HONDA CIVIC HYBRID ประหยัด สมบูรณ์แบบ
ฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด ใหม่ คอมแพ็กต์คาร์มาพร้อมความประหยัดอย่างแท้จริง ด้วยการผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งโหมดการทำงานร่วมกัน เครื่องยนต์อย่างเดียว หรือมอเตอร์ไฟฟ้าในย่านความเร็วต่ำ แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ครั้งแรกในรถไฮบริดคอมแพ็กต์ ทนทานน้ำหนักเบาไม่กินพื้นที่ เครื่องยนต์ IMA 1.5 ลิตร i-VTEC 91 แรงม้า ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า 23 แรงม้า พร้อมการรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี และเพื่อเพิ่มความมั่นใจ บริษัท ฮอนด้าออโตโมบิล จำกัด ได้ขยายระยะเวลาการรับประกันในส่วนของชุดแบตเตอรี่ต่อจากเดิมอีก 5 ปี (สำหรับรถยนต์รุ่น ซีวิค ไฮบริด ที่ซื้อหรือสั่งจองก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2556 เท่านั้น)
ฮอนด้า ซีวิค ไฮบริดมีจำหน่ายทั้ง 2 รุ่น คือ รุ่น
Hybrid ราคา 1,035,000 บาท และรุ่น
Hybrid Navi ราคา 1,095,000 บาท มีให้เลือก 3 สี คือ ขาวออร์คิด (มุก), ขาวฟรอสตี้ (เมทัลลิก) และเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) พร้อมรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และเพิ่มความมั่นใจด้วยการรับประกันแบตเตอรี่เพิ่มอีก 5 ปี เป็น 10 ปี
ทีมงาน
Thai Product Review และ
Checkraka.com ได้รับเชิญจาก
บริษัท พระราม 3 ฮอนด้าคาร์ส จำกัด โชว์รูมฮอนด้า ยอดขายอันดับ 1 ของประเทศ ให้ไปทดสอบ
Honda Civic Hybrid เป็นการเฉพาะ โดยรุ่นที่ขับทดสอบคือ
Hybrid Navi มีผู้ร่วมทดสอบทั้งหมด 3 คน ไม่มีสัมภาระ และทางโชว์รูมเติมน้ำมันให้เต็มถังเรียบร้อย เส้นทางทดสอบ
การขับทดสอบ Honda Civic Hybrid เริ่มต้นจากโชว์รูมมาตรฐานบริษัท พระราม 3 ฮอนด้าคาร์ส จำกัด สาขาถนนนราธิวาส มุ่งหน้าเข้าถนนพระราม 3 ผ่านตลาดปีนัง (ตลาดคลองเตย) เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระราม 4 ตรงไปทางหัวลำโพง และเลี้ยวซ้ายเข้าถนนมหานครตรงผ่านแยกสุรวงค์เพื่อออกถนนพระราม 3 และเลี้ยวเข้าถนนนราธิวาสกลับเข้าโชว์รูม
โดยการทดสอบครั้งนี้เพื่อทดลองซีวิค ไฮบริดเมื่อใช้งานเหมือนกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่เน้นประหยัดน้ำมัน และการจราจรติดขัดอย่างหนัก สลับโล่งบ้างในช่วงสั้นๆ เลียนแบบพฤติกรรมชีวิตคนเมืองจริงๆ ความเร็วเฉลี่ยในช่วงรถติดมากนั้นประมาณ 5-10 กม./ชม.เท่านั้น และในช่วงถนนโล่งก็มีระยะสั้นๆ ความเร็วเฉลี่ยทำได้ประมาณ 80 กม./ชม. ระยะทางรวมประมาณ 35 กม. แต่ใช้เวลาไปเกือบ 3 ชม. ครับ
การทดสอบ Honda Civic Hybrid ตรงกับวันที่ 15 มีนาคม 2556 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการปิดซ่อมสะพานไทย-เบลเยี่ยมพอดี ทำให้การจราจรติดขัดมากกว่าปกติครับ
ข้อมูลทั่วไป-จุดเด่น HONDA CIVIC HYBRID
Honda Civic Hybrid เป็นรุ่นที่ถูกออกแบบให้เน้นประหยัดพลังงานมาตั้งแต่กระบวนการผลิต วัสดุ รวมไปถึงระบบการขับเคลื่อน พร้อมกับการรักษาสิ่งแวดล้อม มีขนาดมิติตัวถัง ยาว 4,524 มม. กว้าง 1,753 มม. สูง 1,429 มม. ระยะฐานล้อ 2,670 มม. น้ำหนัก 1,291 กก.(Hybrid) และ1,296 กก. (Hybrid Navi)
ฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด ใช้พื้นฐานโครงสร้างมาจากซีวิค รุ่นใช้เครื่องยนต์ปกติ แต่ทีมวิศวกรได้คิดค้นและออกแบบการผสมผสานระบบหว่างระบบเครื่องยนต์สันดาปภายในและระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเข้าด้วยกัน โดยพื้นฐานของระบบไฟฟ้าที่ใช้นั้นเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องจาก Honda insight ที่นับว่าลงตัวและสมบูรณ์แบบครอบคลุมทุกลักษณะการใช้งาน โดยระบบประมวลผลจากกล่องสมอง ECU จะสั่งงานให้ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานในสภาวะต่างๆ อย่างเหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุด
จุดเด่นของ Honda Civic Hybrid อยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอกทรงลิ่มเพื่อลดแรงต้านอากาศ โคมไฟหน้าสีฟ้าอ่อนๆ อันเป็นสัญลักษณ์ของซีวิค ไฮบริด สว่างชัดเจนด้วยหลอดไฟแบบซีนอนพร้อมเลนส์โปรเจ็กเตอร์ที่ปรับระดับ และเปิด-ปิดอัตโนมัติ กระจังหน้าทรงหนา 3 ชั้น ตกแต่งด้วยเลนส์สี Clear Blue ไฟตัดหมอกคู่หน้า กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับและพับด้วยไฟฟ้า ไฟท้ายเอกลักษณ์เฉพาะซีวิค ไฮบริด แบบ LED โคมฟ้าอ่อน Clear Blue และสปอยเลอร์หลังแบบ Duck Tail (ตูดเป็ด) และล้อแม็กลายเฉพาะขนาด 15 นิ้ว ยาง 195/65
ภายในหรูล้ำสมัยเกินใครด้วยแผงคอนโซนหน้าทรงสปอร์ตแบบเดียวกับในรุ่นปกติ มาตรวัดแบบดิจิทัล พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น สิ่งทำให้ซีวิคโดดเด่นเหนือใครนั่นคือ ระบบหน้าจอแสดงผล i-MID ซึ่งเป็นหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ แสดงการทำงานในสถานะต่างๆ โดยในซีวิค ไฮบริดนี้จะเพิ่มข้อมูลแสดงสถานะการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ของระบบขับเคลื่อนทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยที่ผู้ขับสามารถรับรู้ภาวะการทำงานต่างๆ ของรถได้อย่างครบถ้วน เช่น อัตราเฉลี่ยน้ำมันเป็น กม./ลิตร, รับ-วางสายโทรศัพท์, การเชื่อมต่อความบันเทิงต่างๆ , เลือกฟังเพลง, ตั้งค่าการใช้งานส่วนตัว พร้อมข้อมูลแสดงการทำงานของระบบไฮบริด เช่น แสดงการใช้เชื้อเพลิงหลักหรือไฟฟ้า แสดงการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี
นอกจากนี้ยังมีระบบที่ช่วยให้ผู้ขับปรับพฤติกรรมให้ขับได้ประหยัดมากขึ้นด้วยฟังก์ชั่น Eco Bar โดยวัดจากการเหยียบเบรกและคันเร่งของผู้ขับ ซึ่งจะแสดงผลในรูปแบบของแถบสี
Econ Mode เป็นระบบที่ช่วยลดการใช้พลังงงานที่สิ้นเปลืองของเครื่องยนต์และเกียร์ให้สัมพันธ์ในขณะวิ่ง และควบคุมระบบปรับอากาศและระบบหมุนเวียนอากาศให้เหมาะสมกับอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร ทำให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ซีวิค ไฮบริดใช้วัสดุหุ้มเบาะภายในแบบผ้าในรุ่น Hybrid และเบาะหนังแท้/วัสดุหนังสังเคราะห์ ในรุ่น Hybrid Navi ปุ่มกดสตาร์ต-สต็อป มาตรวัดเรืองแสงแบบ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นปรับ 4 ทิศทาง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ช่องวางแก้วน้ำ 5 ตำแหน่ง
