New SUZUKI CELERIO Eco car รุ่นใหม่ขนาด A-segment ที่เน้นความเล็กคล่องตัว แต่ภายในกว้างขวาง เครื่องยนต์ K10B เบนซิน 998 ซีซี DOHC 12 วาล์ว 68 แรงม้า แบกน้ำหนักตัวเพียง 800 กิโลกรัมกว่าๆ แต่ขับมันเกิดคาด!
ซูซูกิ เซเลริโอ มีให้เลือก 3 รุ่นย่อยคือ
พร้อม 8 สี ได้แก่ สีขาว, ม่วง, น้ำเงิน, แดง, เทา, ดำ, ชมพู และเหลือง
*สีของรถที่ปรากฏในภาพอาจต่างจากสีจริงเนื่องจากระบบแสดงค่าสีบนจอภาพ
ทีมงานเช็คราคา.คอมได้รับเชิญให้เข้าร่วมคาราวานทดสอบรถยนต์ซูซูกิ เซเลรีโอ พร้อมกับหลากหลายสื่อมวลชน ระหว่างวันที่ 21 - 22 พ.ค. 57 ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยวันแรกเดินทางด้วยเครื่องบินจากท่าอากาศยานดอนเมืองถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ และเดินทางโดยรถตู้รับ-ส่งจากถึงโรงแรมสิบแสน พักผ่อนตามอัธยาศัย และเริ่มทดสอบรถในวันที่สองตั้งแต่ช่วงเช้า เวลา 10.00 น. ถึง 16.00 น. จึงกลับโรงแรม และเตรียมเดินทางไปท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ
ทางทีมงานเช็คราคา.คอม ได้ทดสอบทั้ง ซูซูกิ เซเลริโอ รุ่น 1.0 GA MT และ รุ่น 1.0 GL CVT มีผู้โดยสารรวมผู้ขับ 2 คน
เส้นทางทดสอบเริ่มสตาร์ตจากโรงแรมสิบแสน จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนทางหลวงชนบท ชม. 3029 เพื่อไปกลับรถที่กลับกม.ที่ 4 ลอดอุโมงค์ผ่านศูนย์ราชการ จ.เชียงใหม่ แล้วเลี้ยวซ้ายตรงข้ามหน้าสนาม 700 ปี เข้าถนนทางหลวงหมายเลข 121 เลี่ยงเมือง จากนั้นเลี้ยวขวาอีกครั้ง เพื่อเข้าถนนห้วยแก้ว และแวะรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารศูนย์ศิลปาชีพ
ช่วงบ่ายออกเดินทางสู่อำเภอจอมทอง โดยเริ่มทดสอบความคล่องตัวของการขับขี่ในเมือง ลัดเลาะชมทาง ผ่านกลางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกไปยังถนนรอบคูเมือง ก่อนจะไปใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 108 เพื่อไปสักการะพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยังอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ถนนทางหลวงหมายเลข 108 และเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงชนบท 5036 (เลียบคลองชลประทาน) ซึ่งทริปนี้มีความพิเศษ คือ สามารถขับรถเข้าไปในอุทยานหลวงเพื่อเก็บภาพที่ระลึกได้เลย จากนั้นเดินทางต่อไปผ่อนคลายดื่มกาแฟที่ร้านบ้านสวนกาแฟ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับอุทยานหลวงราชพฤกษ์ หลังจากนั้นจึงเดินทางกลับโรงแรม โดยใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 121 เลี่ยงเมือง ซึ่งทริปนี้มีตำรวจทางหลวงอำนวยความสะดวกนำทางให้ตลอดการทดสอบด้วยระยะทางทั้งหมด 171 กิโลเมตร
