ลองขับ MITSUBISHI MIRAGE ตัวเล็กแต่เผ็ดร้อน
ทดลองขับยานยนต์คนเมืองขนาดกะทัดรัด ราคาประหยัด
Mitsubishi Mirage ยนตรกรรม
ECO CAR สุดฮิตในโครงการคืนภาษีรถคันแรกที่คว้ายอดจองถล่มทลายนับหมื่นคัน ตอนแรกกับการรีวิว รูปทรงตัวถัง ภายในเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ช่วงล่าง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกฯ...
คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ให้การสนับสนุนการลงทุนในโครงการ ECO CAR โดยค่ายรถที่ผ่านข้อกำหนดจะต้องผลิตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงไม่เกิน 5 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร มีมาตรฐานด้านมลภาวะในระดับ EURO 4 หรือสูงกว่านั้น และปล่อย CO2 ไม่เกิน 120 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร รวมถึงมีความปลอดภัยของโครงสร้าง เมื่อเกิดอุบัติเหตุชนปะทะที่ด้านหน้าหรือด้านข้างตัวรถ ตามข้อกำหนดของ Unece Reg 94-95 ทำให้ Mitsubishi Mirage กลายเป็นรถยนต์แบบ ECO CAR คันที่สาม ต่อจาก
Honda Brio และ
Nissan March มันถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิดของรถ Mirage ในยุคแรก ด้วยการตอบสนองต่อการใช้งานทั้งในเมืองและการวิ่งทางไกล ด้วยสมรรถนะที่สมราคา อุปกรณ์การใช้งานที่ครบครันเกินหน้าเกินตาค่าตัว แม้จะเป็นเพียงแค่ ECO CAR คันเล็กๆ ก็ตาม
การพัฒนาที่เกิดขึ้นจากค่าย Mitsubishi Motor ส่งผลให้รถเล็กอย่าง Mirage กลายเป็นยนตรกรรมที่เพียบพร้อมสำหรับเป็นรถคันแรกของทุกคน โครงสร้างของตัวถังแบบ RISE Body เอกสิทธิ์เฉพาะของ Mitsubishi วางคานกันกระแทกที่บานประตูทั้งสี่ โดยเสริมความแข็งแกร่งและลดแรงบิดตัวของโลหะ ด้วยเหล็กที่เหนียวเป็นพิเศษ High Tensile Steel ตามข้อกำหนดของ Unece Reg 94-95 ส่วนมิติตัวถังของรถ Mirage นั้น มีความยาวรวม 3,710 มิลลิเมตร กว้าง 1,665 มิลลิเมตร และสูง 1,490 มิลลิเมตร และเมื่อเปรียบเทียบกับ
Nissan March แล้ว รถ
Mitsubishi Mirage จะสั้นกว่าเล็กน้อยที่ 70 มิลลิเมตร เตี้ยกว่าอีก 25 มิลลิเมตร รูปทรงของรถเล็กคันนี้อาศัยหลักการออกแบบ โดยคำนึงถึงค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานของอากาศ ที่เข้ามากระทำกับด้านหน้าทั้งหมด ไล่ไปจนถึงแนวหลังคาที่ลาดเอียงเทลงไปยังส่วนท้าย สัดส่วนด้านหน้าของมันยังคล้ายกับใบหน้าของเด็กเล็ก โดยมีโคมไฟหน้าและชิ้นสปอยเลอร์หน้าที่ถูกออกแบบให้มีมุมมองอ่อนโยน ช่องดักลมที่หน้ากระจัง