ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

x
icon-filter ค้นหารถยนต์
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

รีวิว Mercedez Benz C250 Coupe Edition แรง หรู ปลอดภัย

icon 21 พ.ย. 56 icon 86,096
รีวิว Mercedez Benz C250 Coupe Edition แรง หรู ปลอดภัย
MERCEDES BENZ C250 COUPE EDITION
ทดลองขับ ดวงดาวแห่งความฝัน Mercedes Benz C-Class C250 Coupe Edition 1 จักรกลตราดาวในตระกูล C-Class กับรุ่นสปอร์ตคูเป้สองประตู เทคโนโลยี BlueEFFICIENCY พลัง 204 แรงม้า 0-100 ใน 7.2 วินาที
หลังจากการเปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2011 กระแสความแรงของ C250 Coupe จากแบรนด์ตราดาวพุ่งทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง สมรรถนะที่ถูกปรับแก้ให้ดีขึ้น รูปทรงที่งดงามส่งถ่ายงานสปอร์ตสองประตูบนเรือนร่างที่มีความกลมกลืน สัดส่วนของบั้นท้ายที่เคยสั้นกุดในสองรุ่นที่ผ่านมา ถูกแก้ใขให้เหมาะสมกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ Mercedes Benz เพิ่มความยาวของฝากระโปรงหลังออกไปอีกเพื่อลบเลือนภาพลักษณ์แบบแฮตช์แบคที่ติดตัวมาตั้งแต่รุ่นก่อน ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์รุ่นใหม่ขนาด 1.8 ลิตรอัดเทอร์โบที่ม่ีสมรรถนะเทียบเท่าเครื่อง 2.5 ลิตร ระบบรองรับบึ้กขึ้นอย่างชัดเจน ชุดส่งกำลังแบบ 7 สปีดที่มีความพอเหมาะพอดีกับย่านของพลัง และชุดแต่ง Edition 1 เน้นอารมณ์สปอร์ตเต็มรูปแบบ


Mercedes Benz Sport Coupe C-Class CL203 2000-2005
ในเดือนตุลาคม 2000 Mercedes Benz เปิดตัว Sport Coup? C-Class (รหัส CL203) รถยนต์นั่งสามประตูที่มีรายละเอียดบนพื้นฐานปกติของ C-Class W203 รุ่นสี่ประตู รถ Sport Coupe C-Class (รหัส CL203) ออกทำตลาดในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเริ่มต้นเมื่อปี 2001 ขณะที่ C-Class รุ่นซีดานกลับได้รับความนิยมสูงกว่าจากพื้นที่ของการใช้สอยภายในห้องโดยสารที่กว้างมากกว่า รถรุ่น coupe มีสปอยเลอร์หลังติดตั้งที่ท้ายอันสั้นกุดคอยช่วยเพิ่มแรงกดบนล้อหลังเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง รวมถึงรุ่นพิเศษหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา ตัวเลือกเครื่องยนต์เบื้องต้นประกอบด้วยรุ่นเครื่องยนต์ปกติและรุ่นติดตั้ง ระบบอัดอากาศแบบซุปเปอร์ชาร์จ หรือ Kompressor เริ่มจาก C 230 C 180 (139 PS) C220 (143 PS), C 200 ในปี 2003 Mercedes-Benz เพิ่มรุ่น C 180 Kompressor ตามด้วย CGI C 200 ในปี 2003 และในที่สุดก็ปล่อยรุ่นเครื่องยนต์เล็กสุดอย่าง C 160 Kompressor ตามออกมาในปี 2005 รถ C 230 Sport Coupe ที่ขายในประเทศไทยถูกขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์เบนซิน 2.3 ลิตรสี่สูบ มีกำลัง 143 กิโลวัตต์ (192 แรงม้า) กับแรงบิด 270 นิวตันเมตร (200 ปอนด์-ฟุต)


Mercedes Benz Sport Coupe CLC-Class 2008-2010
Sport Coupe CLC-Class รุ่นที่สองเปิดผ้าคลุมในปี 2008 รถสามประตูรุ่นนี้ ถูกนำเสนอในงาน 2008 Mercedes-Benz Fashion Week ณ เมืองเบอร์ลิน สายการผลิตอยู่ในประเทศบราซิลที่โรงงานของค่ายตราดาว ใน Juiz de Fora ใกล้กับรีโอเดจาเนโร แม้ว่า CLC จะใช้แพลตฟอร์มของ W203 แต่ได้รับการปรับปรุงโฉมใหม่ทั้งหมด ด้านหน้าใช้กระจังหน้าทรงเหลี่ยมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่น W204 C-Class ด้านหลังใช้ไฟท้ายขนาดใหญ่ขึ้น ลบความโค้งมนและเติมสัดส่วนที่เน้นเหลี่ยมมุม พร้อมกับการปรับแต่งอื่นๆ รายละเอียดใหม่ที่เป็นชิ้นงานมากถึง 1,100 ชิ้นส่วน รวมทั้งระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าที่ยืมมาจาก SLK-Class ประตูและหลังคาถูกยกมาจาก Sport coupe การตกแต่งภายในเป็นส่วนใหญ่ยังคงคล้ายกับ Sport Coupe รุ่นแรก ในปี 2009 CLC มีรุ่น 160 ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ BlueEFFICIENCY ตามด้วยรุ่น CLC 250 ก่อนจะยุติสายการผลิตในปี 2010


Mercedes Benz C250 BuleEFFICIENCY Coupe Edition 1 2012

Coupe รุ่นที่สามเปิดตัวในปลายปี 2011 ช่วงฤดูหนาว เป็นการปรับภาพลักษณ์ทั้งหมดของรุ่นสามประตูในอดีตให้เหลือเพียงแค่สองประตู แบบคูเป้แท้ๆ ซึ่งจะขึ้นไปชนกับ Series-3 Coupe แทนที่จะชนกับ Compact เหมือนสองรุ่นในอดีตที่ผ่านมา ด้านหน้าของ C250 BuleEFFICIENCY Coupe Edition 1 2012 ที่นำเข้าโดย Mercedes Benz Thailand ถูกปรับเปลี่ยนแต่ยังคงใช้ไฟหน้าและชิ้นส่วนบางชิ้นร่วมกับรุ่นสี่ประตู ไฟหน้า Intelligent Light System ปรับมุมมองของไฟต่ำและไฟสูงให้มีความเหมาะสมกับสภาพการขับขี่ ระบบจะปรับมุมไฟโดยอัตโนมัติ ครอบคลุมได้ถึงห้ารูปแบบเส้นทาง ส่วนไฟ LED Day Light Runing วางตัวอยู่ภายในสปอยเลอร์มุมล่างของไฟหน้า กระจังหน้าพลาสติกสีเงินขนาดใหญ่แปะตราสัญลักษณ์ดวงดาวตรงกึ่งกลางเหมือนกับบรรพบุรุษในยุค 1960 แต่มีรูปแบบที่ทันสมัยมากกว่า ชายล่างของสปอยหน้ามีตะแกรงพลาสติกสีดำสื่ออารมณ์สปอร์ตบนแนวทางคูเป้ ทำออกมาได้ดุดันสมกับเป็นรุ่นที่จะต้องท้าชนกับ Series-3 E92



ด้านข้างไหลลื่นจากเส้นสายที่ไร้รอยต่อ แนวหลังคาลาดเอียงสมส่วนด้วยบั้นท้ายที่ลงตัว เส้นนำสายตาจากแก้มข้างลากไปจนเกือบถึงแนวไฟท้าย เป็นเส้นทะแยงจากล่างขึ้นบน บานประตูขนาดใหญ่ ขึ้นลงได้สะดวกกว่ารุ่นสี่ประตูจากความใหญ่ของบานประตูที่มีเพียงแค่สองบาน ล้อแม็กขนาด 18 นิ้วจาก AMG ลาย 7 ก้าน 5 รูน็อต ล้อหน้าลงยางต่างไซส์กับล้อหลัง ขนาด 225/40/R18 ส่วนล้อหลังซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อนใส่ยางโตขึ้นที่ 255/35/R18 เป็นยางคุณภาพสูงยี่ห้อ Continental รุ่น Contisport contact 3 ยางสำหรับสปอร์ตคาร์โดยเฉพาะ หลังคาของรถทดสอบ C250 BuleEFFICIENCY Coupe Edition 1 2012 เป็นหลังคาแบบ Panoramic ทำจากกระจกสีเข้ม มีซันรูฟไฟฟ้าและแผงกันลมที่รับเอามาจากรุ่นเปิดประทุน ช่วยลดเสียงลมปะทะยามวิ่งเปิดซันรูฟ ขอบกระจกหุ้มด้วยอัลลอยสีเงินดูมีสง่าราศีมากขึ้นเมื่อกระทบกับแสงแดด 