ลักษณะการขับทดสอบด้วยเส้นทางผ่านตัวเมืองการจราจรหนาแน่นเคลื่อนตัวช้า ช่วงชานเมืองได้ทดสอบอัตราเร่ง และการขับในความเร็วสูงเพื่อทดสอบการทรงตัว ในบางช่วงได้ทดสอบการเกาะถนนเมื่อเข้าทางโค้งแบบต่อเนื่องหลายโค้งอีกด้วย
ซูซูกิ เซเลริโอ รถแฮตช์แบ็ก 5 ประตูขนาดกะทัดรัด เครื่องยนต์เล็กเพียง 1.0 ลิตร มีจุดเด่นที่เน้นด้านความประหยัด คล่องตัวเมื่อใช้งานในเมือง และราคาค่าตัวที่ไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน
ภายนอกรูปทรงออกแนวเหลี่ยมๆ โคมไฟหน้าขนาดใหญ่มีไฟเลี้ยว และไฟหรี่ในตัวรับกับกระจังหน้าพร้อมเส้นแนวนอน 2 เส้น และตราสัญลักษณ์ SUZUKI รูปตัว "S" ตรงกลาง กันชนหน้าเห็นเส้นสันเหลี่ยมชัดเจน มีช่องที่เจาะรูปเพื่อติดตั้งไฟตัดหมอกมาให้แต่ต้องจ่ายเพิ่ม ด้านข้างยิ่งดูเป็นรูปทรงเหลี่ยมมากขึ้น หลังสูงโปร่งกว่าสวิฟท์ ทำให้กลายเป็นรถที่ไม่เล็กจิ๋วในสายตาผู้พบเห็น ด้านหลังโดดเด่นที่โคมไฟท้ายทั้ง 2 ข้างรูปทรงทันสมัย ฝากระโปรงท้ายขนาดใหญ่จากหลังคาลงมาถึงกันชน ส่วนล้อนั้นแบ่งเป็น 3 แบบคือ รุ่น GA เกียร์ธรรมดา ล้อกระทะเหล็ก, GL ล้อกระทะเหล็กพร้อมฝาครอบ และ GLX ล้อแม็ก ทั้งหมดเป็นขนาด 165/65R14 เท่ากัน
รุ่น GLX CVT ใช้ล้อแม็ก, สีเดียวตลอดคันและกระจังหน้าใช้วัสดุโครเมียม มีลิ้นหน้าเล็กๆ และสปอยเลอร์รอบคัน รุ่น GL CVT เป็นล้อกระทะเหล็กมีฝาครอบ รุ่น GA เกียร์ธรรมดา เป็นล้อกระทะเหล็กเปลือย ภายในออกแบบคล้ายสวิฟท์ โดยใช้พวงมาลัยแบบเดียวกันแต่ไม่มีปุ่มควบคุมใดๆ มาด้วย คอนโซลหน้าสวยดูดีเกินอีโคคาร์ คอนโซลกลางรวมชุดช่องแอร์ วิทยุ ปุ่มควบคุมแอร์แบบปรับหมุนด้วยมือ และฐานเกียร์ เรียงเป็นแนวเดียวกัน ประหยัดเนื้อที่ มาตรวัดแบบทรงกลม 2 ช่องขนาดแตกต่างกัน ส่วนความเร็วขนาดใหญ่สุดอยู่ตรงกลางเห็นชัดเจน เข็มวัดรอบแอบอยู่ทางซ้ายแบบครึ่งวงกลม และมีจอแสดงผลที่บอกเลขกิโลเมตร, ระยะทางที่ตั้งเป็นทริป, ระดับน้ำมัน ทางช่องขวา สำหรับรุ่น GLX ส่วนรุ่น GA และ GL จะไม่มีวัดรอบเครื่องยนต์มาให้ และจอแสดงการทำงานต่างๆ จะอยู่ส่วนล่างของมาตรวัดความเร็ว
รุ่น GLX CVT ตัวท็อปมีวัดรอบเครื่องยนต์มาให้ รุ่น GL CVT รองท็อป รุ่น GA MT เสียดายไม่มีวิทยุและเป็นกระจกมือหมุน ซูซูกิ เซเลริโอ มีมิติตัวถังยาว 3,600 มม. กว้าง 1,600 มม. สูง 1,540 มม. ระยะฐานล้อ 2,425 มม. วงเลี้ยวแคบสุด 4.7 ความสูงใต้ท้องรถ 145 มม. ใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส K10B แบบ 3 สูบ 12 วาล์ว 998 ซีซี 68 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิด 90 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบ/นาที จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีดมัลติพอยท์ รองรับน้ำมัน E20 ความจุถังน้ำมัน 35 ลิตร ระบบช่วงล่างด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัทคอยล์สปริง ด้านหลังทอร์ชั่นบีมคอยล์สปริง พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียนระบบไฟฟ้า EPS ระบบเบรกหน้าเป็นดิกส์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน หลังดรัม น้ำหนักรถ รุ่น GA MT 785 กก., GL CVT 820 กก. และ GLX CVT 835 กก. รวมบรรทุกเท่ากับ 1,260 กก. ให้ล้อ และยางขนาด 165/65R14 ทุกรุ่น
