เทคนิคการขับรถขึ้นเขา - ลงเขา ขับอย่างไรให้ปลอดภัย
การเดินทางท่องเที่ยวในเส้นทางขึ้นเขา - ลงห้วย ทั้งเนินต่ำๆ ไปจนถึงหุบเขาที่สูงชัน ผู้ขับต้องมีความระมัดระวังและมีทักษะในการควบคุมรถที่แม่นยำ พร้อมต้องมีสมาธิสูงมากๆ การขับรถขึ้นหรือลงเขานั้นควรทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยที่สุด วันนี้เรามีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ มาฝากกันครับ
ทางขึ้นเขาไม่ว่าจะชันน้อยหรือมาก สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือ ประเมินความสูง ระยะทางที่สามารถเร่งเครื่องยนต์ในจุดที่มีกำลังขึ้นได้สบาย ด้วยเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ต่ำลง 1 หรือ 2 ตำแหน่งขึ้นกับความเร็วเดิมที่ใช้อยู่ขณะนั้น และเร่งรอบเครื่องยนต์ค้างไว้ที่รอบสูง ระหว่างประมาณ 2,000 - 3,000 รอบต่อนาที เพื่อให้มีกำลังในการส่งขึ้นเนิน และเลี้ยงคันเร่งให้คงที่ รักษาระดับความเร็วที่เหมาะสม
หากเจอโค้งที่มีความชันและสลับกันซ้ายขวาต่อเนื่อง ให้เติมคันเร่งในจังหวะก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวขึ้นโค้งถัดไป เพื่อรักษากำลังเครื่องยนต์เอาไว้ และต้องใช้เกียร์ต่ำให้รอบเครื่องยนต์ค้างระดับเดิมเอาไว้ เมื่อทางชันมากขึ้นและกำลังเริ่มตกลงเรื่อยๆ อย่ารอให้รอบต่ำจนเร่งไม่ไหว ให้รีบเปลี่ยนเกียร์ต่ำถัดไปก่อนรอบเครื่องยนต์ตกมาราวๆ 2,000 รอบต่อนาที เพื่อให้มีกำลังต่อเนื่องในการเร่งขึ้นต่อไป
นอกจากนี้สายตาผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารจำเป็นต้องช่วยกันมองทางข้างหน้า ทั้งมุมมองด้านหน้าตรง มุมมองด้านข้างและระยะไกลเท่าที่เห็นได้ เพราะในเส้นทางอาจมีต้นไม้ หุบเขาไหล่เขาบดบัง ทำให้มองไม่เห็นเหตุการณ์ข้างหน้าได้ โดยเฉพาะเมื่อเข้าทางโค้งและเป็นทางชันแคบๆ มักมีโอกาสเจอรถสวนทางมา หากไม่ขับในช่องทางที่ถูกต้องก็อาจเกิดอันตรายได้
การขับลงเขานับว่าอันตรายมากกว่าขึ้นเขา เนื่องจากมีโอกาสเสี่ยงที่ระบบเบรกจะทำงานหนักเกินไป จากการใช้เบรกตลอดในช่วงการลงทางชัน หรือการชะลอความเร็วในแต่ละช่วง ดังนั้นการขับลงเขาหรือทางชันต่างๆ ควรใช้เกียร์ต่ำถัดลงมาจากเกียร์เดิมที่ความเร็วในขณะนั้น เพื่อใช้เบรกจากเครื่องยนต์ช่วยหน่วงความเร็วให้ช้าลง และค่อยๆ แตะสลับกับปล่อยเบรกเป็นช่วง เพื่อลดความร้อนของผ้าเบรก และลดอาการ "เบรกแข็ง" และอาจทำให้ผ้าเบรกไหม้ได้
สำหรับผู้ที่ต้องขับรถในทางชันบ่อยๆ ให้ฝึกฝนทักษะการควบคุมพวงมาลัยและการเลี้ยวโค้งให้แม่นยำ นอกจากนี้ควรฝึกใช้ระบบเกียร์ต่ำให้คล่อง ทั้งรถยนต์ที่ใช้เกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ
ในรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ให้เลื่อนตำแหน่งคันเกียร์ไปที่เลข "3 หรือ 2" เพื่อให้ตำแหน่งเกียร์ต่ำลง และหากต้องขับขี่ผ่านทางชันมากๆ ทั้งขึ้นหรือลงก็ควรใช้ตำแหน่ง "L" ซึ่งจะคล้ายๆ การใช้เกียร์ 1 นั่นเอง
ส่วนรถที่มีระบบเปลี่ยนเกียร์ทั้งแบบบวก/ลบ (+/-) หรือมี Paddle Shift บนพวงมาลัย โดยเฉพาะใช้แบบโยกที่คันเกียร์ให้ฝึกจนเกิดความเคยชินว่าต้องผลักคันเกียร์ไปในทิศทางใดเป็นการเพิ่ม-ลดตำแหน่งเกียร์ด้วยเพื่อลดความผิดพลาด
ที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นทริคเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยให้การขับรถยนต์ขึ้นและลงเขาหรือทางชันได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น แม้ว่ารถยนต์รุ่นใหม่ๆ จะมีระบบตัวช่วยในการป้องกันไม่เสียการทรงตัวต่างๆ มากมาย แต่สิ่งที่ผู้ขับจะต้องมีคือ ความรู้ความเข้าใจรู้ว่าสมรรถนะของรถที่ใช้ว่ามีขีดจำกัดมากเพียงใด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทุกการเดินทางครับ