SUZUKI SWIFT ลุยเส้นทางดิบๆ หนองคาย-วังเวียง-เวียงจันทน์ สมรรถนะเกินค่าตัว!
ซูซูกิ สวิฟต์ 1.2 ลิตร อีโค่ คาร์ตัวเล็ก กะทัดรัด แต่สมรรถนะจัดจ้าน ตะลุยผ่านเส้นทางโหดเกินตัว ทั้งระยะทางไกล สภาพถนนเรียบ หรือลาดยางปนกรวดหิน มีหลุดดักเรียงรายตลอดทาง พร้อมทางลัดเลาะตามไหล่เขาต่อเนื่องกว่า 40 กม. ใช้น้ำมันไป/กลับ เหลือ 1 ใน 4 วิ่งได้อีกยาวๆ ผลคือ สวิฟต์ผ่านฉลุย!
บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดคาราวานสื่อมวลชนกว่า 60 คน และทีมงานเช็คราคา.คอม ร่วมสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ SUZUKI SWIFT พร้อมแนะนำสีใหม่ Energy Green (Limited Color) ราคาคงเดิม รุ่น GLX CVT ราคา 559,000 บาท
คาราวาน ซูซูกิ สวิฟท์ "Swifter Way Swifter's Green" เส้นทางสู่ AEC ดินแดนอันงดงามในเส้นทาง กรุงเทพฯ-เวียงจันทน์-วังเวียง สปป. ลาว เมื่อ 12-13 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา
SUZUKI SWIFT รถยนต์คอมแพ็คคาร์ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยสมรรถนะเครื่องยนต์ชั้นเยี่ยม ช่วงล่างแข็งแกร่ง การควบคุมการขับขี่พร้อมการทรงตัวที่ดี พร้อมทั้งมาตรฐานความปลอดภัยที่เหนือกว่า แฮตช์แบ็ก 5 ประตู ในรูปแบบ ECO CAR ออกแบบเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันในเมืองเป็นหลัก ด้วยความประหยัดทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์วแปรผัน ขนาด 1,242 ซีซี 91 แรงม้า เกียร์ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า ตอบสนองดีเยี่ยม ความประหยัดเฉลี่ยระดับ 18-20 กม./ลิตร รองรับน้ำมัน E20 พร้อมขนาดรถที่เล็กเหมาะสมกับการใช้งานในถนนเล็กและแคบอย่างในตัวเมืองหรือตรอกซอกซอย แต่สมรรถนะไม่เล็กตามตัว กลับทำอัตราเร่งได้ทันใจไม่แพ้รถขนาดเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และช่วงล่างเกาะหนึบพอตัวด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท หลังทอร์ชันบีม และระยะฐานล้อที่ขนาดกำลังดี ทำให้ยิ่งเกาะถนน เข้าโค้งได้แม่นยำ พวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า ความปลอดภัยเต็มคันทั้ง ระบบเบรค ABS/EBSD ถังลมนิรภัยคู่หน้า ดิสก์เบรกหน้ามีครีบระบายความร้อน หลังเบรกดรัม น้ำหนักเฉลี่ย 945-975 กิโลกรัม
ภายในแผงคอนโซลดีไซน์แบบสปอร์ต มาตรวัดอ่านง่ายชัดเจน พวงมาลัยแบบ 3 ก้านกระชับมือพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง เบาะคนขับแบบผ้าปรับสูง-ต่ำได้ กระชับรับสัดส่วน เบาะหลังพับแบบ 60 : 40 ห้องเก็บสัมภาระท้ายใส่ของได้เพียงพอ กุญแจระบบ Keyless push start และ Keyless Entry อุปกรณ์รองรับ USB ระบบเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ ราคาตั้งแต่ 429,000 ถึง 559,000 บาท
การเดินทางในวันแรกทีมงานสวิฟต์นัดหมายสื่อมวลชนที่สนามบินดอนเมืองเพื่อออกเดินทางโดยเครื่องบินจากกรุงเทพฯสู่จ.อุดรธานี หลังจากนั้นนั่งรถบัสจากสนามบินจ. อุดรธานีมุ่งหน้าสู่โชว์รูมซูซูกิเจียงออโต้โมบิล จ.หนองคาย เพื่อขับรถยนต์สวิฟต์ที่จอดรอไว้ทั้งหมด 10 คัน มีสีเขียวพิเศษ Energy Green 2 คัน คละสีอีก 8 คัน และรถซูซูกิเออติกาของฝ่ายทีมงานซูซูกิอีก 2 คัน
ในการร่วมทดสอบครั้งนี้ทีมงานเช็คราคา.คอมเป็นผู้ขับในขาไปโดยใช้สวิฟต์รุ่น GLX CVT ท็อปสุดสีแดง หมายเลข 03 มีผู้ร่วมเดินทาง 3 คน สัมภาระ 3 ใบเล็ก ใส่เอาไว้ท้ายรถสบายๆ พร้อมน้ำมันเต็มถัง
ทดสอบการเกาะถนนทั้งทางลาดยาง-ลูกรังระยะทางกว่า 180 กม.