เพื่อทำให้อากาศไหลผ่านไประบายความร้อนให้กับห้องเครื่องยนต์ รวมถึงใต้ท้องของ Mirage ก็ยังใช้แนวคิดที่เหนี่ยวนำเอาระบบอากาศพลศาสตร์มาใช้ เพื่อทำให้กระแสลมไหลลื่นอย่างเป็นระเบียบอีกด้วย การกระทำดังกล่าวมีส่วนช่วยในด้านอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เพราะตัวถังที่ลู่ลมเมื่อรวมกับน้ำหนักตัวที่เบาและเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ทำให้มีปริมาตรการใช้เชื้อเพลิงลดลง
ด้านข้างของตัวถัง
Mitsubishi Mirage ใช้เส้นนำสายตาลากทแยงจากซุ้มล้อไปจนจดไฟท้าย มือจับประตูและกระจกมองข้างยังคงใช้โทนสีเดียวกับรถ กระจกบานประตูหลังมีขนาดเล็กลงจากการออกแบบแนวหลังคาที่ลาดเอียงไปยังส่วนท้ายรถ Mitsubishi Mirage คันทดสอบใส่ล้ออะลูมินั่มอัลลอยลาย 7 ก้านสีเงิน ขนาดขอบ 14 นิ้่ว พร้อมยาง Bridgestone รุ่น Ecopia ไซส์ 165/65R14 ทั้งสี่ล้อ เป็นยางขนาดเล็กที่เน้นการลดแรงเสียดสีกับผิวถนนแต่ยังคงประสิทธิภาพของการยึดเกาะไม่แตกต่างจากยางแบบปกติ แก้มหน้ายังมีไฟเลี้ยวสีขาวติดมาให้เพื่อเพิ่มมุมมองให้กับรถคันอื่น ขณะต้องการเปลี่ยนทิศทาง รูปทรงแบบ 5 ประตูแฮตช์แบคยังคงมีความอเนกประสงค์ เมื่อต้องเปิดฝาท้ายพับเบาะหลังเพื่อขนสัมภาระชิ้นโตๆ
สัดส่วนบริเวณด้านหลังหรือบั้นท้ายของ Mitsubishi Mirage ใช้ไฟท้ายกรอบสี่เหลี่ยมแบบหลอดธรรมดาขนาดกำลังพอดี วางตำแหน่งอยู่ที่มุมทั้งสองข้างโดยมีฝาท้ายพร้อมมือจับเปิด-ปิดที่ใช้โทนสี เดียวกับตัวรถอยู่ตรงกลางตามสไตล์ของรถ 5 ประตู กระจกบานหลังมีขดลวดละลายฝ้าในกระจก พร้อมใบปัดน้ำฝนด้านหลังเพื่อช่วยทำความสะอาดตัวกระจกบานหลังเมื่อต้องวิ่งฝ่าสายฝน สปอยเลอร์หลังชิ้นใหญ่ วางตำแหน่งของกรอบป้ายทะเบียนไว้ยังบริเวณด้านล่าง ส่วนสปอยเลอร์ชิ้นบนที่ติดอยู่กับมุมบนของขอบกระจกบานหลังเป็นตำแหน่งของไฟเบรกดวงที่สาม ซึ่งใช้หลอดแบบ LED สีขาว ให้ความสว่างยามกดเบรก และสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนในระยะไกล ฝาท้ายของเจ้า Mitsubishi Mirage ยังเปิดออกได้ด้วยมุมที่กว้างมากกว่าปกติ พื้นที่ภายในที่กว้างถึง 235 ลิตร ยังใช้เก็บถุง Golf หรือกระเป๋าเดินทางใบโตได้อย่างสะดวกโยธิน หากพับเบาะหลังก็ยังสามารถใส่จักรยานแบบพับได้อีกด้วย
แม้จะเป็นเพียงแค่ ECO CAR แต่ภายในห้องโดยสารของ