สัดส่วนบั้นท้ายลงตัวจากรูปแบบคูเป้ที่เปลี่ยนทรงมาจากแฮตช์แบ็กสามประตูท้ายสั้นกุด ในสองรุ่นแรก รถ C250 BuleEFFICIENCY Coupe Edition 1 2012 วางไฟท้ายสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่เลนขาว-แดง ทำจากพลาสติกโพลิเมอร์เนื้อดี ใช้หลอดไฟแบบ LED เพื่อความคงทนในด้านอายุการใช้งานและให้ความชัดเจนมากกว่าหลอดแบบปกติ ฝาท้ายขนาดใหญ่มีตำแหน่งที่เปิดฝาท้ายอยู่ตรงกึ่งกลางใต้ขอบพลาสติกโครเมียมสีเงิน เหนือตำแหน่งติดป้ายทะเบียน ภายในฝาท้ายยังคงมีพื้นที่สำหรับการขนสัมภาระมากเกือบเท่ารุ่นสี่ประตู กันชนหลังมีชิ้นงานพลาสติกสีดำวางตำแหน่งของท่อระบายไอเสียแบบเดี่ยวไวที่มุมด้านซ้าย


งานตกแต่งภายในของ C250 BuleEFFICIENCY Coupe รุ่นพิเศษ Edition 1 แตกต่างจากรุ่นปกติอยู่พอสมควร เบาะนั่งหุ้มหนังแท้สีดำเดินตะเข็บด้วยด้ายสีขาว พนักพิงศีรษะและรูปแบบสปอร์ตสุดขั้วทำให้นึกถึงเบาะของซุปเปอร์คาร์ หรือรถแข่งพลังสูง เบาะคู่หน้าปรับระดับสูงต่ำ เข้าออก ได้ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำเพื่อบันทึกท่านั่งได้ถึงสามรูปแบบ เบาะโดยสารตอนหลังยังมีพื้นที่ในการวางเท้าและพื้นที่เหนือศีรษะอยู่พอสมควร เบาะตอนหลังแยกตำแหน่งออกจากกันตามแบบอย่างของชาติพันธุ์รถคูเป้ชั้นดีจากยุโรป แต่ท่านั่งที่ค่อนข้างจมลึก และแนวเสาหลังอาจทำให้รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง 




แผงคอนโซลหุ้มหนังเดินตะเข็บโทนเดียวกับเบาะทั้งสี่เพื่อความกลมกลืน และลดการสะท้อนของแสงแดด คอนโซลทรงเหลี่ยมวางตำแหน่งของจอมัลติฟังก์ชั่นเอาไว้ตรงกึ่งกลาง หน้าปัดมาตรวัดล้อมกรอบด้วยงานอัลลอยที่เน้นคุณภาพของการประกอบในระดับสูงจากวัสดุที่เลือกใช้ หน้าปัดมาตรวัดและชุดควบคุมอุณหภูมิที่ใช้ร่วมกันสำหรับ Mercedes Benz ยุคใหม่ ช่วยลดต้นทุนในสายการผลิตลงได้อย่างน่าพอใจ ถึงแม้จะค่อนข้างจำเจอยู่บ้างเมื่อมันเหมือนกันเกือบทุกรายละเอียด มาตรวัดใช้โทนแสงสีขาว อ่านค่าได้ชัดเจน มาตรวัดความเร็วขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง พร้อมวางจอแสดงผล MID หรือ Multi Information Display ออกแบบให้สวยงามและอ่านค่าได้อย่างชัดเจน มีหน้าที่แจ้งเตือนการทำงานของระบบต่างๆ ภายในตัวรถที่เยอะมากนับสิบนับร้อยรายการ รวมถึงการปรับตั้งค่าการทำงานของระบบไฟ ระบบแจ้งเตือนรองรับการขับขี่ที่ปลอดภัย การทำงานของเครื่องยนต์ เชื้อเพลิงในถังและระยะทางที่สามารถแล่นไปถึงฯลฯ



