สายพันธุ์อันยาวนานของรถสปอร์ตเปิดหลังคา Mazda MX-5 Roadster เริ่มต้นขึ้นในปี 1989 และเดินทางผ่านกาลเวลามาถึงตัวถังของรุ่นที่ 3 โดยใช้เวลาพัฒนาเกือบ 20 ปี จนได้รถยนต์สปอร์ตสองประตูขนาดเล็ก ที่มีความสมบูรณ์แบบทั้งรูปทรง, เครื่องยนต์, และการขับขีี่ควบคุม
จากความสำเร็จที่กลายเป็นบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ของยอดการขาย และความนิยมรถ MX-5 ในโมเดลแรกสุดกลายเป็นสิ่งที่รุ่นต่อไปต้องสานต่อและต้องทำให้ดีกว่า รถสปอร์ตต้นตำรับ Zoom Zoom Mazda MX-5 ในรุ่นที่สาม ถูกปรับปรุงโฉมให้ทันสมัยขึ้นมากกว่าตัวแรกแบบเทียบกันไม่ติด จุดที่ได้รับการปรับแต่งนั้นมีมากกว่าที่เห็นกันภายนอก เพราะนอกจากจะใช้กันชนหน้า,หลังรูปทรงใหม่ ไฟหน้าที่ดูดีขึ้นรวมถึงไฟท้ายแบบใหม่ ที่ออกแบบให้เห็นถึงรายละเอียดภายในทั้งหมดแล้ว Mazda ยังปรับปรุงจุดด้อยภายในห้องโดยสาร ด้วยการใช้วัสดุคุณภาพสูงในการประกอบ การใช้โทนสีเงินเข้มเพื่อเน้นถึงบรรยากาศแบบรถ Roadster ให้เข้มข้นขึ้นไปอีกและดูดีกว่าสองรุ่นที่เคยสร้างสถิติอันสวยงามของยอด จำหน่ายที่สูงลิบ เพื่อให้มันกลายเป็นรถยนต์ตัวแทนสัญลักษณ์แบบสปอร์ตของค่าย Mazda MX-5 Roadster รุ่นปรับปรุงใหม่นี้ ในเมืองไทย บริษัท Mazda ส่งเข้ามาจำหน่ายเพียงรุ่นเดียวคือรุ่นหลังคาแข็งแบบพับได้ และกลายเป็นทางเลือกที่ดี ซึ่งวิศวกรของ Mazda สามารถออกแบบชุดหลังคาใหม่แทนหลังคาผ้าใบแบบเดิมๆ ที่ดูแลรักษาได้ยากกว่า หลังคาแข็งแบบใหม่มีชื่อเรียกว่า RHT หรือ Retractable Hard Top ยังเก็บเสียงได้ดีกว่ามากและมีความสะดวกสบายในการใช้งาน โดยสามารถกางออกและใช้เวลาเพียงน้อยนิดในการกางหรือพับเก็บด้วยความนิ่มนวล จากชุดมอเตอร์เล็กๆ ที่ทำงานได้รวดเร็วท่ี่สุดในโลก (12 วินาที) รูปแบบของหลังคาแข็งรุ่นใหม่นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อความเป็นรถ Roadster ตั้งแต่ครั้งแรก ทำให้หน้าตาและประโยชน์ใช้สอยของตัวรถถูกเสริมให้เด่นขึ้น มีรูปแบบที่เหนือกว่ารถยนต์สปอร์ตคูเป้ ที่มักจะมีรุ่นเปิดหลังคาออกมาทำตลาด แต่พอใส่ชุดหลังคาแบบพับได้จะดูไม่ค่อยเข้ากัน เนื่องจากติดเสา C และต้องเสียพื้นที่ในการเก็บสัมภาระท้ายรถอีกด้วย ฝากระโปรงท้ายของ MX-5 ใหม่ มีความจุถึง 150 ลิตร กลไกการทำงานของชุดหลังคา ไม่ไปรบกวนหรือต้องอาศัยพื้นที่ของฝาท้ายมาช่วยในการพับเก็บจากการออกแบบอัน ชาญฉลาด เมื่อเอาหลังคาลงเพื่อกลายเป็นรถเปิดประทุนเต็มรูปแบบแล้ว จะดูเรียบสนิทไร้รอยต่อ หรือกางหลังคาขึ้นมันก็จะมีรูปทรงเป็นรถ Coupe ขนาดกะทัดรัด ถึงจะขาดบรรยากาศแบบเก่าๆ ที่ยุคหนึ่งรถเปิดหลังคาแทบทุกคันยังคงต้องใช้มือ เปิด-ปิดเอง แต่ความสะดวกสบายในกลไกการกางและพับหลังคาทำให้ผู้ที่ได้ขับขี่ ได้รับความอภิรมย์เพิ่มขึ้น เวลาเพียง 12 วินาที ในการกางหรือพับชุดหลังคากลายเป็นสถิติที่ยากจะทำลาย