Mitsubishi Mirage กลับครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่มีรูปแบบเรียบง่าย เบาะนั่งหุ้มด้วยผ้าเนื้อดีสีเทา-ดำ มีขนาดค่อนข้างใหญ่ทำให้นั่งได้อย่างสบายเนื้อสบายตัว เบาะคู่หน้าปรับตั้งด้วยกลไกเลื่อนเข้า-ออก หรือยกขึ้น-ลง ตำแหน่งของการนั่งขับค่อนข้างสูงคล้ายกับรถ MINI MPV พวงมาลัยสามก้านหุ้มไวนิลไม่มีปุ่มหรือสวิตช์ใดๆ ทั้งสิ้น พลาสติกคอนโซลกลางกับแดชบอร์ดอยู่ในระดับกลางๆ ส่วนช่องแอร์ทรงกลมบริเวณมุมทั้งสองข้างของชุดคอนโซลมีงานดีไซน์ที่ลงตัว กึ่งกลางคอนโซลวางชุดเครื่องเสียงระบบสั่งงานด้วยการสัมผัสไปที่หน้าจอ มีทั้ง CD / MP3 / AM-FM / รวมถึงระบบนำทางและกำหนดพิกัดด้วยดาวเทียม ช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์เล่นเพลงจากภายนอกอยู่ใต้ช่องเก็บของตอนหน้าของเบาะผู้โดยสาร สามารถเชื่อมต่อ iPod ได้อย่างสะดวก ผ่านการคอนโทรลด้วยปลายนิ้วที่หน้าจอแบบสัมผัส
มาตรวัดเรียบง่ายและมีขนาดเล็กกะทัดรัด เหมาะสมกับขนาดและมิติของห้องโดยสาร มาตรวัดความเร็วอยู่ตรงกลางมีขนาดใหญ่เพื่อการอ่านค่าที่ชัดเจน ส่วนมาตรวัดรอบมีมิติที่ย่อมลงมาและวางตัวอยู่ที่มุมด้านซ้ายติดกับมาตรวัดความเร็ว พวงมาลัยแบบสามก้านของ Mitsubishi Mirage สามารถปรับตั้งระยะของความสูง-ต่ำได้ แต่ปรับระยะไกล-ใกล้ไม่ได้ แป้นคันเร่งและเบรกวางตัวอยู่ในระดับที่พอดีกับการวางเท้าโดยไม่มีแป้นพักเท้าติดมาให้ สำหรับ Mitsubishi Mirage ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ใช้ร่องเกียร์แบบหยักเพื่อป้องกันความสับสนขณะใช้งาน แถมยังมีช่องเสียบเพื่อปลดตำแหน่งเกียร์ P ไปยังเกียร์ N เมื่อต้องจอดรถในที่คับแคบและจอดซ้อนคัน สำหรับเข็นได้อย่างสะดวกสบาย แผงประตูใช้พลาสติกคุณภาพปานกลางและมีสวิตช์กระจกไฟฟ้าติดตั้งเพื่อความง่าย ในการใช้งาน วัสดุบุภายในที่ใช้ปูพื้นรถเป็นพรมสีดำ ส่วนงานบุหลังคาเป็นวัสดุสังเคราะห์สีครีมที่ช่วยซับเสียงได้ดี ระบบปรับอากาศใน
Mitsubishi Mirage GLS เป็นแบบดิจิตอล สั่งงานด้วยการกดไปที่ปุ่มพัดลม โหมดการกระจายความเย็น และปุ่มเพิ่มหรือลดอุณหภูมิ
Mitsubishi Mirage เป็นรถยนต์ที่เน้นความประหยัดด้านอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง จัดเป็นยนตรกรรม ECO CAR ที่พัฒนามาเพื่อตอบสนองต่อการใช้งานภายในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรคับคั่ง มันถูกตั้งสายการผลิตในประเทศไทยและดำเนินการส่งออกไปขายทั่วโลก โดยเริ่มที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม 2555 สำหรับรถ Mitsubishi Mirage ที่วางขายในประเทศ วางเครื่องยนต์สามกระบอกสูบปริมาตรความจุเพียง 1.2 ลิตร เครื่องยนต์ขนาดเล็กของมันจึงมีตัวเลขความสิ้นเปลืองที่ต่ำกว่ารถทั่วไป