รีวิว Mazda 3 1.6 L เน้นประหยัดแบบสปอร์ต

หลังจากที่ Mazda 3 รุ่น 2.0 ลิตร ขายได้กว่า 5476 คัน ค่าย Zoom Zoom เร่งทำตลาดอย่างต่อเนื่องด้วยการส่งรุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ตามออกมาทันที เนื่องจากในประเทศไทยนั้น กลุ่มลูกค้าที่นิยมใช้รถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาด 1.6-1.8 ลิตร มีสัดส่วนที่สูงขึ้น และเป็นลูกค้ากลุ่มที่มีความคาดหวังค่อนข้างสูง ทั้งในด้านสมรรถนะและรูปลักษณ์ ความคุ้มคาและราคาขายต่อ รวมถึงความประหยัดกับค่าดูแลรักษา รถ Mazda 3 รุ่นใหม่จึงใช้กลยุทธ์ที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านรูปทรงและประสิทธิภาพ ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากยนตรกรรมคู่แข่งอยู่พอสมควร

รูปลักษณ์ของ Mazda 3 เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร รุ่นล่าสุดยังคงเหมือนกับรุ่น 2.0 ลิตร แต่มีความแตกต่างกันอยู่บ้างในบางจุด กระจังหน้าทรงห้าเหลี่ยมรวมพื้นที่เปิดในส่วนของกันชนหน้า แผงกระจังหน้าในส่วนของช่องรับอากาศใช้พลาสติกสีดำ รวมถึงตำแหน่งของไฟตัดหมอกบริเวณมุมทั้งสองข้างของสปอยเลอร์หน้า ยังมีชิ้นงานพลาสติกสีดำปิดครอบไว้เพื่อความสวยงาม ฝากระโปรงหน้ายกแนวสันนูนเพื่อเพิ่มเติมมิติและแสงเงา เชื่อมต่อไปยังเสาหน้าหรือเสา A สอดคล้องไปกับเส้นสายของตัวถัง ในส่วนของแก้มข้างและโป่งซุ้มล้อที่ไหลลื่นกลมกลืนไปกับแนวด้านข้างของตัวรถ ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ วางไฟเลี้ยวสีเหลืองไว้ในกรอบเดียวกันโดยใช้แนวทางแบบสปอร์ต ส่วนกระจกบานหน้าขนาดใหญ่มีองศาลาดเอียงในระดับที่เหมาะสม ทำให้ตัวเลขสัมประสิทธิ์แรงต้านทานของอากาศดีขึ้นกว่ารุ่นแรกอย่างชัดเจน โครงสร้างของตัวถังถูกดีไซน์ผ่านอุโมงค์ลมโดยเน้นไปที่ความเสถียรและ แข็งแกร่ง รองรับต่อแรงบิดและแรงเค้นที่เข้ามากระทำได้เหนือกว่ารถคู่แข่ง ทำให้มันสามารถลดความถี่ขั้นสูงของคลื่นเสียงแปลกปลอมที่เกิดจากการสั่นสะเทือนเมื่อต้องวิ่งผ่านผิวถนนที่ไม่เรียบ รวมถึงวัสดุซับเสียงที่ช่วยลดเสียงรบกวนจากการทำงานของหน้ายาง

มาตรวัดความเร็วและวัดรอบทรงกลม ออกแบบให้ไม่มีขอบ ทำให้แผงมาตรวัดในรถ Mazda 3 รุ่นใหม่มีความโปร่งโล่งด้านมุมมอง แสงสว่างของมาตรวัดความเร็วในการขับขี่ Mazda เลือกใช้โทนสีแดงเพื่อกระตุ้นความรู้สึกและการตื่นตัวของผู้ขับขี่ ภายในห้องโดยสารยังคงเน้นโทนสีดำเพื่อลดแสงสะท้อน ผสมผสานกับวัสดุพวกพลาสติกและหนัง รวมถึงชิ้นงานตกแต่งสีเงิน เบาะนั่งแบบสปอร์ตบักเก็ตซีท หุ้มด้วยหนังแท้ วงพวงมาลัยแบบสามก้าน ติดตั้งสวิตช์ควบคุมอุปกรณ์เพื่อความสะดวกยามใช้งาน สำหรับรุ่น 1.6 ลิตร วิศวกรของ Mazda วางพวงมาลัยแบบไฟฟ้า EHPAS ด้วยการเพิ่มตำแหน่งของเฟืองบังคับเลี้ยว ทำให้ความสมดุลและเชื่อมโยงความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวเมื่อหักเลี้ยวเปลี่ยนทิศทาง แผงควบคุมและคอนโซลด้านหน้าแบ่งโซนตามลักษณะการใช้งานและประเภทของอุปกรณ์ที่มีความเหมาะสม หรือ Zone Layout Cockpit มาตรวัดความเร็วหน้าจอแสดงผลของข้อมูลแบบอเนกประสงค์ หรือ Multi Information Display (MID) รวบรวมการแสดงข้อมูลที่จำเป็นและเกี่ยวเนื่องกับการขับขี่ จอถูกจัดวางให้อยู่ในตำแหน่งที่ง่ายต่อการมองเห็น เช่นเดียวกันกับการจัดวางสวิตช์ และปุ่มควมคุมอุปกรณ์ต่างๆ ที่เน้นให้อยู่ในจุดศูนย์กลางของผู้ขับขี่และเชื่อมโยงด้วยรูปแบบที่สวยงามน่าใช้