จอแสดงผลขนาด 4.5 นิ้ว รองรับเนวิเกเตอร์หรือระบบนำทางและกำหนดพิกัดด้วยดาวเทียมพร้อมการเชื่อมต่อ แจ้งเตือนสถานที่สำคัญ เช่น โรงแรม ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง จุดแวะพักและสถานที่สำคัญต่างๆ ทั่วโลก ทำงานสองรูปแบบโทนสีทั้งกลางวันและกลางคืน รองรับระบบเครื่องเสียง แสดงผลปกแผ่นเสียงที่บันทึกอยู่ใน iPod เชื่อมต่อระบบสั่งงานด้วยเสียงของโทรศัพท์บูลทูธ ชุดเครื่องเสียงเป็นของยี่ห้อ Harman Kardon แบบ Logic 7 พร้อมช่องเชื่อมต่อ Media Interface มีทั้ง USB AUX และ iPhone / iPod




พวงมาลัยแบบสามก้านหุ้มหนังสีดำสลับขาวในรูปแบบของรุ่นพิเศษ Edition 1 พร้อมงานตกแต่งสวิตช์ด้วยวัสดุโลหะและพลาสติกสำหรับปุ่มควบคุมต่างๆ พวงมาลัยทำงานด้วยระบบไฟฟ้าแปรผันน้ำหนักไปตามความเร็วและโหมดที่ใช้ในการขับขี่ หลังวงพวงมาลัยมีแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ Paddle Shift ออกแบบให้กดได้อย่างง่ายดายด้วยนิ้วโป้งหรือนิ้วชี้ แป้นเปลี่ยนเกียร์ถึงแม้จะมีขนาดที่เล็กแต่วางตำแหน่งอยู่ในจุดที่มีความสมดุล ทำให้ใช้งานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ซุ้มเกียร์ออโต้ 7 สปีดแบบ 7G Tronic หัวเกียร์แปะตราสัญลักษณ์ดวงดาว ห่อหุ้มคันเกียร์ด้วยงานหนังแท้สีดำ เดินตะเข็บคู่ด้วยด้ายสีขาว ทำให้มีมุมมองคล้ายกับรุ่นเกียร์ธรรมดา หากไม่สังเกตตำแหน่งของการเข้าเกียร์ที่ด้านขวา



เครื่องยนต์ของ C250 BuleEFFICIENCY Coupe Edition 1 มาพร้อมเครื่องเบนซินขนาด 1.8 ลิตร รหัส M271 พร้อมเทคโนโลยีใหม่ของระบบขับเคลื่อนแบบใหม่จาก Mercedes Benz ที่ใช้ชื่อว่า BuleEFFICIENCY บล็อกเครื่องทำจากอะลูมินัมอัลลอย แบบ 4 สูบเรียง 1,796 ซีซี  204 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 310 นิวตันเมตร ที่ 2,300-4,300 รอบต่อนาที ระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบแปรผันพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ จ่ายเชื้อเพลิงตรงหรือ Direct Injection อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ใน 7.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 7 สปีด หรือ 7 G Tronic Plus กลไกแบบ Torque Converter Lock-up Clutch รุ่นใหม่ล่าสุด กับชุด Hydraulic circuit แบบใหม่ ระบบรองรับด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้กอัพ เหล็กกันโคลง ส่วนกันสะเทือนหลังเป็นแบบมัลติลิงก์ สปริง โช้กอัพและเหล็กกันโคลง ระบบเบรก คาร์ลิปเปอร์อัลลอย พร้อมจานดิสด้านหน้าขนาด 310 มิลลิเมตร ส่วนจานหลังขนาด 290 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,760 มิลลิเมตร ความสูง 1,406 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,770 มิลลิเมตร ความยาว 4,590 มิลลิเมตร น้ำหนักรถเปล่า 1,550 กิโลกรัม พื้นที่เก็บสัมภาระ 450 ลิตร ความจุถังเชื้อเพลิง 59 ลิตร ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 4,099,000 บาท