เครื่อง DOHC 3 สูบ MIVEC ให้กำลัง 65 แรงม้า ติดตั้งระบบ Idling Stop เนื่องจากมีน้ำหนักเพียงแค่ 870 กิโลกรัม (เบากว่า Nissan March 80 กิโลกรัม) อัตราสิ้นเปลืิองเฉลี่ย 23.8 กิโลเมตร ด้วยระบบ Jc08 Mode ทำให้มันได้เปรียบเชิงกลศาสตร์ เมื่อมิติตัวถังกับน้ำหนักตัวและกำลังแรงบิดจากเครื่องยนต์อยู่ในขนาดที่มีความสมมาตรสูง โดยเฉพาะตัวเลขสัมประสิทธิ์แรงต้านทานอากาศที่ค่อนข้างดี รวมถึงการใช้ยางหน้าแคบเพื่อลดแรงต้านทานกับผิวถนนอีกด้วย เครื่องยนต์ 3 สูบ ส่งแรงบิดไปยังเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT รองรับด้วยช่วงล่างด้านหน้าอิสระแมคเฟอร์สัน สตรัท โช้คอัพ สปริง เหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม ระบบห้ามล้อ ด้านหน้าใช้จานดิสเบรกกับคาร์ลิปเปอร์อัลลอย ด้านหลังใช้ดรัมเบรก เนื่องจากเป็นรถขนาดกะทัดรัด มีน้ำหนักตัวไม่มาก จึงไม่จำเป็นต้องใช้จานดิสหลังเหมือนกับด้านหน้า
ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ให้มาแบบจัดเต็มกับระบบกุญแจอัจฉริยะ KOS ทำให้การล็อกหรือปลดล็อกบานประตูและฝาท้ายรวมถึงการสตาร์ตหรือดับเครื่องยนต์มีความสะดวก ปุ่มสตาร์ตใกล้กับหน้าปัดส่วนล่างมุมขวาแบบ Push Engines Switch Botton สั่งการสตาร์ตเครื่องยนต์ด้วยการกดเบาๆ เพียงแค่ครั้งเดียว ระบบพับหรือกางกระจกมองข้างอัตโนมัติ ไฟหน้าปิดตัวเองเมื่อผู้ขับดับเครื่องยนต์ ระบบใบปัดน้ำฝนที่ปรับตัวเองไปตามสปีดความเร็วของรถ ปัดน้ำฝนต่อเนื่องสองครั้งเมื่อเข้าเกียร์ถอย ระบบล็อกประตูอัตโนมัติหากไม่มีการเปิดประตูภายใน 30 วินาที หลังกดปุ่มปลดล็อกสัญญาณไฟเลี้ยวและไฟเตือนในหน้าปัดกะพริบ 3 ครั้ง ระบบหน่วงเวลาปิดไฟในห้องโดยสาร 15 วินาที ระบบหน่วงเวลาเปิด-ปิดกระจกไฟฟ้า หลังจากดับเครื่องยนต์ กระจกไฟฟ้าสามารถเปิด-ปิดได้อีก 30 วินาที
ทดสอบรถ ECO CAR ยอดนิยม Mitsubishi Mirage GLS Auto ตอนที่สองสภาพการขับขี่ใช้งานจริงในกรุงเทพมหานคร สมรรถนะ ประสิทธิภาพ บนราคาค่าตัวของรุ่นสูงสุดที่ 546,000 บาท โดนใจคุณหรือไม่ เชิญติดตาม
7 วันกับการอยู่กับเจ้าตัวเล็กน่ารัก ด้วยเรือนร่างที่กะทัดรัดทำให้ Mitsubishi Mirage GLS Auto คันทดสอบ ขับได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวสำหรับถนนหนทางในกรุงเทพมหานคร บนน้ำหนักตัวเพียงแค่ 800 กิโลกรัมนิดๆ กับพลังแรงบิด 100 นิวตันเมตรหรือ 10.2 กิโลกรัม / เมตร จากเครื่องสามสูบ 78 แรงม้า เจ้า Mirage