เครื่องยนต์หน้าตาสวยงาม แม้มี 68 แรงม้า แต่ลากตัวถังเบาๆ ปลิวกว่า 160 กม./ชม. ซูซูกิ เซเลริโอ แม้เจ้าตัวเล็กนี้จะดูเป็นอีโคคาร์แท้ๆ เครื่องแค่ 1.0 ลิตร แต่อย่าดูถูกนะครับ เพราะเครื่องยนต์สมัยใหม่ๆ มีเทคโนโลยี และขบวนการผลิตทางวิศวกรรมที่ดีกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตรเมื่อ 20 ปีที่แล้วด้วยซ้ำ
เซเลริโอ นอกจากจะได้เปรียบในส่วนของน้ำหนักตัวรถที่เบาแล้ว ยังมีเครื่องยนต์ที่ให้ความจัดจ้านในช่วงรอบต้นๆ อีกด้วย ในช่วงทดสอบรุ่นเกียร์ธรรมดาในขณะเร่งออกตัว แซง แม้แต่เข้าโค้ง เซเลริโอสามารถแสดงความกระฉับกระเฉงได้ไม่อายใคร แม้ว่าในช่วงรอบปลายๆ หรือที่ความเร็วสูงๆ เกิน 110 กม./ชม. ขึ้นไปจะเริ่มหนืดๆ ก็ตาม
ในช่วงความเร็วเกิน 150 กม./ชม.ขึ้นไปก็ไหลเรื่อยๆ แต่ไม่ถึงกับงีบหลับนะครับ เข็มความเร็วแตะที่ 160 กม./ชม. กว่า และยังเหลือพื้นที่ใต้คันเร่งอีกนิดหน่อย แต่เนื่องจากความเบาและความเป็นรถเน้นประหยัดไม่ควรขับเร็วเกิน 120 กม./ชม. โดยไม่จำเป็นเพื่อความปลอดภัยครับ
ขากลับได้สลับรถเป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT สมรรถนะไม่แตกต่างกันมากกับรุ่นเกียร์ธรรมดา มีเพียงอัตราเร่งช่วงออกตัว และช่วงความเร็วสูงๆ เกียร์ CVT จะไต่ความเร็วขึ้นไปช้ากว่าเล็กน้อย แต่โดยรวมๆ แล้วขับสบายกว่ากันเยอะ
อัตราสิ้นเปลืองของเซเลริโอ ในวันที่ทดสอบบนหลากหลายสภาพเส้นทาง และการจราจรในเมือง/ชานเมืองเชียงใหม่นั้น มีทั้งรถติดช่วงถนนรอบคูเมือง และทางโล่งๆ ขณะขับออกนอกเมืองได้ทดสอบเกือบทุกพฤติกรรมการขับขี่ที่คล้ายกับการใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ ดังนั้นอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ได้มานั้นเรียกว่าใกล้เคียงความจริงที่สุด ที่ 25.5 กม./ลิตร ซึ่งหากใช้งานในกรุงเทพฯ รถติดขัดมากๆ ตัวเลขเฉลี่ยสิ้นเปลืองบนหน้าปัดอาจต่ำกว่านี้เล็กน้อยประมาณ 12 - 15 กม./ลิตร
ในการทดสอบทั้งหมดใช้ระยะทางประมาณ 171 กิโลเมตร น้ำมันในถังเหลือเพียง 6 ช่องไฟ เกินครึ่งมานิดหน่อยประมาณคร่าวๆ ว่าจากปริมาณถังความจุทั้งหมด 35 ลิตร เหลือเกินครึ่งเล็กน้อย น่าจะมีน้ำมันในถังใกล้เคียง 20 ลิตร ขากลับก่อนจะถึงที่พักมีระดับน้ำมันคงเหลือ 1 ช่องไฟ พร้อมสัญญาณเสียงและไฟเตือน แต่ยังขับต่อได้จนถึงที่พักอีกกว่า 10 กม.
ลักษณะการขับในบางช่วงนั้นเหยียบคันเร่งมิดบ่อยครั้ง และเร่งแซงเพื่อให้ขบวนทดสอบชิดๆ กันตลอด กลายเป็นว่าขับแบบซิ่งๆ กันทั้งขบวนและความเร็วเฉลี่ยประมาณ 100 กม./ชม.