ระบบความบันเทิงด้วยเครื่องเสียง วิทยุ/CD/MP3 แบบ 1 แผ่น เชื่อมต่อ USB/Bluetooth/AUX พร้อมลำโพง 6 จุด พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย ถุงลมนิรภัยคู่หน้า (Dual SRS) และด้านข้างคู่หน้า (i-Side Airbags) เบรกABS/EBD ระบบควบคุมการทรงตัว (VSA) ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) กล้องมองภาพด้านขณะถอยหลัง กุญแจ Immobilizer พร้อมระบบกันขโมย ไฟเบรกดวงที่ 3
SPECIFICATION HONDA CIVIC HYBRID
ซีวิค ไฮบริด ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง 16 วาล์ว SOHC พร้อม i-VTEC 1,497 ซีซี 91 แรงม้า แรงบิด 132 นิวตัน-เมตร รองรับเบนซินแก๊สโซฮอล์ถึง E20 และมอเตอร์ไฟฟ้า IMA ขนาด 23 แรงม้า แรงบิด 106 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า ความจุถังน้ำมัน 50 ลิตร และใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนขนาดบางติดตั้งในส่วนพนักพิงของหลังเบาะด้านหลัง ไม่กินพื้นที่ภายในห้องโดยสารและไม่เสียพื้นที่ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ
ช่วงล่างด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง-หลังมัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง พวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS รัศมีวงเลี้ยว 5.42 เมตร ระบบเบรกด้านหน้าดิสก์พร้อมช่องระบายความร้อน-หลังดรัม
สมรรถนะเครื่องยนต์: 3.5 ดาว
ซีวิค ไฮบริด เป็นรถที่เน้นประสิทธิภาพด้านการประหยัดน้ำมันเป็นหลัก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับในต่างประเทศที่รถขนาดบี-เซกเมนต์จะใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ในประเทศไทยอาจมีคนมองว่า ซีวิค เครื่องแค่ 1,500 ซีซี จะวิ่งออกหรือ? ประหยัดจริงหรือ? ดูแลยากไหม? ทีมงาน Thai Product Review และ Checkraka.com ได้ลองสัมผัสซีวิค ไฮบริดในลักษณะการใช้งานในเมืองจริงๆ ความรู้สึกแรกที่เหยียบคันเร่งนั้น ไม่ต่างกับรถที่ใช้ระบบ CVT รุ่นอื่นๆ ในค่าย นั่นคือ ออกตัวนุ่ม ไต่ระดับความเร็วขึ้นเรื่อยๆ การตอบสนองอาจไม่กระชากสะใจเหมือนเกียร์อัตโนมัติแบบปกติ แต่เข็มความเร็วก็ขึ้นต่อเนื่องๆ ไปเรื่อย ใช้เวลาไม่นานจากจุดหยุดนิ่งก็ทำความเร็วได้เท่ากับรถที่วิ่งบนถนนทั่วไป เปรียบเทียบได้กับผู้ที่เคยใช้ฮอนด้า แจ๊ส อัตราเร่งของเจ้าซีวิค ไฮบริดนั้น แทบไม่แตกต่างกันเลย อีกทั้งยังแถมการรับประกันคุณภาพระบบไฮบริดเพิ่มให้อีก 5 ปี หากซื้อก่อน 31 ธันวาคม 2556
Econ Mode
นอกจากจะวิ่งได้ดีเกินคาดแล้ว ยังมีระบบโหมดการทำงานต่างๆ ให้ทดลองเล่นอีกมากมาย เช่น หากต้องการเน้นประหยัดหรือเมื่อขับอยู่ในย่านความเร็วคงที่ไม่จำเป็นต้องใช้พละกำลัง ก็สามารถกดปุ่ม Econ สีเขียว เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานสัมพันธ์กับระบบเกียร์ จะสังเกตได้ว่าระบบแอร์จะลดความแรงของลมโดยอัตโนมัติ และควบคุมอุณหภูมิให้เย็นพอเหมาะ จึงทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานน้อยลง