เริ่มออกเดินทางจากโชว์รูมซูซูกิเจียงออโต้โมบิล จ.หนองคาย มุ่งหน้าเพื่อเข้าด่านพรมแดนไทย-ลาว โดยทีมงานของซูซูกิจัดเตรียมเอกสารผ่านด่านเรียบร้อยสามารถขับผ่านไปได้เลย หลังจากผ่านด่านแล้วก็ต้องขับข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว (หนองคาย-เวียงจันทน์) ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงขนาดใหญ่แห่งแรก โดยเชื่อมต่อเทศบาลเมืองหนองคายเข้ากับบ้านท่านาแล้ง นครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว มีความยาว 1,170 เมตร มีทางรถ 2 ช่องจราจร ทางเดิน 2 ช่องทาง และทางรถไฟกว้าง 1 เมตร 1 ราง เมื่อพ้นสะพานก็จะเจอทางสลับเลนช่องทางเดินรถ เนื่องจากในประเทศลาวมีช่องเดินรถทางอยู่ฝั่งขวา ต่างจากประเทศไทยที่ช่องทางเดินรถทางอยู่ฝั่งซ้าย หลังจากเข้าสู่เขตเดินรถประเทศลาวแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นการขับรถชิดเลนขวาตลาดทริป
ขึ้น-ลงเขา พลังเกินตัว
เมื่อเข้าสู่เขตประเทศลาวมีการจัดขบวนขับตามกันโดยมีตำรวจท้องถิ่นนำคาราวานจากจุดหน้าด่าน ขับผ่านชานเมืองและออกนอกเมืองมุ่งหน้าวังเวียง ดินแดนกุ้ยหลินเมืองลาว ซึ่งมีบรรยากาศอันสวยงามตลอดเส้นทาง ลักษณะผิวถนนส่วนใหญ่ 80% เป็นถนนลาดยางเก่าๆ ปนลูกรัง และมีหลุม-บ่อทั้งใหญ่-เล็กให้คอยระวังตลอด
ซึ่งก่อนที่จะได้ขับเจ้าสวิฟต์แอบคิดว่าทางชันมากๆ ไหวหรือเปล่า แถมต้องขับเร็วเพื่อตามขบวนคาราวานให้ทันด้วย แต่สิ่งที่คิดไว้ถูกลบไปจากหัว เพราะเส้นทางจากชานเมืองเวียงจันทน์ถึงวังเวียงซึ่งเป็นที่พักนั้น เป็นทางลาดยางเก่าๆ โทรมๆ อุดมไปด้วยหลุม-บ่อทั้งเล็กใหญ่นานาชนิด (คล้ายเส้นทางขึ้นภูทับเบิกในไทย ทั้งที่เป็นถนนสายหลักที่ใช้เดินทางระหว่างเมืองเปรียบกับถนนพหลโยธินในไทยนั่นเองครับ) ตลอดเส้นทางที่เป็นทางเรียบไม่มาก และกึ่งจะออฟโร้ดลัดเลาะไหล่เขา ทั้งเนินเล็กๆ จนถึงทางชันมาก เหมาะกับการทดสอบช่วงล่างในอีโค่คาร์ เมื่อขับผ่านหลุมขนาดใหญ่กลางถนนนั้นช่วงล่างของสวิฟต์กลับให้ความรู้สึกที่นิ่งและแน่น ไม่ต่างจากรถยนต์ในขนาดบี-เซกเมนต์ทั่วไป ต้องยอมรับว่าการออกแบบระบบช่วงล่างของสวิฟต์ซับแรงกระแทกได้ดีมาก อาการโยนในส่วนท้ายเมื่อเข้าโค้งพอมีบ้าง แต่ไม่ถึงกับต้องเกร็งพวงมาลัยจนเหนื่อย ตำแหน่งผู้ขับนั้นทั้งท่านั่ง เบาะนั่งที่นุ่มพอดี รวมกับพนักพิงหลังออกแบบได้กระชับและผ่อนคลาย ไม่เกิดอาการเมื่อยล้าแต่อย่างใด การควบคุมพวงมาลัยตอบสนองดี ไม่เบาจนหวิว ในความสูงๆ ก็แม่นยำ ในช่วงทางขึ้นเนินเขา สลับโค้งแบบหักศอก เครื่องยนต์ 1.25 ลิตร 91 แรงม้า ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถไต่ระดับความเร็วขึ้นได้โดยไม่รู้สึดเหนื่อยใจ เสียงเครื่องยนต์พอได้ยินครางเบาๆ ขณะรอบสูง แต่ไม่รบกวนการสนทนาคนในรถให้รำคาญ เมื่อถึงช่วงลงเนินเขาระบบเบรกทำงานได้ดีมาก นุ่มเท้า เบรกไม่ลึก และไม่ต้องใช้น้ำหนักเท้ากดลงไปมาก ก็สามารถชะลอหรือเบรกอย่างกะทันหันได้อย่างมั่นใจ แม้ขณะบางจังหวะเข้าโค้งทางลงเนินเขาที่ใช้ความเร็วประมาณ 60 กม.ก็ควบคุมได้ดีมีเสียงร้องของยางบริดจ์สโตนขนาด 16 นิ้ว ให้พอได้ยินบ้าง