ระดับน้ำมันที่ทางซูซูกิเหลือให้ขับทดสอบเกินครึ่งมา 1 ช่อง เป็น 6 ใน 10 ของช่องไฟทั้งหมด ขากลับเข้าที่พักและสิ้นสุดการทดสอบเหลือ 1 ช่องพร้อมไฟเตือน แต่วิ่งได้อีกเกือบ 10 กิโลเมตร ที่นั่งผู้ขับ / ผู้โดยสาร ใครว่าในรถระดับนี้จะเล็กจนอึดอัด แต่เนื่องจากการออกแบบเบาะนั่งคู่หน้าที่ลดเนื้อที่ให้เบาะ แผงประตู รวมถึงคอนโซลกลางเล็กลง ทำให้เพิ่มพื้นที่ได้มากขึ้น ท่านั่งขับก็ไม่ลดความสบายลงไป แถมยังใช้ฟองน้ำที่นุ่มกำลังดี พนักพิงหลังแบบชิ้นเดียวจนถึงที่พิงศีรษะ เบาะตอนหลังนั่งได้ไม่แคบเหลือพื้นที่วางขาแบบหลวมๆ และหลังคาที่โปร่งกว่ารุ่นสวิฟต์ ทำให้พื้นที่เหนือศีรษะเหลือเพียบ อาจดูกว้างใกล้เคียงอีโคคาร์ระดับ 1.2 ลิตรบางรุ่นด้วยซ้ำ !
เบาะหลังรุ่น GLX พับแยก 60/40 ได้ เบาะตอนหลังรุ่นท็อปสุดสามารถพับแยก 60/40 ได้ และพื้นที่บรรจุสัมภาระท้ายรถกว้างมากถึง 254 ลิตร สิ่งอำนวยความสะดวกในรถนั้นมีให้มาอย่างครบครัน ได้แก่ กระจกไฟฟ้า 4 บาน เซ็นทรัลล็อค กุญแจรีโมท ส่วนกระจกมองข้างปรับไฟฟ้า มาตรวัดรอบ ลำโพง 4 จุด มีเฉพาะรุ่น GLX เท่านั้น และ รุ่น GA MT "ลูกเมียน้อย" ไม่มีอะไรให้มาเลยอัตโนมือล้วนๆ ครับ น่าเสียดายมากๆ เพราะเกียร์ธรรมดาขับสนุกกว่า และอาจตรงใจวัยรุ่นรักประหยัด น้ำมันถูก สบายกระเป๋าอีกด้วยครับ
ทัศนวิสัยเมื่อขับเจ้าจิ๋วแต่แจ๋วคันนี้ บอกได้ว่าเป็นรถที่ใช้งานง่าย ขับง่าย มองง่าย จอดง่าย ไม่ต้องพะวงอะไรมากมาย ด้วยความที่หลังคาสูงโปร่งทำให้ความสูงของที่นั่งคนขับสูงตามไปด้วยและยิ่งให้มุมมองรอบตัวรถ 'แจ่ม' มากขึ้น
กระจกบานหลังเล็กตามขนาดรถ แต่ก็มองเห็นผ่านกระจกมองหลังไม่ยากเย็นนัก ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นนึกถึงรถ K-car รถขนาดเล็กที่นิยมในญี่ปุ่น ขนาดความจุระดับ 800 - 1,000 ซีซี แต่ในเซเลริโอแล้วเมื่อได้ขับจริงๆ กลับมองว่าเกินรถประเภทนั้นขึ้นมาอยู่ระดับ A-segment ที่สูสีกับอีโคคาร์ขนาด 1.2 ลิตร
เซเลริโอมีการตอบสนองของอัตราเร่งที่ดีเกินคาด การออกตัวใช้งานโดยทั่วไปไม่แตกต่างกับรถยนต์ขนาด 1.5 ลิตร เรียกว่าใช้งานในตัวเมืองคล่องตัวกระฉับกระเฉงเอาเรื่องทีเดียว เมื่อขับทางยาวๆ และเร่งแซงก็ไม่อืดจนต้องลุ้น สามารถทำความเร็วแตะที่ 160 กม./ชม. ได้แบบไม่เหนื่อย
ระบบช่วงล่างยิ่งเป็นการเซอร์ไพรส์ใหญ่ เพราะการทรงตัวที่แน่นและนิ่งกว่ารถระดับเดียวกันในบางค่าย ช่วงกระโดดเนินสูงๆ มีการโยนตัวไม่มาก และโช้กไม่ยวบจนท้ายห้อย และสามารถเข้าโค้งที่ความเร็วสูงๆ (ที่เหมาะสม) โดยไม่ต้องจับพวงมาลัยจนเกร็งมือ
งานประกอบชิ้นส่วนภายนอก-ภายในนับว่าสมราคา ความเนี้ยบเทียบได้กับรุ่นสวิฟต์ ส่วนใหญ่จะเน้นความเรียบง่าย เบาและบาง เพื่อให้มีพื้นที่ใช้สวยกว้างขึ้น และเอาใจนักเดินทางด้วยที่วางแก้วน้ำ 5 จุดทุกรุ่นย่อย แผงกั้นปิดของท้ายรถใน (รุ่น GLX)
