CHEVROLET SONIC LTZ 5 DOOR
Chevrolet Sonic LTZ 5 Door รีวิวรูปลักษณ์ภายในภายนอก เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง อุปกรณ์อำนวยความสะดวก รุ่นและราคาค่าตัวบนเรือนร่างแบบ 5 ประตูที่พกพาสมรรถนะของรถเล็กมาแบบครบๆ...
ตลาดรถเล็กในประเทศไทยไม่เคยหยุดความร้อนแรง ล่าสุด
Chevrolet เปิดตัว Sonic รถ
Sub-Compact รุ่น 5 ประตู เครื่องยนต์ 1.4 ลิตร ECO-TEC 95 แรงม้า มาพร้อมกับรูปลักษณ์แนวเอาใจวัยโจ๋โดยเฉพาะ ยนตรกรรมแฮตช์แบ็ก 5 ประตูรุ่นใหม่ล่าสุดของค่ายโบว์ไทคันนี้ ยังมีพื้นที่ห้องโดยสารใหญ่โตกว้างขวาง บนเรือนร่างที่กะทัดรัด ใช้โครงแชสซีเดียวกันกับรุ่นซีดาน 4 ประตูที่เปิดผ้าคลุมไปก่อนหน้านี้ ทำให้คู่แข่งทั้ง
Mazda 2 และ
Ford Fiesta รวมถึง
Honda Jazz และ
Toyota Yaris ถึงกับอยู่ไม่ติดกันเลยทีเดียว
Chevrolet Sonic 5 Door ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแข่งขันกับรถยนต์ขนาดเล็กในตลาดทั่วโลก ภายนอกมีเส้นสายรอบคันที่เฉียบคม บนงานประกอบตัวถังที่มีความประณีตถึงแม้จะเป็นรถยนต์ราคาประหยัด 5-6 แสนบาท แต่รูปแบบและอุปกรณ์ภายนอกที่ติดตั้งมาให้จากโรงงานก็ยังคงอยู่ในระดับมาตรฐาน ดีไซน์ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำค่ายด้วยหน้ากระจังสองชั้นแบบ Dual Port แปะตราสัญลักษณ์โบสีทองขนาดใหญ่ ไฟหน้าไม่มีกรอบพลาสติกใสเหมือนรถทั่วไป ดีไซน์แบบใหม่ของไฟหน้าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากจักรยานยนต์แบบซุปเปอร์ไบค์ กรอบของไฟหน้าใช้พลาสติกโครเมียมกับโครงที่ทำมาจากพลาสติกสีดำให้มุมมองที่ดุดันแปลกตา สปอยเลอร์หน้าชิ้นใหญ่คลุมทับด้านหน้าทั้งหมดของ Sonic มุมชายล่างของสปอยเลอร์ยังมีไฟตัดหมอกติดตั้งมาให้จากโรงงานในรุ่น LTZ มันคือรูปทรงด้านหน้าที่ใช้ร่วมกันกับรุ่น 4 ประตู รวมถึงฝากระโปรงที่มีเส้นคมๆ ไล่เรียงมาจากแนวสันของแก้มข้าง บริเวณกึ่งกลางของฝากระโปรงหน้าก็ยังถูกยกขึ้นเป็นเส้นกลางเพื่อเน้นแสงเงา
รุ่น 5 ประตูจะมีส่วนท้ายที่ค่อนข้างทึบและตัน เกิดจากการออกแบบโดยเน้นไปที่สัดส่วนขนาดใหญ่ของบานประตู เสาหน้าลาดเอียงลงเพื่ออากาศพลศาสตร์ที่ดี กระจกหน้าบานโต ขอบกระจกบานข้างประตูในรุ่น LTZ เดินเส้นด้วยโครเมียมสีเงิน ส่วนแนวหลังคาจะค่อยๆ ลาดเอียงลงไปที่ด้านหลัง ซุ้มโป่งล้อขนาดใหญ่ทำออกมาเพื่อรองรับล้อขนาด 16 นิ้ว หรือ 17 นิ้วได้อย่างสบาย สำหรับล้อของ Sonic 5 Door รุ่น LTZ ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุด ใส่ล้ออัลลอยลายสปอร์ตขนาด 16 นิ้ว ยาง Continental รุ่น ContiComfort Contact ไซส์ 205/55/R16 เมื่อมองดูด้านข้างตัวรถจะพบเส้นที่ลากจากซุ้มล้อหน้าทแยงขึ้นบนไปจนถึงเสา C ซึ่งเป็นเสาท้ายรถ ประตูบานท้ายย้ายตำแหน่งมือจับที่เปิดประตูทำจากพลาสติกสีดำ โดยยกขึ้นไปติดไว้บริเวณขอบประตูด้านบน ดีไซน์ของที่เปิดบานประตูหลังดังกล่าวยังคล้ายกับ Alfa Romeo 156 เพียงแต่มือจับที่เปิดประตูของ Sonic 5 Door มีขนาดที่โตกว่ามาก