เมื่อบวกกับค่าตัวที่ถูกที่สุดสำหรับรถยนต์ในสไตล์ Roadster ทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้ไปโดยปริยาย ชุดหลังคาแข็งแบบใหม่ทำให้ตัวรถ MX-5 มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 37 กิโลกรัม แต่มันกลับไม่สร้างภาระให้กับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และไม่มีผลกระทบใดๆ กับการทรงตัวของรถเนื่องจากน้ำหนัก 37 กิโลกรัมที่ว่าไปตกอยู่ในบริเวณกึ่งกลางของรถพอดี เมื่ิอลองเข้าไปนั่งในตำแหน่งขับขี่ จะรู้สึกถึงการเชื่อมโยงกันระหว่างคนกับเครื่องจักรแบบแยกกันไม่ออก เบาะแบบสปอร์ตโอบกระชับตัว และโอบรับแนวไหล่ของผู้ขับขี่ได้ดีโดยไม่รู้สึกอึดอัด หน้าปัดท์และอุปกรณ์ต่างๆ ถูกจัดวางเอาไว้อย่างดีและสามารถใช้งานได้สะดวก ไม่มีปุ่มหรือสวิตช์ที่ซับซ้อนจนทำให้เกิดความสับสนยามใช้งาน ท่านั่งขับขี่แบบปกติรองรับคนตัวโตๆ ที่มีความสูงกว่า 180 เซนติเมตรได้อย่างสบาย เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานควบคู่ไปกับระบบเกียร์แบบ 6 สปีด อย่างไร้ที่ติ และมีความสมดุลกับน้ำหนักของตัวรถมากที่สุด ช่วงล่างที่ขึ้นชื่อและมีความยึดเกาะถนนดีกว่ารถยนต์ทั่วๆ ไปที่มี ซี.ซี. เท่าๆ กับมัน แสดงออกอย่างเป็นกลางยามขับขี่ด้วยความเร็วสูง แซสซีส์ที่แข็งแกร่งกว่าปกติ อาจทำให้รู้สึกว่ามันกระด้างไปบ้าง ยามต้องพบกับสภาพถนนในเมืองไทยที่ไม่ค่อยจะเรียบนัก แต่ความมั่นคงในการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ทำให้คุณลืมช่วงล่างแบบกระด้างไปได้อย่างง่ายดาย การกระจายน้ำหนักที่ 50/50 ทำให้ตัวรถมีเสถียรภาพที่ดีและสามารถควบคุมอาการต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะขับขี่บนทางตรงยาวๆ ทางโค้งขึ้น-ลงเขา วิศวกรของ Mazda จัดวางเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่ทำให้ล้อด้านหน้าและหลังอยู่ในระดับที่ สมดุลกันมากที่สุด เพื่อต้องการให้รถ MX5 ตอบสนองและเป็นหนึ่งเดียวกับผู้ขับขี่ ความน่าสนใจในตัวรถเกิดจากรูปลักษณ์ทั้งภายในและภายนอกบวกกับการขับขี่ที่ เป็นเลิศทางสมรรถนะ ซึ่งเหมาะมากกับเมืองใหญ่ๆ ที่มีสภาพการจราจรคับคั่ง ความหมายของคำว่า Zoom Zoom คือนิยามของรถยนต์ที่ขับขี่ได้สนุกสนานและหลอมรวมระหว่างผู้ขับกับตัวรถให้ กลายเป็นหนึ่งเดียว โดยมีเทคโนโลยีของ Mazda มาเชื่อมต่อให้ความฝันกลายมาเป็นความจริงได้ ผ่านทางรถ Mazda MX5 Roadster โครงสร้างของ MX-5 NC Roadster-Coupe ใช้โครงสร้างแบบโมโนค็อก วางตำแหน่งเครื่องยนต์ตามยาวด้านหน้า-ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลัง หรือ Front-Midship Engine โดยการวางเครื่องยนต์ลงไปบริเวณด้านหลังของเพลาขับหน้า เพื่ิอทำให้อัตราการกระจายน้ำหนักสามารถส่งประสิทธิภาพไปถึงสมรรถนะของตัวรถ ในขณะที่ขับขี่อย่างสูงสุด ตัวถังของมันกว่า 60% ใช้เหล็กกล้าประเภท