การทดลองขับดวงดาวแห่งความฝัน Mercedes Benz C-Class C250 Coupe Edition 1 จักรกลตราดาวในตระกูล C-Class กับรุ่นสปอร์ตคูเป้สองประตู เทคโนโลยี BlueEFFICIENCY พลัง 204 แรงม้า

C-Class Coupe Edition 1 มีโครงสร้างที่แข็งแกร่งด้วยแนวคิดด้านระบบความปลอดภัยสูงสุด แชสซีตัวถังใช้โลหะผสมที่มีความแข็งแรงมาเป็นชิ้นส่วนตัวถังกว่า 70% ฝากระโปรงด้านหน้าผลิตจากอะลูมินัมอัลลอย มีความแข็งกว่าเหล็กทั่วไปถึง 3 เท่า มีน้ำหนักเบากว่าเหล็ก 9.2 กิโลกรัม สำหรับรุ่นคูเป้ยังใช้แก้มหน้าอะลูมินัมอัลลอยด้วยเช่นกัน แผงหลังของห้องโดยสาร รวมถึงชิ้นส่วนที่ต้องรับแรงกระแทกหากเกิดการชนปะทะที่ด้านหน้า เรือนร่างที่ค่อนข้างปราดเปรียวเพรียวลมของ C250 Coupe Edition 1 มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานอากาศที่ 0.26 ซึ่งนับว่าต่ำมากกว่ารถยนต์ทั่วไปอยู่พอสมควร ใต้ท้องรถยังใช้วัสดุปิดกั้นกระแสลมเพื่อทำให้รถมีความเสถียรเมื่อต้องวิ่งที่ย่านความเร็วสูง ชิ้นส่วนของช่วงล่างยังมีพลาสติกปิดกั้นสิ่งสกปรก พลาสติกดังกล่าวยังถูกใช้ในห้องเครื่องยนต์และขอบของตัวถังอีกด้วย




เมื่อเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร ก็จะพบกับงานประกอบชิ้นส่วนภายในที่ประณีต ตำแหน่งของการนั่งปรับได้เตี้ยมากเท่าที่ต้องการ พวงมาลัยปรับไกล ใกล้ สูง-ต่ำได้กว้างครอบคลุมสรีระของผู้ขับขี่ กระจกบานหน้าที่ลาดเอียงมากกว่ารุ่นซีดานกับวัสดุอุปกรณ์สีสันของภายใน ส่งถ่ายความรู้สึกที่ดี รวมถึงการใช้งานพวกปุ่มสวิตช์ต่างๆ ที่จัดวางโดยคำนึงถึงประโยชน์ของการใช้สอยในระดับสูง พวงมาลัยทรงสามก้านหุุ้มหนังที่ออกแบบให้จับได้กระชับมือจากร่องกริ้บบริเวณนิ้วโป้ง ส่วนตำแหน่งของแป้นคันเร่งและเบรกอยู่ค่อนข้างชิดกัน คันเกียร์ออโต้ 7 G Tronic Plus ยังมีหยักร่องเพื่อป้องกันความผิดพลาดขณะเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ ส่วนคอนโซลกลางคล้ายกับรุ่น E-Class ทั้งชุดเครื่องเสียงและชุดควบคุมอุณหภูมิ


การใช้งานภายในเมือง Mercedes Benz C250 BlueEFFICIENCY Coupe Edition 1 ซึ่งใช้เครื่อง 1.8 ลิตร อัดเทอร์โบ 204 แรงม้า ให้ความรู้สึกที่คล่องแคล่วว่องไวยามออกตัวจากสัญญาณไฟ การเร่งแซงรถช้า หรือการเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนทิศทางยังคงทำได้เป็นอย่างดี ห้องโดยสารมีการปิดกั้นเสียงแปลกปลอมจากภายนอกในระดับพรีเมียม จากวัสดุปิดกั้นเสียงแบบใหม่ที่กระจายอยู่รอบห้องโดยสาร ในรุ่น Mercedes Benz C180 Coupe AMG Dynamic มีระบบ Auto-Start Stop ติดตั้งมาให้จากโรงงาน ส่วนใน C250 BlueEFFICIENCY Coupe Edition 1 ไม่มีระบบดังกล่าวติดมาให้ แม้จะค่อนข้างกินเชื้อเพลิงอยู่บ้างแต่มันช่วยลดความรำคาญที่เครื่องยนต์จะต้องคอยติดๆ ดับๆ อยู่ตลอดเวลาในระหว่างการใช้งาน ซึ่งเกือบทุกครั้งที่มันสตาร์ตตัวเองเมื่อกดคันเร่งจะกระตุกจนรู้สึกได้ เป็นระบบที่ดีที่ช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงและช่วยลดการปล่อย CO2 แต่ยังคงสร้างความรู้สึกที่ไม่คุ้นชินให้กับคนไทยอีกหลายๆ คนที่ชอบแบบเดิมมากกว่า