บั้นท้ายออกแบบได้อย่างลงตัวด้วยกระจกฝาท้ายที่โค้งรับกับฝากระโปรงท้ายซึ่งเป็นประตูบานที่ 5 กระจกฝาท้ายติดตั้งขดลวดละลายฝ้า ใบปัดน้ำฝนหลังและไฟเบรกดวงที่สาม ฝาท้ายยังเปิดออกได้ด้วยมุมที่สูงกว่าปกติเพื่อความสะดวกในการขนสัมภาระ ส่วนที่เก็บสัมภาระภายในมีพื้นที่สองชั้นไว้ให้สาวๆ เก็บรองเท้ากับของกระจุกกระจิกที่ไม่ต้องการให้ไปปะปนกับสิ่งของอื่นๆ เบาะหลังแบบพับเอนราบได้ยังเข้ามาช่วยเพิ่มพื้นที่ให้กับพวกชอบขนได้อย่างจุใจ แม้จะมีขนาดตัวถังที่กะทัดรัด แต่พื้นที่ส่วนหลังซึ่งเกิดจากการออกแบบที่คำนึงถึงประโยชน์ของการใช้สอยได้เข้ามาต่อเติมคุณลักษณะของรถยนต์แบบ 5 ประตูได้อย่างครบถ้วน ไฟท้ายทรงกลมแตกต่างจากตัว 4 ประตูซีดานและมีรูปแบบที่สวยงามเข้ากับสัดส่วนที่โค้งมนของบั้นท้าย สปอยเลอร์หลังมีเซ็นเซอร์สัญญาณถอยหลังที่เชื่อมโยงการทำงานทันทีที่ผู้ขับขี่เข้าเกียร์ถอย เนื่องจากทัศนวิสัยมุมมองด้านหลังที่ค่อนข้างอับทึบจากรูปแบบแฮตช์แบ็กของตัวรถ
กลุ่มเป้าหมายของ
Chevrolet Sonic คือ คนเจเนอเรชั่น วาย (Generation Y) ประกอบไปด้วยผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ทั่วโลก ผู้บริหารระดับเริ่มต้นที่ต้องการพาหนะราคาประหยัด และมีรูปทรงกะทัดรัด กลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มต้นเข้าทำงาน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งคน Generation Y กลุ่มนี้ชื่นชอบการเข้าร่วมสังคม เกาะติดแฟชั่น รักการแสดงออก ชอบเป็นจุดสนใจ และที่สำคัญที่สุดคือรักความสนุก ขณะเดียวกัน คนกลุ่มนี้ยังรักการเปลี่ยนแปลง และชื่นชอบในความแปลกแยกแตกต่างไม่เหมือนใคร ด้วยแนวคิดนี้ Sonic จึงถูกออกแบบมาเพื่อแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกของลูกค้ากลุ่มนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่ความสนุกของการขับขี่ อารมณ์ความรู้สึกดังกล่าวจึงถูกบรรจุอยู่ในรถคันนี้อย่างครบครัน เครื่องยนต์ให้สมรรถนะที่ดีในการใช้งาน ทั้งการขับขี่เดินทาง ช่วงล่างและระบบส่งกำลังออกแบบให้รองรับการขับที่เน้นความปราดเปรียว ภายในตกแต่งด้วยแนวทางการออกแบบที่ทิ้งความซ้ำซากจำเจลงอย่างสิ้นเชิง และ Sonic กล้าหาญพอที่จะนำเอารูปแบบใหม่ๆ ของห้องโดยสารในอนาคตมาปรับใช้ และทำให้มีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับคนสี่คนพร้อมสัมภาระ (ที่ไม่มากนัก) งานตกแต่งภายในของ Sonic รุ่น 5 ประตู คล้ายกับรุ่น 4 ประตูทุกอย่าง คอนโซลกลางทรงสปอร์ต วางตำแหน่งของชุดเครื่องเสียงอยู่ด้านบน เครื่องเสียงใน Chevrolet Sonic