Ultra High Tensile Steel ให้ความแข็งแกร่งของโครงรถเมื่อต้องรับแรงบิดเนื่องจากเป็นรถที่พับหลังคา ได้ ความแข็งแรงของโลหะที่ใช้ทำโครงสร้างยังออกแบบให้รองรับแรงจากเครื่องยนต์ และการทำงานของระบบกันสะเทือน รวมถึงปกป้องผู้โดยสารหากเกิดอุบัติเหตุ โดยวิศวกรที่ออกแบบโครงสร้างยังต้องคำนึงถึงน้ำหนักตัวทั้งหมด ทำให้ MX5 NC Roadster-Coupe มีน้ำหนักเพียง 1075 กิโลกรัม บนตัวถังแบบผสม Coupe-Roadster ถูกพัฒนาสายพันธุ์มาจนถึงรุ่นที่สามแล้ว โดยการใช้แนวคิดที่ผู้ขับขี่จะต้องประสานไปกับตัวรถ ด้วยการออกแบบระบบบังคับเลี้ยวอันแม่นยำเฉียบคม มีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารที่จัดวางอุปกรณ์อย่างลงตัว ง่ายต่อการใช้งาน เมื่อปิดหลังคาวิ่ง MX-5 NC มีความดังจากเสียงภายนอกประมาณ 2.7 เดซิเบล เมื่อใช้ความเร็วประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์ของ Mazda MX-5 NC Roadster-Coupe มีสองขนาดความจุให้เลือก คือ เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ใช้รหัส MZR1.8 มีเรี่ยวแรงประมาณ 126 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดท้วมๆ ที่ 167 นิวตันเมตร - 4,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด อัตราเร่งพอสนุกจาก 0-100 กิโลเมตรใช้เวลา 9.9 วินาที กับความเร็วปลายแบบมิดคันเร่งที่ 198.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนเครื่องอีกตัวที่แรงขึ้นในรถคันทดสอบ คือ เครื่อง MZR 2.0 ปริมาตรความจุ 1,999 c.c. 16 วาล์วให้กำลัง 167 แรงม้าที่ 7,000 รอบต่อนาที มีแรงบิดสูงสุด 190 นิวตันเมตรที่ 5,000 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์ออโต้ 6 สปีด โดยตัวรถรุ่นเกียร์ธรรมดาสามารถกดกันสุดคันเร่งที่ 218 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ทำได้ในเวลา 7.6 วินาที ฝาสูบและเสื้อสูบทำจากอะลูมิเนียม Iron Cylinder Liners, DOHC (Double-Overhead Camshafts) พร้อมระบบแปรผันวาล์วไอดี ระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบซีเควนเชียล ควบคุมการทำงานด้วยอิเล็กทรอนิกส์ Multi Point และระบบจุดระเบิด แบบ Coil On plug อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 10.8:1 ความสูงกระบอกสูบ 83.1 มิลลิเมตร ช่วงชัก 87.5 มิลลิเมตร ระดับของการเปิด-ปิดวาล์วไอดีจะแปรผันอยู่ที่ระดับ 30 องศาเมื่อวัดที่แคมชาร์ป ชุดปรับตั้งวาล์ว เป็นแบบแผ่นชิม ช่วยยืดอายุการใช้งานและบำรุงรักษาต่ำ ลูกสูบเคลือบด้วยสาร Molybdic Anti-Friction Compound เพื่อลดความสึกหรอจากการเสียดสีในห้องเผาไหม้ ระบบแปรผันทางเดินไอดี Variable Intake System (VIS) สร้างแรงบิดให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบบ VIS ถูกปรับแต่งให้เน้นความสำคัญในการลดเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ ในรอบการทำงานที่สูงผ่านท่อไอเสีย แคตเตอร์ไลติกและท่อพักท้าย จึงให้เสียงที่ทุ้มนุ่มแบบเรียบๆ ของเครื่องสี่กระบอกสูบ ระบบกันสะเทือน ด้านหน้าแบบ ปีกนกคู่ ส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงก์ ปรับปรุงระยะ Front Roll Center ลง 26 มิลลิเมตร ซึ่งการปรับปรุงจุดนี้ จะทำให้การหมุนตัวในระหว่างทำการเลี้ยวได้ดีขึ้น ลดการเอียงของตัวรถขณะขับเข้าสู่ทางโค้งด้วยความเร็วสูง โช้คอัพถูกอัพเกรดขึ้นไปใช้โช้คชั้นดีของเยอรมัน ยี่ห้อ Bilsteni ระบบห้ามล้อเหมาะสมดีกับกำลังของเครื่องยนต์และน้ำหนักของตัวรถ ด้านหน้าใช้จานดิสเบรก ขนาด 290 มิลลิเมตร ส่วนด้านหลังมีขนาดย่อมลงมาเล็กน้อยที่ 280 มิลลิเมตร พร้อมด้วยระบบช่วยเบรก TCS-Traction Control System ช่วยลดอาการหมุนฟรีของล้อขับเคลื่อนคู่หลัง รวมถึงระบบช่วยในการทรงตัว DSC-Dynamic Stability Control ช่วยป้องกันตัวรถไม่ให้หลุดออกนอกโค้งแต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในลิมิตที่สมองกลจะ ปรับการทำงานช่วย เกินกว่านี้ก็ตัวใครตัวมัน แต่หากเชื่อมั่นในฝีมือการขับของตนเองว่าเจ๋งพอ สามารถปิดสวิตช์การทำงานของระบบช่วยการทรงตัวต่างๆ คราวนี้ท่านก็จะได้สัมผัสความรู้สึกโดยตรงกับอัตราการกระจายน้ำหนักแบบ 50/50 ซึ่่งรถยนต์น้อยคันในยุคนี้จะทำได้แบบมัน MX-5 NC มีภายในที่ดูดีขึ้นมาก โดยเฉพาะพวงมาลัยสามก้านหุ้มหนังติดแป้น Paddle Shift และหน้าปัดวัดรอบและความเร็วที่มีเข็มชี้ลงด้านล่างแบบสปอร์ตคาร์สมัยโบราณ บางรุ่นของ Alfa Romeo ตำแหน่งของท่านั่ง กับการวางแป้นคันเร่งและเบรกอยู่ในระดับที่ดี แม้จะค่อนข้างต่ำกว่ารถทั่วไปแต่ให้อารมณ์และความรู้สึกของรถยนต์แบบ Roadster ได้เป็นอย่างดี คันเบรกมือถูกออกแบบให้อยู่ใกล้กับมือซ้ายมากจนเกินไป มันกลายเป็นที่ถูกอกถูกใจพวกนักขับที่ชอบใช้เบรกมือช่วยเมื่อต้องการเลี้ยว หรือ Drift ให้เฉียบคม เบาะแบบสปอร์ตมีรูปทรงค่อนข้างเล็กคล้ายกับรุ่น NA หุ้มด้วยหนังแท้และนั่งขับได้อย่างกระชับมั่นคงดีมาก บนทางตรงยาว ช่วงล่างที่ค่อนข้างกระด้างของ MX-5 NC ส่งผลให้อาการของมันออกมาในแบบที่นักขับทุกคนต้องการ ซึ่งตรงกันข้ามกับพวกรักสบายที่ควรหลีกมันให้ไกล รูปแบบของรถกับสัดส่วนที่มีความสมมาตร ตำแหน่งการนั่งของคนขับที่อยู่ตรงกึ่งกลางตัวรถ รวมถึงอัตราการกระจายน้ำหนักที่ยอดเยี่ยมบนตัวเลข 50/50 ทำให้ Roadster จากเมืองฮิโรชิมาคันนี้มีความเสถียรอย่างสูงสุด แม้จะใส่ยางที่มีหน้ากว้างแค่ 205 บนล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว แต่อาการต่างๆ ที่ส่งถ่ายถึงมือของคนขับกลับบอกอะไรบางอย่างได้ชัดเจนมากจนคล้ายกับ Z4 พัฒนาการของตัวรถกว่า 20 ปี จากรุ่นแรกสู่รุ่นที่สามทำให้การขับ MX-5 ดีขึ้นกว่ารุ่นแรกจนเทียบกันไม่ติด Mazda MX-5 NA รุ่นแรกสุดที่ออกมาในปี 1989 