ระบบรองรับที่ขึ้นชื่อในการเกาะถนนของ Mazda ด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงก์ E-Type ส่วนสมรรถนะด้านอากาศพลศาสตร์ เพิ่มเสถียรภาพการทรงตัวในย่านความเร็วสูง และลดเสียงรบกวนจากภายนอก สมรรถนะของเครื่องยนต์ NVH เน้นให้ความสำคัญต่อเสียงของเครื่องยนต์ในรูปแบบสปอร์ตเมื่อกดคันเร่งลงลึก แบบฉับพลันทันที เครื่องยนต์เบนซิน 4 กระบอกสูบ 16 วาล์ว รหัส MZR ปริมาตรความจุ 1598 ซีซี จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดไฟฟ้าระบบมัลติพอยท์ สามารถใช้เชื้อเพลิงแบบเบนซิน 91 หรือแก๊สโซฮอล์ 91 รวมถึงเชื้อเพลิงแบบ E20 มีอัตราส่วนกำลังอัด 10.0:1 ความกว้างกระบอกสูบ 78.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 83.6 มิลลิเมตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิด 14.7 กิโลกรัมเมตร ที่ 4000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยล้อคู่หน้าผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด 4 EAT Activematic ส่วนระบบเบรก ด้านหน้า-หลังใช้จานดิสเบรกแบบต่างขนาด พร้อมระบบช่วยเบรกแบบ ABS-EBD ล้อแม็กขนาด 16 นิ้ว ยาง 205 /55R16 ทั้ง 4 ล้อ ส่วนมิติตัวถังมีความยาว 4,580 มิลลิเมตร กว้าง 1,755 มิลลิเมตรและสูง 1,470 มิลลิเมตร

• สีดำแบล็กไมก้า
• สีเงินไฮไลต์ซิลเวอร์
• สีเทา เมโทรโปลิตัน เกรย์
• สีทอง สปากกลิ้ง โกลด์
• สีน้ำเงิน ออโรร่า บลู
• สีแดง ทรูเรด
• สีขาว อาร์คติค ไวท์

แบบ	ซีดาน 4 ประตู + แฮตช์แบค 5 ประตู
ผู้ผลิต	Mazda Japan
เครื่องยนต์	เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง DOHC
วาล์ว	4 วาล์วต่อ 1 กระบอกสูบ= 16 วาล์วพร้อมระบบวาล์วแปรผัน Sequential Valve Timing S-VT
ปริมาตรความจุกระบอกสูบ	1,598 ซีซี
กระบอกสูบxช่วงชัก	78.0 มิลลิเมตร x 83.6 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด	10.0:1
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง	หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์แบบมัลติพอยท์
ปริมาตรความจุถังเชื้อเพลิง	55 ลิตร
ชนิดเชื้อเพลิง	แก๊สโซฮอล์ 91 - E20
กำลังสูงสุด	105 แรงม้า (77 กิโลวัตต์) ที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด	144 นิวตันเมตร (14.7 กิโลกรัมเมตร) ที่ 4,000 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง	เกียร์อัตโนมัติแบบเซมิออโต้ 4 สปีด 4EAT Axtivematic Manual + Auto Mode
ระบบบังคับเลี้ยว	แรคแอนพีเนียน พร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า Electro-Hydraulic Power Steering EHPAS
รัศมีวงเลี้ยว	5.2 เมตร
ระบบกันสะเทือน
ด้านหน้า	อิสระ แมคเฟอร์สัน สตรัท โช้คอัพ สปริง เหล็กกันโคลง
ด้านหลัง	อิสระ มัลติลิงก์แบบ E-Type โช้คอัพ สปริง เหล็กกันโคลง
ระบบเบรก
ด้่านหน้า	ดิสเบรกแบบมีช่องระบายความร้อน
ด้านหลัง	ดิสเบรก
ล้อและยาง	อะลูมินั่มอัลลอยขอบ 16 นิ้ว ยาง Toyo ไซส์ 205/55R16
มิติตัวถัง
ความกว้าง	1,755 มิลลิเมตร
ความยาว	4,580 มิลลิเมตร
ความสูง	1,470 มิลลิเมตร
ระยะห่างฐานล้อหน้า	1,535 มิลลิเมตร
ระยะห่างฐานล้อหลัง	1,520 มิลลิเมตร

Mazda3 1.6L Groove 4 ประตู ซีดานระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ราคา  755,000 บาท
Mazda3 1.6L Spirit 4 ประตู ซีดานระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ราคา 825,000 บาท
Mazda3 1.6 Spirit Sports 5 ประตู แฮตช์แบ็กระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ราคา 869,000 บาท

วันที่ 10 สิงหาคม 2555 บริษัท Mazda Sales Thailand co.,Ltd เชิญสื่อมวลชนสายยานยนต์ ร่วมลงทดสอบการขับขี่ รถยนต์ Mazda 3 รุ่นเครื่องยนต์ขนาดเล็กแบบ 1.6 MZR โดยกำหนดเส้นทางในการทดสอบ จากกรุงเทพมหานครมุ่งหน้าจังหวัดอยุธยา หลังจากเคยนำสื่อมวลชนเดินทางไปทดสอบ Mazda 3 รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรไปเมื่อช่วงกลางปี 2554 นี่คือรถสปอร์ตสองเรือนร่าง (ซีดาน + แฮตซ์แบค) สมรรถนะดีที่สามารถขับขี่ได้อย่างเร้าใจ แม้จะวางเครื่องยนต์แค่ 1.6 ลิตร และมีแรงม้าเพียงแค่ 105 แรงม้า การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างการออกแบบตัวถัง ตำแหน่งของการวางเครื่องยนต์ พละกำลังและระบบความปลอดภัยรวมถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Mazda 3. 1.6 ลิตร ถูกส่งออกมาทำตลาดในเมืองไทย บนมาตรฐานของรถยนต์เครื่องยนต์ไม่เกิน 1,600 ซีซี โดยมุ่งเน้นไปที่สภาพการของระบบต่างๆที่รองรับการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร รหัส MZR ที่ใช้เชื้อเพลิงอย่างคุ้มค่า ช่วงล่างที่ขึ้นชื่อในด้านการยึดเกาะที่ไม่เป็นสองรองใคร เมื่อเปรียบเทียบกับรถคู่แข่งที่ใกล้เคียงกัน รวมถึงสัมผัสของพวงมาลัยที่จงใจทำออกมาเพื่อให้ความรู้สึกถึงการขับขี่แบบสปอร์ตอย่างแท้จริง

ห้องโดยสารคือ จุดเด่นของMazda ทุกรุ่นโดยเฉพาะรุ่น3 ที่ทำออกมาได้อย่างโดนใจนักขับทั้งหน้าใหม่และมือเก๋า เบาะแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนังแท้มีตำแหน่งการนั่งที่ครอบคลุมทุกสรีระ เบาะยังสามารถปรับให้ต่ำหรือสูง ทำให้การขับขี่ควบคุมอยู่ในระดับที่ดี ตำแหน่งของการจัดวางอุปกรณ์ยังคงเหมือนกับรุ่น 2.0 ลิตร แทบจะไม่มีผิดเพี้ยน ที่ขาดหายไปมีเพียงแค่แป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์หรือ Paddle Shift บนพวงมาลัยแบบสามก้าน ในตัวรถรุ่น 1.6 ยังคงมาตรฐานของวัสดุและอุปกรณ์ที่ Mazda ค่อนข้างใส่ใจในการคัดสรรพลาสติก หนัง และผ้ารวมถึงพรมคุณภาพดีมาตกแต่งภายในห้องโดยสาร ท่านั่งที่ดียังส่งผลไปถึงการควบคุมตัวรถในทุกระดับความเร็ว คอนโซลกลางใช้โฟมขึ้นรูป ห่อหุ้มด้วยวัสดุประเภทหนังสังเคราะห์ ช่วยในการกักเก็บเสียงแปลกปลอมยามวิ่งใช้งาน มาตรวัดแบบทรงกระบอกที่ช่วยเน้นบรรยากาศของการขับแบบสปอร์ต ตำแหน่งของการวางซุ้มเกียร์ออโต้4 สปีดและเบรกมือที่อยู่ใกล้มือคนขับช่วยให้การใช้งานมีความสะดวกมากยิ่ง ที่โดดเด่นมากคือมุมมองที่โปร่งโล่งรอบคัน แม้จะเป็นรถรุ่น 5 ประตูที่มีเสาหลังค่อนข้างใหญ่ แต่การมองเห็นหรือทัศนวิสัยโดยรวมอยู่ในขั้นที่ดี ภายในที่มีพื้นที่วางเท้าและพื้นที่เหนือศีรษะอยู่พอสมควร ยังช่วยทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดอีกด้วย