เป็นแบบดิจิตอล รองรับการเล่น MP-3 / CD / AM / FM และระบบโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth ที่สามารถเชื่อมต่อการทำงานกับโทรศัพท์เคลื่อนที่จากภายนอกได้ สำหรับภายในของรถทดสอบใช้คอนโซลสีเทาดำแทนที่จะเป็นแบบทูโทนสีส้ม-ดำ เหมือนรุ่น 4 ประตู พวงมาลัยแบบสามก้านหุ้มด้วยไวนิลจับกระชับมือ ให้สัมผัสที่นิ่มมือไม่แตกต่างจากหนังแท้เท่าใดนัก พวงมาลัยยังติดตั้งสวิตช์มัลติฟังก์ชั่นไว้ปรับตั้งเครื่องเสียงและควบคุมการใช้งานของระบบโทรศัพท์อีกด้วย
Sonic มีการออกแบบภายในที่ดีและให้อารมณ์สปอร์ตทันทีที่เข้าไปนั่ง หน้าปัดวัดรอบแบบทรงกลมดีไซน์ใช้เข็มสีแดงบนพื้นดำแบบเรืองแสงในตอนกลางวัน หน้าปัดของ
Sonic ใช้การออกแบบมาจากหน้าปัดของมอเตอร์ไซค์แข่ง ให้ความรู้สึกคล้ายกับเป็นยานยนต์ล้ำสมัยที่ทรงพลัง (ถึงแม้จะไม่แรงเท่าที่ควรก็ตาม) ส่วนกรอบวัดความเร็วใช้ทรงสี่เหลี่ยม จอแจ้งความเร็วแบบดิจิตอลสีฟ้า คอยแจ้งระดับของความเร็วที่แท้จริงเป็นสัญลักษณ์ตัวเลขขนาดใหญ่ที่อ่านค่าได้ง่าย Redline เริ่มจาก 6,500 รอบ ไปจนถึง 8,000 รอบ ใช้เส้นสัญลักษณ์สีแดง มาตรวัดลักษณะดังกล่าวพบเห็นได้ในรถสปอร์ตหรือรถมอเตอร์ไบค์สมรรถนะสูง ที่นิยมให้ความสำคัญกับวัดรอบเครื่องยนต์มากกว่ามาตรวัดความเร็วของรถ เคียงข้างมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ คือหน้าจอที่แสดงผลเป็นตัวเลขดิจิตอล บอกข้อมูลความเร็วของตัวรถในแบบตัวเลขขนาดใหญ่ที่ชัดเจนทุกมุมมอง ทั้งความเร็วรถ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง และตำแหน่งเกียร์ ตลอดจนข้อมูลที่สำคัญอื่นๆ แทนที่จะออกแบบให้แผงมาตรวัดฝังอยู่ในแดชบอร์ดเหมือนรถทั่วไป แต่นักออกแบบได้สร้างสรรค์มาตรวัดทั้งชุดให้แยกออกจากกัน แต่มีการผสมกลมกลืนด้วยรูปแแบบที่ไม่จำเจ เพิ่มกลิ่นอายความสปอร์ตและล้ำสมัยให้แก่ห้องโดยสาร เบาะนั่งในรุ่น LTZ หุ้มด้วยผ้าสีดำ โดยใช้การปรับตั้งตำแหน่งของการนั่งด้วยมือ ส่วนชุดควบคุมอุณหภูมิแบบสามปุ่ม ใช้รูปแบบของการหมุนเช่นปรับความเร็วของพัดลมแอร์ ปุ่มเร่งหรือลดน้ำยาทำความเย็น รวมถึงปุ่มควบคุมทิศทางของการกระจายลมเย็น ที่สามารถปรับตั้งได้หลากหลายไม่แตกต่างจากรถเล็กของญี่ปุ่นแม้แต่น้อย ซุ้มเกียร์ออโต้ 6 สปีดวางตัวอยู่ต่ำลงไปเล็กน้อยจากชุดควบคุมอุณหภูมิ ในรุ่นสูงสุดติดตั้งสวิตช์เปลี่ยนตำแหน่งเกียร์เอาไว้บริเวณหัวเกียร์ด้านบนที่มีการใช้งานได้ค่อนข้างยาก แทนที่จะเป็นแป้นแพดเดิ้ลชิฟหลังพวงมาลัย ช่องเก็บของกระจุกกระจิก ช่องวางแก้วน้ำและกล่องใส่แว่นมีมาให้ครบ สำหรับพื้นที่ในการวางเท้า และพื้นที่เหนือศีรษะก็มีให้อย่างพอเพียงจนทำให้การนั่งโดยสารไปบน
Chevrolet Sonic ไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใดแม้จะเดินทางไกล ภายในและตำแหน่งของการจัดวางเบาะและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ
Chevrolet Sonic วางเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร DOHC รุ่นล่าสุดในสายการผลิตต้นกำลังของค่าย GM ให้กำลัง 100 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที และมีแรงบิด 13.3 กิโลกรัมเมตร ที่ 3,400 รอบต่อนาที จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดแบบมัลติพอยต์ MPFI พร้อมด้วยกลไกแคมชารฟต์แบบแปรผัน แบบ Continuously Variable Cam-Timing ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยส่งแรงบิดจากเครื่องยนต์ไปยังเกียร์ได้อย่างหมดจด ออกซิเจนเซ็นเซอร์รุ่นล่าสุดที่ปรับตั้งมาเพื่อการใช้เชื้อเพลิงอย่างคุ้มค่า รถ Chevrolet Sonic ใช้โซ่ราวลิ้นเพื่อความแข็งแกร่งทนทาน มีอายุการใช้งานที่เหนือกว่าสายพานราวลิ้นแบบผ้าใบผสมยาง ซึ่งอาจขาดได้ในระหว่างทำงานที่รอบสูงเมื่อใช้งานไปนานๆ ระบบส่งกำลังหรือเกียร์ มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดทอร์กคอนเวอร์เตอร์ ชุดเกียร์มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่ถูกออกแบบมาให้มีความคงทนต่อการส่งถ่ายแรงบิดไปยังเพลาหน้า ส่วนกลไกเปลี่ยนอัตราทดในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ใช้การกดไปที่สวิตช์ข้างคันเกียร์ ซึ่งมีรูปแบบการใช้งานที่ต้องอาศัยความคุ้นเคยอยู่บ้าง ระบบรองรับหรือช่วงล่าง ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้คอัพ เหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังใช้ระบบรองรับแบบทอร์ชั่นบีมโช้คอัพ ระบบบังคับเลี้ยว พวงมาลัยแรคแอนพิเนียนพร้อมปั๊มพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรง ระบบห้ามล้อ ด้านหน้าดิสเบรกแบบมีครีบระบายความร้อน ด้านหลังดรัมเบรก
ระบบความปลอดภัย โครงสร้างของแชสซีส์ และตัวถังผลิตจากโลหะคุณภาพสูง ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ถุงลมนิรภัยด้านคนขับในรุ่นปกติ ส่วนรุ่น LTZ มีถุงลมนิรภัยคู่หน้าสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า โครงสร้างหลังคารับน้ำหนักได้ถึง 4 ตัน จากการคำนวณในขั้นตอนของการทดสอบและพัฒนา เข็มขัดนิรภัยแบบ ELR ช่วยลดแรงกระชากเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ระบบ Load Limited เฉพาะรุ่น LTZ จะถูกติดตั้งยังตำแหน่งของผู้โดยสารตอนหน้าและผู้ขับขี่ ระบบพวงมาลัยแบบยุบตัวได้ เพื่อป้องกันการกระแทกกับสรีระของผู้ขับเมื่อเกิดการชนปะทะ
วันที่สามของภารกิจทดสอบ