ส่งผลให้ประหยัดมากขึ้น ในโหมดนี้อาจรู้สึกถึงอาการหนืดๆ ของเครื่องยนต์อยู่บ้าง เพราะระบบประมวลผลในกล่อง ECU จะปรับการทำงานเครื่องยนต์ให้ประหยัดมากที่สุด แม้เราจะกดคันเร่งมากเท่าไหร่ เครื่องยนต์ก็จะค่อยๆ เพิ่มรอบขึ้นอย่างช้าๆ และนุ่มนวล จึงเป็นโหมดที่เหมาะสำหรับกับการขับในย่านชานเมือง หรือช่วงถนนโล่งๆ และไม่รีบร้อน การทำงานของระบบไฮบริดนั้นมีทั้งหมดโดยหลักการแล้วมีทั้งหมด 5 สถานะคือ
1.ช่วงออกตัว เครื่องยนต์จะทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อน และเสริมแรงด้วยพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้า ความรู้สึกในการขับช่วงนี้ไม่อืดอาดอย่างที่คิด เมื่อขับใช้งานทั่วไป แต่หากจะซิ่งอาจต้องรอสักหน่อย ไม่หวือหวานักแต่พอรับได้
2. ช่วงขับขี่ความเร็วต่ำคงที่ เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน และเข้าสู่โหมด EV (Electric Vehicle Mode) โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว ในการทดสอบครั้งนี้แทบไม่ได้ใช้โหมดนี้เท่าไหร่นัก เนื่องจากบางช่วงที่รถติดจะขยับเพียงสั้นๆ และเมื่อช่วงถนนโล่งส่วนใหญ่จะใช้ความเร็วไม่แน่นอน ดังนั้นการใช้งานในชีวิตประจำวันอาจไม่ได้สัมผัสการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสักเท่าไหร่
3.ช่วงเร่งแซง มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานผสานกับเครื่องยนต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเร่งแซง ในโหมดนี้เมื่อลองคิกดาวน์จนสุด เสียงของเครื่องยนต์ครางเบาๆ รอบกวาดขึ้นอย่างช้าๆ จนค้างอยู่ที่ประมาณ 4,800-5,000 รอบ/นาที ความรู้สึกค่อนข้างนุ่ม เรียบง่าย ไปแบบเรื่อยๆ ไม่ถึงกับหน้าหงาย จากความต่อเนื่องของเกียร์ CVT แต่ก็ทำอัตราเร่งแซงได้ในระดับกลางๆ ไม่อืด แต่ควรเผื่อระยะห่างให้ปลอดภัยมากสักหน่อย
4. ช่วงเบรก เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน ระบบจะนำพลังงานที่สูญเสียไปในขณะเบรกมาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า ส่งกลับคืนสู่แบตเตอรี่ไฮบริด เพื่อเก็บพลังงานไว้ใช้ต่อไป โหมดนี้ทำงานได้ดี เมื่อลดความเร็วลงมาเรื่อยๆ จะเห็นสถานะการทำงานของระบบไฮบริดบนจอ i-MID ว่ามีเส้นลูกศรวิ่งออกจากตัวรถเข้าสู่รูปแบบเตอรี่ แสดงว่าชาร์จไฟกลับอยู่และเครื่องยนต์ก็ดับเองทันที
5.ช่วงรถหยุดนิ่ง เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ และเข้าสู่โหมด Idling Stop ในช่วงนี้เห็นชัดที่สุดเพราะเกือบทุกครั้งที่วิ่งมาแล้วจอดสนิทขณะติดสัญญาณไฟนั้น เครื่องยนต์จะดับทันที และเพียงปล่อยเบรก ขยับพวงมาลัย ก็จะสตาร์ตติดเองในทันทีเช่นกัน แทบไม่สร้างความรำคาญให้ผู้ขับเลย บางทีอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำครับหากฟังเพลงเพลินๆ อยู่ แต่ทางผู้ผลิตได้แนะนำเพิ่มเติมด้วยว่า ในบางสภาวะ เครื่องยนต์จะทำงานตามปกติ เนื่องจากระบบถูกปรับให้เหมาะสมกับการใช้งานและสภาพแวดล้อม เช่น เมื่อจอดสนิทครั้งแรก เครื่องยนต์ดับ และเมื่อปล่อยเบรกเคลื่อนที่ไปเล็กน้อยแล้วเบรก เครื่องยนต์จะไม่ดับซ้ำ คล้ายสภาพจราจรแบบรถติด แต่หากวิ่งใช้ความเร็วนานกว่านั้น ระบบก็จะกลับมาทำงานเช่นเดิมครับ