อาจให้อารมณ์ที่ดิบเถื่อนมากกว่าเล็กน้อย แต่ความสมบูรณ์แบบกลับสู้เจ้า GEN-3.5 คันล่าสุดไม่ได้เมื่อเจ้าตัวใหม่มีเครื่องยนต์และเกียร์ที่เหนือกว่าอย่าง ชัดเจน ความสัมพันธ์ระหว่างรถยนต์ และคนขับ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน นักขับที่ประสบความสำเร็จในอาชีพทดสอบรถยนต์ ต้องหลอมรวมตัวเองให้เป็นหนึ่งเดียวกับรถทดสอบ ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดคือ KiKi ศักดิ์ นานา นักขับรถดริฟท์มืออันดับต้นๆ ของประเทศไทย ซึ่งต้องสไลด์รถให้เกิดอาการท้ายปัดอย่างรุนแรง แล้วประคองพวงมาลัย คันเร่ง ทิศทางและความเร็วให้มีความสมดุลอย่างสูงสุด ปัจจัยหรือตัวแปรส่วนใหญ่แล้วไม่ได้ขึ้นกับรถแข่งหรือรถทดสอบเสมอไป คนขับที่อยู่หลังพวงมาลัยจึงต้องใช้ประสาทสัมผัสของตัวเองในการทำเรื่องดัง กล่าวให้มีความสมบูรณ์ สำหรับ MX-5 NC ของค่าย Zoom Zoom รถ Roadster รุ่นใหม่คันนี้ให้การตอบสนองที่ชัดเจนกว่าเดิม จากช่วงล่างที่พัฒนามาเป็นอย่างดี การกดคันเร่งอย่างต่อเนื่องจะทำให้มันกลายเป็นรถยนต์ที่ขยันทำรอบมากกว่า ปกติ แม้เพียงแค่นิดเดียวที่น้ำหนักถูกกดลงไปยังคันเร่ง เกียร์ออโต้ 6 สปีด จะลดตำแหน่งลงทันทีพร้อมๆ ไปกับรอบเครื่องที่กวาดขึ้นอย่างร่าเริง ส่วนท้ายของรถจะออกอาการที่ไวมากกว่าปกติ ซึ่งทำให้ต้องระวังกันพอสมควร แต่ล้อคู่หน้าที่จิกเกาะกับผิวถนนอย่างมั่นคง ทำให้ผมสามารถผ่านโค้งมุมแคบบางโค้งไปได้อย่างฉิวเฉียด มันเป็นรถที่มีกำลังพอเหมาะพอควร ไม่แรงมากจนพาเจ้าของไปจบเห่หรืออืดเป็นเต่าคลานจนน่ารำคาญ กำลัง 167 แรงม้า บนน้ำหนักตัวที่ 1.1 ตัน เหมาะสมมากเมื่อต้องผจญกับทางขึ้น-ลงเขาโหดๆ ที่อุดมไปด้วยทางโค้ง การถ่ายเทน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมแม้จะเป็นรถเปิดประทุน ช่วงล่างที่แข็งกระด้างสุดๆ ยังให้ความรู้สึกถึงการยึดเกาะจนอาจทำให้คุณใส่มันหนักข้อขึ้นไปอีก รถทดสอบคันนี้เป็นรุ่น ปี 2009 และมีน้ำหนักตัวมากกว่าสองรุ่นที่ผ่านมาจากอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงเครื่องยนต์ 2,000 ซีซีกับหลังคาโลหะแบบพับเก็บได้ ตัวรถมีความหรูหราน่าใช้งานจากการดีไซน์และรูปแบบของการจัดวาง มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้ MX-5 ทั้งสามรุ่นเหมือนกันคือตำแหน่งและทรงของมาตรวัด การจัดวางปุ่มหรือสวิตช์ต่างๆ และอุปกรณ์สำหรับการเปิด-ปิดหลังคา ส่วนสมรรถนะนั้นในรถรุ่นใหม่ย่อมดีขึ้นจากนวัตกรรมการขับเคลื่อนที่ถูกปรับ ปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อทำให้มันมีความสมบูรณ์แบบ รถ MX-5 NC ควบคุมได้ง่ายกว่า พวงมาลัยให้สัมผัสที่ชัดเจนแม้จะค่อนข้างไวไปสักนิดที่ย่านความเร็วสูง อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ใน 7.6 วินาที ยังทำให้มันมีการเร่งและออกตัวใกล้เคียงกับ MINI Cooper S R56 