Chevrolet Sonic LTZ 5 Door หลังจากทดลองวิ่งใช้งานในเมืองสองวันเต็มๆ ก็ถึงเวลาที่จะนำมันออกวิ่งทางไกล รถทดสอบ Sonic คันนี้เป็นรุ่น LTZ 5 ประตูทรงกล่องขนาดกะทัดรัด แต่กลับมีพื้นที่ห้องโดยสารกว้างกว่าที่คิดเอาไว้ตั้งแต่แรก พื้นที่วางเท้าและพื้นที่เหนือศีรษะที่ยังคงเหลืออีกเพียบ แม้ท้ายรถจะสั้นกุด แต่เบาะหลังที่พับเอนราบได้กับพื้นที่เก็บสัมภาระแบบสองชั้นเข้ามาช่วยให้ปริมาตรในการขนของเพิ่มขึ้นอีกพอสมควร ตำแหน่งท่านั่งปรับให้สูงหรือต่ำได้ตามใจชอบ เบาะหุ้มผ้าสีดำแนวสปอร์ต กับงานพลาสติกภายในรวมถึงสีสันของหน้าปัดมาตรวัด ชุดคอนโซลกลางมีเครื่องเสียงและปุ่มควบคุมอุณหภูมิที่ให้แสงสีฟ้าสบายตาน่าใช้งาน แม้กระจกบานหน้าที่ใหญ่โตกว่ารถเล็กทั่วไปจะเอนราบในองศาที่มากกว่าปกติ การออกแบบคอนโซลและการแบ่งพื้นที่ของการใช้สอยทำออกมาได้น่าประทับใจสำหรับรถยนต์แฮตช์แบค 5 ประตูที่มีเรือนร่างไม่ใหญ่โตนัก ขนาดของมันพอฟัดพอเหวี่ยงกับ
Jazz /
Yaris / Fiesta / Mazda2 /
Suzuki Swift ซึ่งเป็นรถเล็ก 5 ประตูที่กำลังแข่งกันสร้างยอดขายอย่างเข้มข้น โดยมีน้องใหม่อย่าง Sonic เข้ามาแทรกกลางด้วยราคา 6.8 แสนบาทในรุ่น LTZ ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุด
ถนนรังสิต องครักษ์ นครนายก ปราจีนบุรี วนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ คือเส้นทางที่ผมจะใช้วิ่งทดสอบทางไกลหลังจากเคยควบรุ่นตัวถัง 4 ประตูไปที่ชลบุรีเมื่อเดือนก่อน รถ Sonic นั้นมีแฮนด์ลิ่งที่ดีเท่าที่รถยนต์ขนาดเล็กควรจะมี การทรงตัวบนทางตรงยาวที่จะมุ่งหน้าไปยังจังหวัดนครนายกให้ความมั่นใจในระดับที่น่าพอใจ คันเร่งไฟฟ้าและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแบบล็อกอัพทอร์คคอนเวอร์เตอร์ รวมถึงพวงมาลัยแบบเพาเวอร์สายพานคือจุดเด่นของรถคันนี้ แม้จะมีเรี่ยวแรงเพียงแค่ 100 แรงม้า บนเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงขนาดเล็กความจุ 1.4 ลิตร อาการช่วงออกตัวก็ยังมีความกระฉับกระเฉงแสดงออกมาให้เห็นเมื่อผมเดินคันเร่งลงลึก การพุ่งตัวจากจุดหยุดนิ่งแบบออกตัวเป็นคันแรกจากสัญญาณไฟจราจร ช่วงต้นๆ จะมีอาการทอร์คสเตียร์ปรากฏให้เห็นบ้างแต่ก็เพียงแค่นิดเดียวเมื่อเดินคันเร่งลงลึกแบบฉับพลันทันที หลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาที มันจะเร่งตัวเองออกจากจุดหยุดนิ่งทันที และทำได้ดีเกือบเท่ารถคู่แข่งทุกคันที่มีปริมาตรความจุสูงกว่า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรใน 10.7 วินาที ในรุ่นเกียร์ออโต้ เป็นตัวเลขที่พอรับได้ แรงบิด 13.3 กิโลกรัมเมตร มาในลักษณะที่แบนและกว้าง โดยที่รอบเครื่องยนต์สามารถลากไปได้ถึง 6,500 รอบก่อนที่สมองกลเกียร์จะสั่งให้เปลี่ยนตำแหน่งของอัตราทดให้สูงขึ้นไปตามจังหวะของรอบสูงสุดในแต่ละเกียร์ที่ประสานไปกับความเร็วของตัวรถ เกียร์ของ Sonic ไหลลื่นคล้ายกับเกียร์ CVT และให้ความรู้สึกที่ไม่มีอาการของการกระตุกกระชากให้เห็น มีเพียงการการเข้าเกียร์จากตำแหน่ง P ไปที่ D หรือ M เท่านั้นที่ยังคงให้ความรู้สึกแบบกลไกและขาดความนิ่มนวลไปหน่อย