เวลาประมาณ 18.00 น.คาราวานสวิฟต์ก็เดินทางถึงจุดหมายในวันแรก ณ โรงแรม Riverside Boutique Resort โดยที่ใช้น้ำมันในถังไปเพียง 1 ใน 8 ส่วนเท่านั้น! ทั้งที่ลักษณะการขับตลอดทางใช้รอบสูงตลอดเพื่อทำความเร็วให้ตามขบวนได้ทัน และเมื่อเจอทางขึ้นเขา หรือเมื่อต้องการแซงก็กระแทกคันเร่งจมตลอด และสิ่งที่ประทับใจคือ ไม่มีอาการเมื่อยล้าสักนิดแม้ขับคนเดียวรวดกว่า 180 กม.!
วันที่ 2 ขากลับเข้าเมืองวังเวียง-เวียงจันทน์
การเดินทางในวันที่ 2 ขากลับย้อนเส้นทางเดิม ผ่านสภาพถนนที่ขรุขระสลับเรียบ ทั้งขึ้น-ลงเนินเขา มุ่งหน้าเข้าเมืองเวียงจันทน์ เมื่อเข้าช่วงเขตในเมืองก็จะมีรถมอเตอร์ไซต์ตำรวจปฎิบัติงานนำคาราวานสวิฟต์เพื่อเดินทางตามกำหนดที่เตรียมไว้ยั่ยคือ ชมประตูชัยซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะและอธิปไตยของลาว พร้อมแวะจัดขบวนเพื่อเก็บภาพประทับใจของคาราวานครั้งนี้ จากนั้นเข้าชมอนุสาวรีย์ของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช แต่ช่วงวันที่เดินทางไปทางวัดมีงานประจำปีจึงต้องข้ามการนมัสการพระธาตุหลวง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวียงจันทน์ และแวะรับประทานอาหารกลางวันก่อนเดินทางต่อ จากตัวเมืองเวียงจันทน์ไปที่ด่านเก็บค่าธรรมเนียม สะพานมิตรภาพไทย-ลาว และข้ามฝั่งกลับประเทศไทย และสิ้นสุดการเดินทางทั้ง 2 วันที่โชว์รูม ซูซูกิเจียงออโต้โมบิล จ.หนองคาย รวมระยะทางทั้งหมด 374.7 กิโลเมตร โดยที่น้ำมันในถังยังเหลือเกินครึ่งถังมานิดๆ แต่เสียดายที่ทริปนี้ไม่ได้เน้นทดสอบอัตราการสิ้นเปลือง เนื่องจากจบการเดินทางก็นำรถเข้าจอดทันที ไม่ได้เติมน้ำมันกลับคืนให้เต็ม จึงไม่สามารถวัดอัตราสิ้นเปลืองที่แท้จริงได้ แต่ยังสัมผัสถึงความประหยัดได้จากมาตรวัดปริมาณน้ำมันที่ใช้ไปจริงครับ
สวิฟต์ประหยัด คุ้มค่า คุ้มราคา
Suzuki Swift อีโค่คาร์คุ้มเกินราคา ทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เป็นมาตรฐานในรุ่นท็อปสุด เครื่องยนต์ที่ประหยัดน้ำมันได้เฉลี่ย 18-20 กม./ลิตร และอัตราเร่งทันใจ ช่วงล่างเทียบรถขนาดกลางสบายๆ คล่องตัวทุกสถานะการณ์ พร้อมความปลอดภัยระดับมาตรฐาน ภายในตอบสนองความต้องการไลฟ์สไตล์คนเมืองกว้างไม่อึดอัด ปรับเบาะหลังเพิ่มเนื้อที่เก็บของได้มากขึ้น สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ฉีกกฎเดิมๆ ที่มาพร้อมความสนุกไปกับ ซูซูกิ สวิฟต์