จุดเด่นอีกอย่างที่ทำให้รถยี่ห้อนี้โดนใจแฟนๆ ขาประจำคือช่วงล่าง รถ Mazda 3 วางแนวทางของช่วงล่างได้ดีโดยสืบสานการยึดเกาะที่เป็นตำนานจากการพัฒนารถสปอร์ตประจำค่าย แล้วผ่องถ่ายนำกลับมาใช้งานบนผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ของค่าย Zoom Zoom ได้อย่างไร้ที่ติ แม้จะมีน้ำหนักเบาแต่สัมผัสที่ได้รับกลับมีความเสถียรสูง การเปลี่ยนทิศทางขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง ด้วยการขับแบบมุดไปมาซอกซอนไปตามช่องว่างเพื่อหลีกหลบรถช้า อาการของมันก็ยังค่อนข้างเป็นกลางอยู่มาก โดยเฉพาะพวงมาลัยที่มอบความรู้สึกมั่นคงอย่างเต็มเปี่ยมและถึงแม้จะเป็นเพียงแค่พวงมาลัยไฟฟ้าแบบ Electro Hydraulic Power Assist Steering หรือ EHPAS แต่ความรู้สึกเมื่อได้ลองยึดจับแล้วหมุนไปมา คล้ายกับพวงมาลัยเพาเวอร์สายพานชั้นดี จนแทบจะแยกกันไม่ออกเลยทีเดียว ระบบบังคับเลี้ยวของเจ้า 3 เครื่องเล็กประกอบไปด้วย Power Assist Steering ที่ทำงานด้วยปั๊มไฟฟ้า กับเฟืองแบบถี่ที่ช่วยให้สัมผัสของการเลี้ยวและการหมุนพวงมาลัยมีความสอดคล้องอย่างลงตัว การออกแบบแรคที่ใช้มาตรฐานเดียวกันกับรถยุโรปชั้นดี แม้จะมีต้นทุนที่สูงขึ้น ในการทำพวงมาลัยให้คมและตอบสนองต่อการหมุนได้ว่องไว รวมถึงระยะฟรีช่วงกลางที่น้อยมาก ส่งผลให้เจ้า 3 ตัวใหม่มีระบบบังคับเลี้ยวที่ค่อนข้างโดดเด่นเกินหน้าเกินตารถคู่แข่งไปไกล

จิตใจที่โอนเอียงของผม มีให้กับรถยนต์ยี่ห้อนี้อย่างเต็มเปี่ยม จากที่เคยใช้ Mazda MX-5 NA รุ่นแรกสุดแล้วเปลี่ยนมาเป็น Mazda Astina ต้นตระกูลของโมเดล 3 ในยุค 1996 ทำให้ผมซึมซับกับความหมายของคำว่า Zoom Zoom บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากเมืองฮิโรชิมาเจ้านี้ ได้พิสูจน์ให้โลกยนตรกรรมเห็นแล้วว่าพวกเค้ามีความเข้มแข็งมากพอหลังจาก Ford ถอนตัวจากการเป็นพันธมิตรกันทางธุรกิจ ระบบขับเคลื่อนแบบใหม่ล่าสุดที่ลดขนาดของเครื่องยนต์ลง แต่ยังคงประสิทธิภาพด้านแรงม้าและแรงบิดเอาไว้เหมือนเดิมบนนวัตกรรม Sky Active กำลังกลายเป็นที่กล่าวขานกันอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงของวงการรถยนต์ รวมถึงรูปทรงที่พลิ้วไหวสวยงามจากงานออกแบบอันทรงคุณค่า ยนตรกรรม Zoom Zoom ทุกรุ่นที่ผ่านการขัดเกลาในขั้นตอนของการดีไซน์ ถูกส่งลงไปทำตลาดอย่างต่อเนื่อง นอกจากเทคโนโลยีแล้ว รถรุ่น 3 ของ Mazda ยังถูกใช้เพื่อแสดงออกถึงทิศทางในการสร้างรถยนต์ของค่ายนี้ โดยยังคงคอนเซปต์เดิมเอาไว้อย่างเหนียวแน่น นั่นคือการขับขี่ควบคุมที่ส่งมอบความสนุกสนานทุกครั้งที่คุณอยู่หลังวงพวงมาลัยของมัน