ในโหมด ECO ซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานในเมือง C250 BlueEFFICIENCY Coupe Edition 1 ที่นำเข้าโดยบริษัท Mercedes Benz Thailand แสดงออกมาให้เห็นกันแบบจะจะเลยว่ามันคือรถที่ขับและนั่งโดยสารได้อย่างสะดวกสบาย บนความหรูหราของวัสดุและอุปกรณ์ตลอดจนภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่สะสมมาตรฐานระดับสูงมานานกว่า 125 ปี อัตราเร่งในโหมดนี้จะออกหยุ่นๆ ไม่กระชับฉับไวแต่ก็ไม่ถึงกับอืดจนน่ารำคาญ รอบเครื่องยนต์ที่ต่ำยังช่วยให้การวิ่งในระดับความเร็ว 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีขึ้นจากเทคโนโลยี BlueEFFICIENCY ซึ่งใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบไดเรคอินเจคชั่นตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ รวมกับท่อไอดีแบบใหม่และระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบ แปรผันได้ตามความเร็วของรอบเครื่องยนต์ สมดุลของการกระจายน้ำหนักส่งผลไปถึงการเปลี่ยนทิศทางแบบกะทันหัน รวมถึงการถ่ายเทน้ำหนัก เมื่อผมลองใช้ความเร็วมากกว่าปกติบนสะพานวงแหวนเพื่อดูระดับของการยึดเกาะ มันเป็นรถที่มีความมั่นคงแม้จะต้องหมุนพวงมาลัยอย่างฉับพลันทันทีเพื่อหักหลบมอเตอร์ไซค์ หรือคนข้ามถนนที่ตัดเข้ามาในทิศทางของการวิ่ง C250 BlueEFFICIENCY Coupe Edition 1 ให้ความมั่นใจและความพึงพอใจในระดับที่ดีสำหรับการใช้งานภายในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพมหานคร



หัวใจของ Edition 1 คันนี้ คือเครื่องเบนซินขนาด 1,796 ซีซี อัดเทอร์โบ ช่วงล่างแบบสปอร์ตและพวงมาลัยแปรผันด้วยไฟฟ้าทำงานประสานกับกำลังในรูปของแรงบิดอย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีเรี่ยวแรงน้อยกว่า 325i E92 รถคู่แข่ง แต่ระบบกันสะเทือน ชุดบังคับเลี้ยว และความรู้สึกขณะควบคุมกลับเหมือนกันอย่างประหลาด ผมนำ C250 BlueEFFICIENCY Coupe Edition 1 ออกวิ่งทางไกลทับเส้นทางเดิมที่เคยทดสอบ BMW 325i E93 เป็นเส้นทางจากถนนพระรามสอง มุ่งหน้าแยกวังมะนาว ผ่านเขาย้อย แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่วนอุทยานแห่งชาติพะเนินทุ่ง ก่อนจะวกกลับมายังเขื่อนแก่งกระจาน หลังจากนั้นจะขับออกไปยังเส้นทางเดิิมจนไปสิ้นสุดที่อำเภอหัวหิน กำลัง 204 แรงม้าของเครื่อง ช่วยให้การขับทางไกลสามารถเร่งความเร็ว แซงหรือการวิ่งคงที่ในระดับ 140-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วงล่างของรถทดสอบคันนี้ให้ความมั่นใจสูง