แต่ควบคุมได้เฉียบคมกว่าเล็กน้อยจากการส่งกำลังที่ล้อคู่หลัง ผิวถนนที่ไม่เรียบส่งผลกระทบโดยตรงที่ย่านความเร็วสูง เกิดจากช่วงล่างที่ถูกเซตมาในแนวทางสปอร์ต ส่วนอาการหน้าดื้อโค้งคงต้องใส่กันสุดๆ มันถึงจะเกิดขึ้น ข้อดีของเจ้า MX-5 NC คือมันปราศจากอาการยุบหรือย้วยอย่างสิ้นเชิงเมื่อเบรกเต็มกำลังพร้อมไปกับ การหักเลี้ยวแบบกะทันหัน เกียร์เซมิออโตเมตริก 6 สปีด ยังมีอัตราทดที่เข้ากันกับย่านของกำลังแรงบิด โดยเน้นไปที่การคงรอบเอาไว้ให้นานกว่าปกติ ก่อนจะเปลี่ยนตำแหน่งของอัตราทดขึ้นไปสู่เกียร์ที่สูงกว่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างน่าแปลกใจและมันขับได้ดีพอๆ กันกับ BMW Z4 23i ซึ่งมีราคาแพงกว่าถึง 1 เท่าตัว MX-5 ทุกรุ่น ถูกออกแบบให้เป็นรถที่ขับสนุก สัมผัสที่ได้รับจะนำพาคุณให้ย้อนกลับคืนไปสู่อดีตอันรุ่งเรืองของรถเปิด หลังคาในยุค 1960 ทุกสิ่งทุกอย่างของมันเชื่อมโยงการขับขี่ให้เข้าถึงแก่นแท้ของคำว่ารถยนต์ ได้อย่างเหลือเชื่อ มันไม่ได้แรงบ้าพลังจนเกินเหตุ และมีราคาสมเหตุสมผลพอที่คนทั่วไปจะไขว่คว้าหามาครอบครอง ซึ่งเป็นเหตุผลที่ดีและทำให้มันกลายเป็นเจ้าของสถิติโลกด้านยอดขายสูงสุดใน รถยนต์แบบเปิดประทุน มันคือตัวตายตัวแทนที่เข้ามาจุดประกายให้ค่ายรถอื่นลอกเลียนแบบแต่ไม่มีค่าย ใดทำได้เหมือนหรือแม้แต่ใกล้เคียง ทั้งราคาค่าตัว การขับขี่และค่าบำรุงรักษา การออกตัวอย่างรวดเร็วด้วยเกียร์ต่ำสามารถทำให้รถ MX-5 พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างมั่นคง คันเร่งน้ำหนักเบาแบบพอดิบพอดีบวกกับพวงมาลัยที่สื่อสารระหว่างคนขับและถ่าย ทอดความรู้สึกจากสภาพถนนโดยส่งผ่านช่วงล่างขึ้นมาถึงวงพวงมาลัยในทุกย่าน ความเร็ว ทำให้มันกลายเป็นรถเล็กที่น่าขับมากที่สุดคันหนึ่งในยุคนี้ ผมไม่แนะนำให้ขับแบบดริฟท์บนถนนที่มีผู้คนอื่นๆ ใช้ทางร่วมกัน และเมื่อคุณใช้ความเร็วสูงบนรถสปอร์ตคันเล็กๆ สิ่งแรกสุดที่ต้องคำนึงถึงคือการมองให้ไกลและเพิ่มความระมัดระวังไม่หลง ระเริงไปกับความเร็วที่มันมอบให้ คือสิ่งที่จำเป็นในการป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด คุณอาจพบว่าในพุ่มไม้ข้างทางมีจักรยานยนต์กำลังโผล่ออกมาแบบไม่ได้มองมาทาง คุณ ผิวทางที่มีหลุมบ่อขนาดยักษ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นจากฝีมือของรถสิบล้อบรรทุก เกิน หรือแม้แต่เหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้นอย่างต้นไม้ล้มขวางถนนเพราะลมพายุใน ฤดูฝน การเตรียมพร้อมรับสถานการเมื่อต้องขับเร็วมากกว่าปกติจะช่วยให้คุณเดินทางไป ถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย และไร้สิ้นซึ่งรอยขีดข่วนทั้งปวงบนรถของคุณ Mazda MX-5 NC เปิดโอกาสให้ผมได้ลองใช้เทคนิคใหม่ๆ ในการเข้าโค้งด้วยการรักษาระดับของ ความเร็วให้พอดีกับรูปแบบของทางโค้ง กดคันเร่งสวนลงลึกเมื่อใกล้ถึงสุดปลายของโค้งจนท้ายรถออกอาการ มันเป็นรถที่จะแจ้งเตือนให้คุณได้รับรู้ถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใส่ มันหนักจนเกินลิมิต ส่วนท้ายที่เริ่มขาดการยึดเกาะ แม้จะเป็นล้อขับเคลื่อนแก้ได้ไม่ยากหากไม่บ้าจนเกินขอบเขต ยาง Bridgestone Potenza MY01 ขนาด 205/45R17 แม้จะมีเนื้อที่ค่อนข้างแข็งแต่กลับให้สัมผัสที่แท้จริง เมื่อมันทำงานร่วมกับช่วงล่างแข็งๆ ทุกอย่างจึงดูเร็วและไวไปหมด ไม่ว่าจะเป็นหลุมบ่อ รอยต่อของผิวถนน ลอนคลื่นที่เกิดจากรถบรรทุกหนักบนทางลาดยางมะตอย อาจทำให้คุณแปลกใจที่สามารถรับรู้สภาพของผิวถนนได้อย่างชัดเจนผ่านพวงมาลัย สำหรับคนที่ชอบนั่งรถนิ่มสบายก้นอาจดูเลวร้าย แต่สำหรับพวกมือซิ่งที่ชอบใช้ความเร็วสูงอยู่เป็นประจำ จะชอบและติดอกติดใจในรสชาติของกันสะเทือนแบบสปอร์ตบนเจ้า MX-5 NC โช้คอัพอันลือชื่อ ยี่ห้อ Bilstein ยังช่วยให้รุ่น NC GEN-3.5 คันทดสอบมีประสิทธิภาพด้านการซับแรงสะเทือนได้ดี แต่มาตกม้าตายกับสปริงที่แข็งสุดๆ มันแข็งจนช่วงล่างของรถอย่าง MINI Cooper S R56 ดูอ่อนปวกเปียกไปเลย กลไกของชุดหลังคาแข็งแบบพับได้มีความเรียบง่ายไม่สลับซับซ้อนเหมือนกับ Mercedes Benz SLK หรือแม้แต่ BMW Z4 E89 น้ำหนักของชุดหลังคาที่เบามากกว่าเพียงแค่ 35 กิโลกรัม ส่งผลให้มันทำงานได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ปลดล็อกแล้วกดสวิตช์ มันจะพับเก็บหรือกางออกเพื่อปิดคลุมในเวลาเพียงแค่ 15 วินาที หลังคาเปิด-ปิดได้อย่างนิ่มนวลไร้การกระแทกใดๆ ทั้งสิ้น และเมื่อมันเริ่มทำงานแทบจะไม่ได้ยินเสียงหึ่งๆ ของมอเตอร์เลยแม้แต่น้อย การขับ MX-5 แบบเปิดหลังคาจะเชื่อมโยงคุณให้เข้าใกล้กับธรรมชาติรอบข้างได้ดียิ่งขึ้น ความรู้สึกที่ผิดแปลกแตกต่างไปจากการขับขี่รถสปอร์ตแบบหลังคาปกติ จะทำให้คุณเพลิดเพลินจนไม่อยากลงจากรถ จักรกล Mazda MX-5 ทุกรุ่น เหมาะสมกับการเดินทางที่ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบเสมอไป เพียงแค่ขับมันไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วต่ำซึ่งเป็นย่านความเร็วที่มีความสมดุล กับรถยนต์แบบเปิดประทุน คุณจะพบตัวเองอยู่ในโลกของจินตนาการแห่งการขับขี่เดินทาง และทำให้ทุกคนที่ได้ลองขับมันรับรู้ถึงคำว่า รถที่ดีนั้นเป็นอย่างไร ขอขอบคุณ: ไทยรัฐออนไลน์ ที่ให้ความอนุเคราะห์ข้อมูลจากคอลัมน์ Man & Machine |
เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้
ประเภทคุกกี้ อ่านเพิ่มเติม ที่นี่ |
ยินยอม / ไม่ยินยอม |
---|---|
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ (Strictly Necessary) |
|
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์ (Functionality) |
|
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์ (Performance & Analytics) |
|
คุกกี้เพื่อการตลาด (Marketing) |