ระบบแอร์เป็นแบบปุ่มหมุนทุกรุ่น หน้าเรียบๆ สะดวกใช้งานง่ายทนทาน ช่องแอร์กลางดูคล้ายๆ รุ่นสวิฟต์ ช่องด้านข้างเป็นทรงกลม และสามารถทำความเย็นได้รวดเร็วอีกด้วย
ปุ่มแอร์ 3 ปุ่มหมุน ช่องแอร์ข้างทรงกลม แต่ที่เด่นกว่าคือ ที่ปรับกระมองข้างในรุ่น GA MT/ GL CVT ซูซูกิ เซเลริโอ ออกแบบมาเน้นความประหยัด ลดต้นทุนให้ได้ราคาต่ำลง และลดน้ำหนักชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อให้เป็นรถอีโคคาร์ที่พร้อมทุกด้าน แม้ว่าจะถูกผลิตขึ้นด้วยวัสดุที่ต้นทุนไม่สูงมาก แต่การเก็บเสียงในเซเลริโอก็ไม่ด้อยไปกว่าอีโคคาร์รุ่นสูงกว่าแม้แต่น้อย การเก็บเสียงลมปะทะกระจกหน้า ยางขอบประตูทำได้ดีเมื่อความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. แต่หากเพิ่มความเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ ก็เริ่มได้ยินเสียงลม และเสียงยางที่ดังขึ้น แต่ในรถระดับนี้ส่วนมากจะมีเสียงเล็ดรอดเข้ามาใกล้เคียงกัน
ในขณะจอดนิ่งเสียงรบกวนจากภายนอกพอได้ยินบ้าง แต่ก็ไม่สร้างความรำคาญแต่อย่างใด ในรถระดับนี้ การที่มีเสียงต่างๆ ภายนอกเข้ามาได้ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา
ชุดเครื่องยนต์ของเซเลริโอ ในรุ่น GLX เป็นวิทยุ 2 din/MP3/USB และลำโพงคู่หน้า-หลัง 4 จุด ส่วนรุ่นรอง GL ลดลำโพงลงเหลือคู่หน้า 2 จุด และรุ่นเกียร์ธรรมดา เหลือแต่ลำโพงคู่หน้า 2 จุด แต่ไม่มีวิทยุ สมกับเป็นรุ่นประหยัดจริงๆ
รุ่น GLX และ GL วิทยุดูดีพอตัว รุ่น GA เกียร์ธรรมดา ไม่มีให้ เชิญเลือกซื้อ เลือกหาตามใจชอบครับ ซูซูกิ เซเลริโอ รูปลักษณ์เรียบง่าย แต่ที่สะดุดตาที่สุดนั่นคือ กระจังหน้าขนาดใหญ่เกินตัว และโคมไฟหน้าไซส์มโหฬารมากๆ แต่ก็ทำให้ดูเป็นรถที่มีความบึกบึนขึ้นมากได้
ภายในสวยคล้ายซูซูกิ สวิฟต์ สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างคือ หลังคาที่ออกแบบมาเป็นทรงสูง ดูเหมือนรถใหญ่ขึ้นมาทันที และติดที่ลายล้อแม็กดูเชยๆ ไปบ้าง และรุ่นที่เป็นล้อกระทะกลายเป็นรถส่งของในทันที
ความปลอดภัยในเซเลริโอ นับว่าได้มาตรฐานติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้าในรุ่น GLX และถุงลมด้านคนขับทั้งรุ่น GL และ GA กุญแจ immobilizer ทุกรุ่น เบรก ABS/EBD ยกเว้นรุ่น GA และไฟเบรกดวงที่สาม โครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง ซับแรงกระแทกได้ดี
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
หากใครกำลังมองหารถสักคันในงบไม่เกิน 5 แสนบาท เน้นความประหยัดทุกด้าน ทั้งราคา เชื้อเพลิง บำรุงรักษา แต่ได้พื้นที่ภายในที่กว้างและสมรรถนะไม่ต่างจากรถ 1.2 ลิตร มากนัก หรือเน้นใช้งานในตัวเมืองเป็นหลัก การจราจรที่คับคั่ง ซูซูกิ เซเลริโอ น่าจะตอบโจทย์ได้คุ้มค่ามากที่สุดในยุคนี้ เพราะจ่ายเพียง 488,000 บาท ในรุ่นท็อป ก็ตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้เพียงพอแล้วครับ