เกียร์ 7 G Tronic Plus ให้อัตราทดที่ลื่นไหลในทุกโหมด แต่บนโหมดสปอร์ต มันจะเปลี่ยนเกียร์ได้ฉับไวมากที่สุด รอยต่อเนียนและไร้อาการกระชากกระชั้น นอกจากคุณจะลองกดเบรกพร้อมกับคันเร่งไปพร้อมๆ กันก่อนออกตัวคันเร่งในโหมดนี้ไวขึ้นอีก 20% และตอบสนองต่อการกดแม้เพียงแค่เพิ่มน้ำหนักของฝ่าเท้าลงไปที่แป้นแค่นิดเดียว เกียร์จะเปลี่ยนอัตราทดลงต่ำเพื่อสร้างแรงบิดทันที ระบบ ESP ทำงานตามเงื่อนไขที่โปรแกรมไว้ มันจะเข้ามาแทรกแซงทันทีที่รถเริ่มสูญเสียการยึดเกาะ ส่วนระบบความปลอดภัยอื่นๆ เช่นระบบแจ้งเตือนก่อนการเปลี่ยนทิศทางหากมีรถเข้ามาในทิศทางที่เปิดไฟเลี้ยว โดยสัญลักษณ์ลูกศรสีแดงจะกะพริบทันทีที่เซ็นเซอร์ตรวจพบวัตถุบริเวณด้านข้าง มันช่วยให้การเดินทางบนไฮเวย์ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ระบบ Attention Assist และ Lane Keeping Assist ช่วยเตือนคนขับหากเกิดอาการเหนื่อยล้าจากการขับขี่ทางไกล โดยจะแจ้งเตือนเป็นสัญลักษณ์รูปถ้วยกาแฟพร้อมสัญญาณเสียง หากระบบตรวจพบว่ารถเริ่มเบนทิศทางโดยไม่ได้ตั้งใจ ช่วยป้องกันอาการหลับในได้ดีในระดับหนึ่ง




ทางตรงลาดยางมะตอยที่มุ่งหน้าไปยังสันเขื่อนแก่งกระจานในช่วงใกล้ค่ำ มีการจราจรลดน้อยเบาบางลงมากเนื่องจากเป็นวันธรรมดา ผมเร่งความเร็วเมื่อพบกับถนนโล่งๆ ที่ไร้เพื่อนร่วมทาง เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่มทุกครั้งที่ใช้รอบสูงแม้จะเป็นเครื่อง 1.8 ลิตร แต่ท่อระบายไอเสียแบบสปอร์ตที่ถูกปรับตั้งมาเป็นอย่างดี ทำให้สุ่มเสียงของเครื่อง M271 ออกมาคล้ายกับเครื่องหกสูบจากโสตประสาทของหูที่รับฟังได้อย่างชัดเจนเมื่อลดกระจกลง สัมผัสที่เบาสบายแต่มั่นคงของพวงมาลัยในโหมด ECO และ Manual แปรผันน้ำหนักขึ้นอีกเล็กน้อยโดยจะหน่วงให้มีความหนักขึ้นเพื่อเพิ่มความ มั่นใจในโหมดสปอร์ต มันมีความแม่นยำและเที่ยงตรง เป็นงานวิศวกรรมจักรกลที่ต้องผ่านการพัฒนามามากมายกว่าน้ำหนักของพวงมาลัยจะสื่อสารกับผิวถนนและคนขับได้ดีในระดับนั้น ต้นทุนที่สูงลิบของพวงมาลัยแบบ Servo Electro Hydraulic Power Steering ให้ความเฉียบคมของอัตราทดที่ไวจนทำให้มันมีการทำงานที่เหนือกว่าพวงมาลัยพาวเวอร์สายพานแบบเก่าอย่างชัดเจน 