มีอัตราเร่งตีนต้นช่วงออกตัวไม่อืดอาดชักช้าจนน่าเบื่อ และให้การตอบสนองต่อการเร่งช่วงออกจากสัญญาณไฟแดงค่อนข้างดี พวงมาลัยให้สัมผัสที่เบาจนแทบจะไม่ต้องออกแรงหมุนเมื่อมันจอดอยู่กับที่ ทำให้การเลี้ยวเข้าออกจากที่คับแคบกระทำได้อย่างง่ายดาย แต่ที่ย่านความเร็วสูงคงต้องระวัง เพราะอาการที่ค่อนข้างสับสนและเบาจนขาดสัมผัสที่ดี พวงมาลัยไฟฟ้าของมันเหมาะกับการขับขี่ใช้งานในเมือง ที่ต้องอาศัยความคล่องตัวซอกซอนไปตามสภาพการจราจรในย่านความเร็วต่ำ รวมถึงการเข้าออกในที่คับแคบ ยาง Bridgestone Ecopia ขนาด 14 นิ้ว ไซส์ 165/65/R14 มีหน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนแค่พอได้อาศัย หากอยากได้การยึดเกาะที่เพิ่มมากขึ้นต้องเปลี่ยนขอบล้อไปที่ 15 นิ้วพร้อมยางที่มีหน้ากว้างมากกว่า แต่อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ก็จะเพิ่มตามขนาดของล้อและยางไปด้วย เนื่องจากเป็นตัวแปรที่ค่อนข้างตรง เมื่อต้องการพื้นที่ในการยึดเกาะ แรงต้านจากยางขนาดใหญ่จะทำให้กินเชื้อเพลิงมากขึ้นนั่นเอง
สิ่งที่ต้องระมัดระวังใน
Mitsubishi Mirage คือการใช้ความเร็วสูง แล้วหักพวงมาลัยเปลี่ยนทิศทางแบบกะทันหัน ฐานล้อสั้นและขนาดของยางที่เล็กทำให้มันมีอาการค่อนข้างไว บนความเร็วเดินทางที่เหมาะสมในระดับ 100 -120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อขับขี่ทางไกลๆ จะทำให้คุณสามารถขับขี่รถเล็กแบบวิ่งทางยาวๆ ได้ดีและปลอดภัยมากกว่าจะใส่กันชนิดไม่บันยะบันยังตลอดทาง ที่ระดับความเร็วในเมืองประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รอบเครื่องยนต์จะอยู่ที่ 1,800 รอบต่อนาที รอบเครื่องยนต์ที่ต่ำพอๆ กับรถเครื่องยนต์ 1.5 บางรุ่น เมื่อวิ่งที่ย่านความเร็วดังกล่าวช่วยให้อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของมันมีตัวเลขที่หรูหรา และมันสามารถวิ่งใช้งานด้วยความเร็วปกติแบบเปิดแอร์ประมาณ 22 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งนับว่าประหยัดใช้ได้เลยทีเดียว
ระบบส่งกำลังของ Mitsubishi Mirage คันทดสอบ วางเกียร์อัตโนมัติแบบสายพานหรือ CVT หรือ Continously Variable Transmission ควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ ให้ความรู้สึกเรียบๆ ไหลลื่น เกียร์อัตโนมัติ CVT ของ Mitsubishi Mirage ยังมีระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ INVECS III Intelligent and innovative vehicle electronic control system