การไต่ระดับความเร็วจาก 120 ไปยัง 140 กิโลเมตรต้องใช้เวลากันพอสมควรเนื่องจากขนาดความจุที่เล็กของเครื่องยนต์ ระบบวาล์วแปรผันแบบ Double CVC มีวาล์วไอดีและไอเสียฝั่งละสอง ทำงานร่วมกับหัวฉีดไฟฟ้าที่มีเซ็นเซอร์คอยตรวจจับปริมาณของไอดีเพื่อควบคุมอัตราส่วนของการจ่ายเชื้อเพลิงให้มีประสิทธิภาพ เครื่องยนต์ ECOTEC รหัส A14XFR ที่ไม่มีระบบอัดอากาศมาให้ยุ่งยากในการดูแลรักษา ตัดปัญหาเรื่องความร้อนที่มักเกิดขึ้นในรถติดเทอร์โบซึ่งมีห้องเครื่องยนต์ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า เครื่อง ECOTEC ตัวนี้ถูกพัฒนามาเพื่อให้กำลังที่ดีในรอบต้นๆ ส่วนรอบกลางๆ ถึงปลายจะออกอาการไหลแบบต่อเนื่อง เป็นไปตามลักษณะของเครื่องยนต์ที่เน้นอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ลดลงแทนที่จะเน้นไปในด้านกำลังแรงบิดแบบเครื่องยนต์ติดเทอร์โบ
ผมขับมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ผ่านเขื่อนขุนด่านปราการชล และลัดเลาะไปตามเส้นทางลัดที่จะตัดเข้าสู่วนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นานนับชั่วโมงที่เจ้า Sonic รุ่น 5 ประตูจะต้องวิ่งผ่านทั้งทางตรง ทางคดเคี้ยวที่ตัดผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ในเขตจังหวัดนครนายกที่เชื่อมต่อกับจังหวัดปราจีนบุรี บนทางหลวงจังหวัดหมายเลข 3077 (ถนนปราจีนบุรี-เขาใหญ่) ตรงเข้าสู่ด่านตรวจเนินหอม ระยะทางประมาณจากกรุงเทพฯ ถึงปากประตูของด่านตรวจเนินหอมในเขตปราจีนบุรีประมาณ 160 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่วิ่งเข้าไปยังใจกลางของป่าเขาใหญ่ก่อนจะไปโผล่อีกทางที่อำเภอปากช่องตรงกิโลเมตรที่ 58 เข้าสู่ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2090 (ถนนธนะรัชต์) ที่นี่คือถนนที่มีสองข้างทางเขียวครึ้มมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย การวิ่งผ่านป่าฝนเขตร้อนด้วยพาหนะขนาดเล็กแบบ City Car สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคยทันทีที่ผ่านด่านเนินหอม ถนนบนเขาใหญ่กับรถขับเคลื่อนสี่ล้อคันโต ดูจะเหมาะสมและเข้ากันได้ดีกับภูมิประเทศในแถบนี้ มากกว่าที่จะนำเอาเจ้า Sonic รถยนต์รูปทรงกล่องสี่เหลี่ยมห้าประตูที่ดูเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางยังไงชอบกลมาวิ่งอยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรที่ีเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ ช้างป่าและลิงจ๋ออีกนับสิบนับร้อยตัว ยังไม่รวมกระทิงอีกฝูงที่แผงม้า ฝรั่งหลายคนในรถปิกอัพยกสูงที่กำลังถ่ายภาพสองข้างทางหันมาทำหน้าแปลกใจที่อยู่ๆ ก็มี Chevrolet คันเล็กน่ารักแซงผ่านไป มันค่อนข้างขัดแย้ง แต่โค้งบนเขาใหญ่ก็ยั่วยวนให้เจ้า Sonic วิ่งทดสอบระบบรองรับกับเสถียรภาพของตัวรถ มากกว่าที่จะเอามาวิ่งอยู่แต่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นจนทำได้เพียงแค่คำว่าคลานเท่านั้น