มาถึงระบบช่วงล่างที่บอกได้เต็มปากว่า "น่าประทับใจมาก" การควบคุมการตอบสนองของพวงมาลัยในสภาวะต่างๆ นับว่าดีเยี่ยม รวมถึงเมื่อโดดคอสะพาน หรือขึ้นลูกระนาดนั้นนุ่มกว่าที่คิดและในขณะเดียวกันก็ไม่โยนตัวจนย้วยเลย ซีวิค ไฮบริดรุ่นนี้นับว่าออกแบบระบบช่วงล่างได้ดีมาก ระบบเบรกก็ตอบสนองได้ดี ไม่ไว้จนหัวทิ่ม แต่กดน้ำหนักไม่มากก็สามารถหยุดรถได้ดังใจ เรียกว่าการควบคุมรถซีวิค ไฮบริดรุ่นนี้ ขับง่าย คล่องตัว และหนึบพอตัวเลยทีเดียว
ฮอนด้า ซีวิค ไฮบริดมาพร้อมความปลอดภัยทั้ง ถุงลมคู่หน้าด้านข้าง เบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบควบคุมการทรงตัว VSA กล้องมองภาพขณะถอยหลัง และสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาทำให้โดดเด่นนั่นคือ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA กุญแจ Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย และไฟเบรกดวงที่ 3
ที่นั่งผู้ขับ/ผู้โดยสารเบาะนั่งคนขับของซีวิคไฮบริดนั้นกระชับพอดีตัว ไม่อึดอัด และได้ระดับรับช่วงขาในตำแหน่งคันเร่งกับเบรกพอดีเมื่อปรับเบาะให้ท่านั่งถูกต้อง คือ ขอบด้านบนของพวงมาลัยต้องอยู่ตำแหน่งข้อมือทั้ง 2 ข้างพอดี ซึ่งในรถบางรุ่นจะมีระยะช่วงขาไม่พอดี แต่น่าเสียดายที่ไม่เป็นแบบปรับด้วยไฟฟ้า
ลองเปลี่ยนตำแหน่งจากคนขับมาเป็นผู้โดยสายบ้าง เบาะตอนหลังนั่งได้สบายเต็มสะโพก ตำแหน่งวางขากว้างขวาง และอยู่ในระดับองศาที่สบายนั่งนานๆ ไม่เมื่อยล้าตัวเบาะมีความนุ่มมาก เรียกว่านั่งสบายเทียบเท่ารถระดับหรู แต่เมื่อนั่งฝั่งซ้ายอาจเจอช่องระบายอากาศของแบตเตอรี่ระบบไฮบริดที่อยู่ตรงขอบพนักพิง แต่ก็ไม่เป็นอัตรายใดๆ ครับ มีไว้ดูดอากาศเย็นจากแอร์รถเข้าไประบายความร้อนแบตเตอรี่ที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังของพนักพิงเท่านั้น
ทัศนวิสัยเมื่อนั่งในตำแหน่งคนขับ มองเห็นสิ่งต่างๆ ภายนอกรถชัดเจน ทั้งการมองบนมาตรวัดแบบเรืองแสงที่อ่านง่าย แม้แดดแรงจัด กระจกบานหน้าที่กว้าง กระจกมองข้างขนาดใหญ่ มองเห็นรถคันข้างๆ ได้ในมุมกว้างออกไปถึงเลนที่ 2 กระจกบานหลังที่ลาดเทลงมามากแต่กลับมองง่าย เสาบี หรือเสากลางรถก็มีขนาดเล็กไม่บดบังรถที่วิ่งตีคู่ด้านข้าง ทำให้มองเห็นเมื่อต้องการเปลี่ยนช่องทาง เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น
ความรู้สึกเมื่อลองขับโดยรวม อัตราเร่งเพียงพอต่อการใช้งานในคอนเซปต์เน้นประหยัด แม้ยามต้องการอัตราเร่งก็สามารถทำได้อย่างไม่ลำบากนัก แต่อาจรับรู้ถึงแรงดึงได้น้อยเนื่องจากใช้เกียร์แบบ CVT จึงขึ้นแบบนุ่มๆ และต่อเนื่อง จาก 0-100 กม./ชม. ราวๆ 16 วินาที ซึ่งเพียงพอในการใช้งานในเมืองเป็นหลัก
ในส่วนช่วงล่างนั้น ซีวิค ไฮบริดยกชุดเดียวกับที่ให้มาในรุ่นปกติ ทำให้มีการตอบสนองดี เกาะถนน ไว้ใจได้แม้เข้าโค้งแรงๆ ที่ความเร็วประมาณ 60-70 กม./ชม.พร้อมกับกระโดดคอสะพานก็สามารถทรงตัวได้ดีครับ
ระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ ควบคุมอุณหภูมิอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในการขับขี่โหมด Eco ระบบปรับอากาศจะควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ในระดับที่ผู้โดยสารจะได้รับความเย็นสบายสม่ำเสมอยิ่งประหยัดมากขึ้นอีกขั้น
เสียงรบกวนจากภายนอกตัวรถ นับว่าป้องกันเสียงภายนอกเข้าในห้องโดยสารได้น่าประทับใจ เสียงของยางที่บดกับถนนเมื่อวิ่งผ่านตะเข็บก็มีเพียงเบาๆ รวมทั้งเสียงของเครื่องยนต์ในขณะเร่งเต็มที่ก็แทบไม่รบกวนการเดินทางเลย ไม่รบกวนขณะฟังเพลง
อุปกรณ์เพื่อความบันเทิงครบครันทั้ง DVD, Navi (รุ่นท็อป)/เชื่อมต่อ Bluetooth/USB/AUX พร้อมลำโพง 6 จุด ควบคุมด้วยปุ่มสั่งงานบนพวงมาลัย ใช้งานง่ายไม่สับสน สามารถควบคุมได้ทุกฟังก์ชั่นของจอแสดงผลบนหน้าปัด รวมถึงรับ-วางสายโทรศัพท์ซึ่งสะดวกมาก และสามารถเลือกฟังเพลงจากสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย
ฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด เป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ปรับเปลี่ยนส่วนไฟหน้าเรียวเล็กดูสปอร์ตขึ้นพร้อมกระจังหน้ามีจุดเด่นสัญลักษณ์ไฮบริดสีฟ้า ทำให้ดูกลมกลืนและสวยขึ้น ส่วนท้ายยิ่งดูสปอร์ตด้วยไฟท้ายทรงเฉียงสไตล์ยุโรป
ภายในออกแบบได้ทันสมัยหน้าปัดดีไซน์สปอร์ต สะดวกในการใช้งาน การออกแบบพวงมาลัยได้สวยงามลงตัว ขนาดของเส้นรอบวงเล็กทำให้คล่องตัวและจับกระชับมือ เบาะคนขับนั่งสบายกระชับแม้เข้าโค้งแรงๆ คอนโซลกลางมีที่ปิด-เปิดช่องเก็บของแบบสไลด์ดูสะอาดเรียบร้อย
ในการทดสอบครั้งนี้ใช้ระยะทางบวกกับการจราจรที่ติดขัดมากๆ ช่วงถนนพระรามที่ 4 และบางช่วงถนนโล่งเพียงระยะสั้นๆ แต่ก็ทดสอบทั้งการเร่งแซง จอดแช่ติดสัญญาณไฟ และขยับสลับหยุดนิ่งอยู่หลายร้อยเมตร รวมระยะทางประมาณ 35 กม. ในเวลาเกือบ 3 ชม. เมื่อกลับเข้าภายในโชว์รูมพระราม 3 ฮอนด้าคาร์ส สาขาถนนนราธิวาส แม้ว่าที่หน้าปัดบอกอัตราสิ้นเปลืองไว้ 10.4 กม./ลิตร แต่เมื่อดูที่มาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงเท่าเดิมคือ ไม่ลดเลยแม้แต่ขีดเดียว บวกกับรถติดๆ สลับเร่งคิกดาวน์ขณะถนนโล่งบ่อยๆ เรียกว่าใช้คุ้มทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ซีวิค ไฮบริดก็ประหยัดอย่างน่าพอใจ
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา: 4 ดาว
ซีวิค ไฮบริด นับว่าเป็นรถที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่ ที่อยากใช้รถแบบประหยัดน้ำมัน รักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ในราคาที่ไม่สูงนัก ได้รถที่มีขนาดตัวถัง และรูปทรงสปอร์ตทันสมัยลงตัว พร้อมระบบไฮบริดที่สมบูรณ์แบบ และที่สำคัญเรื่องการบริการจากฮอนด้าที่เพิ่มความคุ้มครองต่ออีก 5 ปี เพื่อความมั่นใจในคุณภาพ และใช้งานได้ในระยะยาว รถที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีในราคาเพียงล้านต้นๆ เท่านั้น ทำให้ซีวิค ไฮบริดเป็นรถที่คุ้มค่าคุ้มราคาอีกรุ่นหนึ่งที่น่าเป็นเจ้าของมากๆ เลยครับ
CheckRaKa.com ขอขอบคุณ
บริษัท พระราม 3 ฮอนด้าคาร์ส จำกัด (โชว์รูมฮอนด้า ยอดขายอันดับ 1 ของประเทศ) ที่มอบรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค ไฮบริดในการทดสอบครั้งนี้ครับ