นำข้อมูลของผู้ขับขี่มาทำการประเมินวิเคราะห์ลักษณะนิสัยของการขับขี่เพื่อประมวลผลในการเปลี่ยนอัตราทด เกียร์ของ Mitsubishi Mirage ถูกออกแบบให้มีความเหมาะสมและทำงานร่วมกับแรงบิดที่ส่งจากเคริื่องยนต์ขนาดเล็กกะทัดรัดได้ดี รองรับการออกตัวด้วยความเร็ว และให้อัตราทดที่เข้ากับความเร็วได้ค่อนข้างสมบูรณ์ การออกตัวที่ไม่อืดอาดทำให้รถคันนี้ขับได้ง่ายและคล่องตัวในทุกสภาวะของการใช้งานภายในเมืองใหญ่ๆ อย่างกรุงเทพมหานครอีกด้วย
ห้องโดยสารและอุปกรณ์อยู่ในระดับมาตรฐานรถยนต์ราคาประหยัดทั่วๆ ไป ตำแหน่งของท่านั่งค่อนข้างสูงคล้ายนั่งขับรถ MINI MPV ทำให้คุณสุภาพสตรีที่มีเรือนร่างเล็ก สามารถนั่งขับและมองเห็นได้เป็นปกติเหมือนรถทั่วๆ ไป จากการออกแบบตำแหน่งท่านั่งที่ถูกยกให้มีความสูงบนตำแหน่งของการนั่งขับ มากกว่าปกติ ทัศนวิสัยมุมมองรอบคันจึงอยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะกระจกบานหน้าขนาดใหญ่ที่เปิดมุมมองโล่งๆ ของด้านหน้า กระจกบานหลังข้างประตูที่สอบลงจากการออกแบบ ไม่ก่อให้เกิดปัญหายามใช้งานจริงเมื่อต้องเปลี่ยนทิศทาง ที่สะดวกมากคือกระจกมองข้างพับและปรับได้ด้วยระบบอัตโนมัติ เมื่อลงจากรถแล้วกดรีโมตกุญแจเพื่อล็อกประตู กระจกมองข้างจะพับตัวเก็บทันที คอนโซลกลางใช้พลาสติกขึ้นรูปสีดำ มาตรวัดขนาดเล็ก ใช้มาตรวัดความเร็วขนาดพอดีวางตัวให้อ่านค่าได้ง่าย พวงมาลัยสามก้านปรับสูงต่ำได้แต่ปรับไกลใกล้ไม่ได้ ท่านั่งที่สูงโด่งยังช่วยทำให้มองเห็นส่วนหน้าทั้งหมด ระบบปรับอากาศในรถคันทดสอบซึี่งเป็นรุ่นท็อป ใช้แอร์จอแบบดิจิตอลกดปุ่มสั่งงานเมื่อต้องการปรับพัดลมหรือความเย็น โหมดทำงานที่ครอบคลุมของระบบแอร์ดิจิตอลใน Mirage ยังช่วยให้แอร์ปรับได้หลายทิศทาง แต่ช่องแอร์ตรงกลางที่มีดีไซน์ค่อนข้างเล็กมีผลกระทบกับทิศทางและความแรงของพัดลมอยู่บ้าง
ชิ้นงานที่โดดเด่นภายในห้องโดยสารของ
Mitsubishi Mirage คือ คอนโซลกลางที่ใช้พลาสติกสีดำเงาล้อมกรอบเครื่องเสียงแบบระบบสัมผัส จอขนาด 7 นิ้วให้ความคมชัดในระดับพอใช้ได้ ภายในบรรจุเครื่องเล่น CD / MP3 / AM FM ระบบนำทางและกำหนดพิกัดด้วยดาวเทียมที่ใช้งานได้ง่ายเนื่องจากเป็นภาษาไทย ระบบนำร่องของ Mitsubishi Mirage มีรายละเอียดข้อมูลเส้นทางและสถานที่สำคัญทั่วประเทศ อ่านค่าและปรับตั้งได้ง่าย มีโปรแกรมการเข้าและออกจากเมนูด้วยภาษาไทย กับสัญลักษณ์ที่สามารถเข้าใจและเรียนรู้การใช้งานโดยใช้เวลาไม่นานนัก แผนที่ 3D ของระบบนำทางยังช่วยให้การขับเข้าไปยังพื้นที่ที่ไม่คุ้นชินมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