พื้นที่ป่าเขาใหญ่ในแถบทิศเหนือเป็นเหมือนการแสดงความหลากหลายทางชีวภาพที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ มันจะค่อยๆ ไล่ระดับของความสูงชันขึ้นเมื่อเข้าเขตทิศใต้ของวนอุทยานซึ่งเต็มไปด้วยหุบเขาสูงก่อตัวเป็นแนวเขตของที่ราบสูงโคราช มีเขาร่มเป็นยอดเขาสูงที่สุด 1,351 เมตร เขาแหลมสูง 1,326 เมตร เขาเขียวสูง 1,292 เมตร เขาสามยอดสูง 1,142 เมตร เขาฟ้าผ่าสูง 1,078 เมตร เขากำแพงสูง 875 เมตร เขาสมอปูนสูง 805 เมตร และเขาแก้วสูง 802 เมตร ซึ่งวัดความสูงจากระดับน้ำทะเลเป็นเกณฑ์ และยังประกอบไปด้วยทุ่งกว้างสลับกับป่าไม้ที่มีความอุดมสมบูรณ์ ด้านทิศเหนือและตะวันออกพื้นที่จะลาดลง ทางทิศใต้และตะวันตกเป็นที่สูงชันไปเรื่อยๆ จากการสำรวจด้านธรณีวิทยา เขาใหญ่มีพื้นที่รวมทั้งสิ้นราว 3,874,863 ไร่ หรือ 6,155 ตารางกิโลเมตร กว้างใหญ่ไพศาลมากพอที่จะทำให้คนเดินเท้าที่ไม่คุ้นชินกับเส้นทางถึงกับหลงป่าเอาได้ง่ายๆ ส่วนถนนหนทางที่ตัดผ่านมีสภาพดีแม้จะเป็นทางลาดยางสองเลนสวนกันที่ค่อนข้างคับแคบ ทางโค้งบนเขาใหญ่จึงมักเกิดอุบัติเหตุจากรถยนต์ที่วิ่งกินเลนสวนกันกลางโค้ง ผิวทางแม้จะเรียบแต่อุดมไปด้วยโค้งวกไปวนมา กับโค้งลึกๆ ที่ทอดตัวไปตามหุบเขา รถขับเคลื่อนล้อหน้าอย่างเจ้า Sonic กับช่วงล่างแมคเฟอร์สันสตรัทที่มักส่งตรงสภาพผิวถนนสู่ข้อมือคนขับเมื่อพบเจอกับทางที่ไม่เรียบ พวงมาลัยเพาเวอร์สายพานแม้จะกินกำลังเครื่องยนต์อยู่บ้าง แต่ให้สัมผัสที่ดีและเฉียบคมใช้ได้ ผมหักพวงมาลัยด้วยความเร็วที่เหมาะสมกับสภาพของโค้ง โดยเพิ่มความระมัดระวังและขับให้รถวิ่งกินซ้ายนิดๆ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น หากมีรถวิ่งสวนลงเขาแล้ววิ่งกินเลนเข้ามา หลายต่อหลายครั้งผมพบกับรถขับเคลื่อนสี่ล้อคันโตที่ใช้ความเร็วสูงบริเวณกลางโค้ง แล้ววิ่งทับเลนเข้ามาและหากไม่ระวังหรือเตรียมพร้อมให้ดีแล้ว มีหวังตัวถังด้านขวาของเจ้า Sonic อาจจะต้องโดนเฉี่ยวชนอย่างแน่นอน
ชุดส่งกำลังใน
Sonic LTZ 5 ประตู คันทดสอบใช้ระบบคลัตช์แบบมัลติ โดยมีตำแหน่งเปลี่ยนเกียร์ด้วยมือของคนขับเอง เป็นสวิตช์เล็กๆ ข้างคันเกียร์ เมื่อดึงคันเกียร์ลงมาที่ตำแหน่ง M สวิตช์+ / - จะทำหน้าที่ปรับอัตราทดไปตามจังหวะที่ผู้ขับกด โดยแจ้งเตือนตำแหน่งเกียร์ที่หน้าจอใกล้กับตัวเลขของมาตรวัดความเร็ว และเมื่อจะใช้งานต้องละมือซ้ายจากพวงมาลัยมาจับที่คันเกียร์ ทำให้การเปลี่ยนเกียร์ในโค้งค่อนข้างยุ่งยากอยู่พอสมควร ตำแหน่ง M ในเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดของ Sonic เกียร์จะไม่เปลี่ยนให้จนกว่าผู้ขับจะกดเปลี่ยนเกียร์เอง มันสาแก่ใจพวกที่ชอบขับแบบลากรอบ แถมเครื่อง ECOTEC ตัวนี้ ยังมีระบบวาล์วแปรผัน Double CVC คอยสร้างแรงบิดในรอบกลางๆ ไม่ให้ห้อยจนเกินไป ถึงจะเป็นเครื่องยนต์ที่มีความจุเพียงแค่ 1.4 ลิตร แต่เมื่อนำมาวางอยู่ในรถที่มีน้ำหนักตัวเพียงแค่ 1,253 กิโลกรัมในรุ่น LTZ ทำให้ไม่เกินเชื้อเพลิงมากนักเมื่อวิ่งใช้งานในเกียร์ 6 ซึ่งเป็นเกียร์ Overdrive ที่ช่วยลดรอบเครื่องยนต์ไม่ให้สูงจนเกินไป การขับขี่เดินทางที่ความเร็ว 120-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเฉลี่ย 10.7 กิโลเมตรต่อลิตร แต่หากใช้ความเร็วต่ำกว่านั้นจะอยู่ประมาณ 13 กิโลเมตรต่อลิตร ช่วงล่างของ Sonic ก็ให้ความมั่นใจได้ในระดับที่ดีไม่แตกต่างจาก
Ford Fiesta /
Mazda2 แม้แต่น้อย มีเพียงแค่ย่านของกำลังแรงบิดเท่านั้นที่ด้อยกว่า เนื่องจากมีเครื่องยนต์เล็กกว่าคู่แข่งทั้งสองคัน
17.45 น. แสงเริ่มหมดลงอย่างรวดเร็ว ผมวกรถกลับมายังจุดทางออกบริเวณด่านตรวจเนินหอม แล้วใช้เส้นทางเดิมเพื่อมุ่งหน้าไปยังจังหวัดนครนายกด้วยความเร็วที่มากกว่าตอนขามา จุดเด่นของ
Sonic 5 Door อยู่ตรงรูปแบบของห้องโดยสาร การเก็บเสียงและการขับขี่ที่ให้ความรู้สึกมั่นใจในระดับที่ดีสำหรับรถเล็ก แม้พวงมาลัยจะเป็นรอง Fiesta แต่โดยภาพรวมแล้ว มันค่อนข้างใกล้เคียงกันมากในบางจุด เครื่องยนต์ 1.4 ลิตร จะกระฉับกระเฉงขึ้นหากลดน้ำหนักส่วนเกินที่เป็นพวกอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ความแข็งแกร่งของตัวถังจากการออกแบบโครงรถทำให้เครื่องยนต์ของมันต้องแบกน้ำหนักกว่า 1.2 ตันสำหรับการออกตัวอย่างรวดเร็วแบบฉับพลันทันที เครื่องยนต์ 1.4 ลิตร รองรับเชื้อเพลิง E20 ใช้วาล์วที่ออกแบบมาเพื่อลดแรงเสียดทาน เพลาลูกเบี้ยวที่เชื่อมกับเพลาข้อเหวี่ยงใช้โซ่แทนสายพานและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่ามาก บล็อกเครื่อง เสื้อสูบ ทำจากอัลลอย ท่อร่วมไอดีช่วยเพิ่มแรงบิดรอบต่ำได้ดี คอยล์จุดระเบิดแบบไม่ต้องใช้สายหัวเทียนยังช่วยลดการสูญเสียกำลังไฟในแบตเตอรี่โดยไม่จำเป็น วาล์ว EGR ที่หลายค่ายนิยมใช้ ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์สามารถหมุนเวียนไอเสียบางส่วนป้อนกลับเข้าสู่กระบอกสูบได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 6 สปีด ไหลลื่นและมีโหมดชิฟเกียร์ด้วยตัวคนขับเองตรงหัวเกียร์ที่ใช้งานค่อนข้างยากไปนิด ด้วยเงิน 6.7 แสนบาท คุณจะได้รถเล็ก 5 ประตูที่มีการขับขี่สไตล์ยุโรป ภายในที่แปลกแยกแต่สวยงาม ลองไปหาขับทดสอบดูว่าเจ้า Chevrolet Sonic ทั้งรุ่น 4 และ 5 ประตูจะตรงตามความต้องการของคุณหรือไม่
ขอขอบคุณ: ไทยรัฐออนไลน์ที่ให้ความอนุเคราะห์ข้อมูล จากคอลัมน์
Man & Machine