Mazda 3 1.6 ลิตร เป็นรถที่มีความคล่องตัวสูง มีอัตราเร่งที่เพียงพอต่อการใช้งานสำหรับถนนหนทางในเมืองไทย มันมีระบบส่งกำลังที่ให้ความไหลลื่นและนิ่มนวลยามปรับเปลี่ยนอัตราทดได้ดี เกียร์อัตโนมัติ 4 EAT Activematic ค่อนข้างเหมาะสมกับขนาดและย่านของแรงบิด ส่งผลให้การออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ไม่มีอาการกระตุกกระชากใดๆ ออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย ตัวเลขของแรงบิดแค่ 14.7 กิโลกรัมเมตร ที่ดูเหมือนน้อยไปหน่อย แต่พอใช้งานจริงกลับรู้สึกถึงความคล่องแคล่วว่องไวของตัวรถ น้ำหนักที่ลดลงเกิดจากการพัฒนาวัสดุใหม่ๆ รวมถึงการจัดวางตำแหน่งเครื่องยนต์ เกียร์ และช่วงล่างที่คำนึงถึงกลศาสตร์ของการเคลื่อนที่ ผมนึกเสียใจอยู่เหมือนกันที่คนไทยส่วนใหญ่ มองข้ามรถยนต์แบบห้าประตู ทั้งๆ ที่คุณประโยชน์ของการใช้สอยพื้นที่ด้านหลัง เหนือกว่ารถซีดานอย่างชัดเจน เบาะหลังที่พับได้ยังช่วยเพิ่มเติมพื้นที่ในการขนสัมภาระได้มากกว่ารุ่นซีดาน

ความรู้สึกขณะขับขี่ Mazda 3 จะทำให้คุณพึงพอใจในการสอดประสานระหว่างรถกับตัวตนที่แท้จริงของคุณ แม้กำลังของมันจะไม่แรงจนถึงกับทำให้คุณคอเคล็ด และไม่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์รุงรังเหมือนกับเครื่องบิน แต่มันเป็นรถยนต์ที่ขับได้สนุกมากอีกคันในวงการยนตรกรรม รถ Mazda 3 ไม่ได้มีจุดเด่นเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่โดยภาพรวมแล้วมันดีและเหมาะกับสภาวะราคาของเชื้อเพลิงในยุคปัจจุบัน แชสซีน้ำหนักเบา ยังถ่ายเทความสมดุลที่สมบูรณ์แบบทั้งการควบคุมและความปลอดภัย ช่วงล่างแบบอิสระที่พัฒนาขึ้นจากสตรัทที่ด้านหน้าและมัลติลิ้งค์ที่ด้านหลัง ให้ความแข็งแกร่งทนทานสูงและมีน้ำหนักเบากว่ารถคู่แข่งถึง 14 เปอร์เซ็นต์ มันยังมอบความนุ่มนวลที่ความเร็วปานกลาง และให้เสถียรภาพที่ย่านความเร็วสูงเกิน 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปจนถึงย่านความเร็วสูงสุดเฉียดๆ189 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คุณภาพของงานประกอบภายใน การจัดวางและรูปแบบ ตลอดจนพื้นผิวของวัสดุที่ใช้ตกแต่งอยู่ในระดับที่ดีมาก ลองไปหาทดสอบขับขี่ด้วยตัวของคุณเอง เมื่อต้องควักกระเป๋ากว่า 8 แสนบาทในรุ่นสูงสุดของ Mazda 1.6 ตัวคุณเท่านั้นที่จะสามารถบอกได้ว่า มันดีจริงหรือเปล่า

ขอขอบคุณ: ไทยรัฐออนไลน์ที่ให้ความอนุเคราะห์ข้อมูล จากคอลัมน์ Man & Machine