เสียงรบกวนจากยาง กระแสลมและชิ้นส่วนกลไกต่างๆ ถูกกั้นเอาไว้อย่างดี หลังคาแบบ Panoramic ผลิตจากกระจกสีเข้มมีความหนามากพอที่จะกั้นเสียงอันไม่พึงปรารถนา ไม่ให้เข้ามาภายในห้องโดยสาร ยาง Continental Conti sport contact ขนาด 255/35/R18 ที่ล้อคู่หลังมีการทำงานที่น่าประทับใจ ดอกยางลายถี่ยังช่วยทำให้การวิ่งที่ย่านความเร็วสูงมีความเงียบมากขึ้นกว่ายางสปอร์ตรุ่นอื่นๆ อาการต่างๆ ที่ผิวถนนกระทำต่อหน้ายางล้วนมีผลแทบทั้งสิ้นต่อการควบคุม แต่มันโดนระบบกันสะเทือนของ C250 BlueEFFICIENCY Coupe Edition 1 ซึมซับเอาไว้เกือบทั้งหมด รอยต่อคอสะพาน หรือถนนคอนกรีต ยางติดรถรุ่นนี้ก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดี ผมขับมันเลียบคลองชลประทานในแถบอำเภอท่ายาง ความนุ่มนวลของช่วงล่างที่มากกว่า BMW E92 เล็กน้อย ทำให้การวิ่งทางไกลไม่มีอาการเหนื่อยล้าปรากฏออกมาให้เห็น ไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์ไบซีนอนให้ความสว่างในระดับมุมมองที่ต่ำ เพื่อไม่ให้แสงไปรบกวนรถที่แล่นสวนทางมา จนต้องต้องยกสวิตช์ไฟสูงไปตลอดทางตั้งแต่เริ่มออกจากสันเขื่อนแก่งกระจาน



ยุคสมัยที่แปรเปลี่ยนไปพร้อมกับเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ปี 2012 กับความก้าวหน้าของ Mercedes Benz บนเส้นทางยาวไกลกว่า 125 ปี ภาพลักษณ์ของยนตรกรรมเยอรมนีระดับพรีเมียมใช้การปรับดีไซน์เพื่อให้ยานยนต์รุ่นใหม่เหล่านี้มีเรือนร่างที่โดนใจผู้คนมากขึ้น รถ C250 BlueEFFICIENCY Coupe Edition 1 ได้กลายมาเป็นโมเดลที่จะใช้ต่อกรกับคู่แข่งร่วมชาติอย่าง BMW และ Audi ที่มีทั้ง BMW Series-3 E92 กับ AUDI A5 Coupe เจ้าของ C250 Coupe เกือบร้อยละ 90 ไม่ได้ซื้อมันเพื่อใช้ในสนามแข่งและส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง สมรรถนะที่มีจึงทำได้แค่สนุกสนานบ้างเป็นครั้งคราว และเมื่อถึงเวลาที่อยากจะใช้ความเร็วบนความคล่องตัว เจ้า C250 Coupe Edition 1 ก็พร้อมที่จะสนองให้อย่างเต็มเปี่ยมเท่าที่มันสามารถทำได้ อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรใน 7.2 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมงดูจะธรรมดาไปสักนิด แต่อารมณ์ของการพุ่งทะยานยามกดสวนคันเร่งลงลึก การถ่ายเทน้ำหนัก มุมและความแม่นยำในโค้ง ทำให้มันเป็นรถที่ขับง่ายและขับได้อย่างสนุกสนานอีกคันสำหรับยุคนี้ ราคาสี่ล้านนิดๆ ในรุ่น 250 Coupe Edition คุณจะได้ชุดแต่งเสริมความหล่อจาก AMG ทั้งแผงคอนโซล แผงประตู กาบบันได ล้อ 18 นิ้วกับยางซิ่งของ Continental พวงมาลัยและพรมรองพื้นที่แปะตรา Edition 1 บวกกับเครื่องเสียงคุณภาพสูงของ Harman Kardon รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ที่ยังคงเอกลักษณ์ของค่ายตราดาวเอาไว้อย่างเหนียวแน่น มันอาจไม่ใช่รถที่แรงที่สุดบนถนน แต่มันขับใช้งานได้ทุกวัน และมีดีพอที่จะทำให้คุณชอบเมื่ิออยู่หลังพวงมาลัย
ขอขอบคุณ: ไทยรัฐออนไลน์ที่ให้ความอนุเคราะห์ข้อมูล จากคอลัมน์ Man & Machine
แท็กที่เกี่ยวข้อง
CAR GURU
เขียนโดย เช็คราคา.คอม CAR GURU

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)