รถ Mirage มีฐานล้อยาว 2,450 มิลลิเมตรซึ่งค่อนข้างสั้น มันใช้พวงมาลัยไฟฟ้าแบบ EPS ช่วยลดการทำงานของเครื่องยนต์ เนื่องจากไม่มีจุดต่อเชื่อมเพื่อนำกำลังของเครื่องยนต์มาหมุนปั๊มไฮดรอลิกส์ ทำให้รถ Mirage มีตัวเลขการสิ้นเปลืองที่ดี ความจุถังเชื้อเพลิงประมาณ 35 ลิตร ซึ่งเป็นถังที่มีความเหมาะสมกับขนาดและน้ำหนักของตัวรถ พวงมาลัยให้สัมผัสในระดับทั่วๆไปของพวงมาลัยไฟฟ้า ขณะที่จอดอยู่กับที่จึงเน้นไปที่ความเบาสบายในการหมุนเพื่อเข้า-ออกทางที่คับแคบ การกลับรถในตรอกซอกซอยขนาดเล็กทำได้อย่างน่าประทับใจ ส่วนการทรงตัวที่ย่านความเร็วสูง หากเป็นถนนสองเลนสวนกันที่มีรถบรรทุกคันโตวิ่งสวนด้วยความเร็วคงต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากกว่าปกติ ลมปะทะที่ด้านข้างอาจส่งผลกระทบไปถึงการทรงตัวบ้างเมื่อวิ่งเร็วๆ ส่วนการเก็บเสียงทำได้ในระดับมาตรฐานรถเล็กทั่วๆไป เจ้า Mirage มีความจุถังเชื้อเพลิงประมาณ 35 ลิตร ซึ่งเป็นถังที่มีความเหมาะสมกับขนาดและน้ำหนักของตัวรถ มันสามารถใช้เชื้อเพลิงซึ่งเป้นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91-95 รวมถึงเชื้อเพลิงแบบ E20 ที่มีราคาถูกกว่า
สรุปโดยรวมแล้ว รถ
Mitsubishi Mirage เป็นยนตรกรรม
ECO CAR ที่มีความเหมาะสมกับยุคสมัยที่แปรเปลี่ยนไป มันคือยานยนต์คนเมืองที่สามารถตอบสนองการใช้งานภายในเมืองใหญ่ทั่วโลกได้ดี มิติตัวถังที่เล็กกะทัดรัดช่วยให้การขับขี่มีความคล่องตัว เครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่มีปริมาตรความจุแค่ 1.2 ลิตร กับกระบอกสูบที่หายไป 1 สูบ เมื่อรวมเข้ากับน้ำหนักของตัวรถและระบบส่งกำลัง มีความพอดีและอยู่ในการใช้งานทั่วๆ ไป ทั้งการขับขี่ไปทำงานในชีวิตประจำวัน รวมถึงการขับทางไกลเพื่อพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์กับครอบครัวหรือพรรคพวก เพื่อนฝูง หากคุณมีความสนใจและกำลังมองหารถยนต์ที่มีความประหยัดและมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมาให้แบบครบๆ ลองไปหาขับทดสอบดูตามโชว์รูมของ Mitsubishi ทั่วประเทศ เจ้านี่คือรถยนต์คืนภาษีในโครงการรถคันแรกที่มีสมรรถนะและประสิทธิภาพใกล้ เคียงกับคู่แข่งที่กำลังทำตลาดอยู่ในขณะนี้ เลือกซื้อ Mitsubishi Mirage รุ่นที่สูงสุดเอาไว้ก่อน คุณจะได้รายละเอียดของภายในและภายนอกที่มีความน่าใช้งานในระดับที่เหมาะสม กับราคาค่าตัวของมันนั่นเอง
ขอขอบคุณ: ไทยรัฐออนไลน์ที่ให้ความอนุเคราะห์ข้อมูล จากคอลัมน์
Man & Machine