จอดรถตากแดด ควรทำอย่างไรดี?

การจอดรถยนต์ตากแดดเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะบางครั้งเราก็ไม่สามารถเลือกจอดในร่มได้เสมอไป บวกกับแสงแดดและอากาศในประเทศไทยที่ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ และการจอดรถตากแดดนานๆ นั้นย่อมไม่ส่งผลดีต่อรถของเราแน่ๆ แต่ถ้าหากมีความจำเป็นต้องจอดกลางแสงแดดนานๆ อย่างน้อยควรปฏิบัติดังต่อไปนี้

สำหรับรถที่มีคิ้วกันสาด ลดกระจกลงเล็กน้อยทั้ง 4 บาน เพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเทหมุนเวียนผ่านภายในห้องโดยสาร วิธีนี้พอจะช่วยลดอุณหภูมิได้บ้าง แต่สำหรับรถที่ไม่มีคิ้วกันสาด วิธีนี้อาจไม่ค่อยเหมาะนัก เพราะเสี่ยงต่อสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน เช่น ฝนตก อาจทำให้ฝนสาดเข้ามาในรถได้ครับ

ภาพจาก tskthai.com

การใช้ผ้าคลุมรถนั้น ควรเลือกรุ่นที่สามารถระบายหรือถ่ายเทอากาศได้ดี เพราะจะช่วยลดความร้อนที่จะสัมผัสผิวของสีรถและชิ้นส่วนที่ถูกแสงแดดได้เป็นอย่างดี แต่กรณีที่ใช้ผ้าคลุมรถแบบธรรมดาทั่วไปที่ระบายอากาศไม่ดี แนะนำว่าให้คลุมปิดเฉพาะในส่วนที่เป็นกระจก เพื่อลดความร้อนจากแดดที่จะถูกอุปกรณ์ภายในเช่น คอนโซล พวงมาลัย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เป็นต้น

ภายในห้องโดยสารเราสามารถใช้แผ่นบังแดดที่เป็นลักษณะสะท้อนแสง หรือแบบมีลาดลายก็ได้ตามสะดวก เพื่อช่วยลดความร้อนจากแสงแดดที่จะถูกพื้นผิวชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องโดยสาร แต่สำหรับแผ่นบังแดดนี้อาจไม่ช่วยลดความร้อนภายในห้องโดยสารได้

การจอดรถตากแดดร้อนจัดนานๆ ส่งผลให้อุณหภูมิภายในห้องโดยสารร้อนสูงมาก ซึ่งหากภายในรถมีสิ่งของที่เป็นลักษณะเชื้อเพลิง หรือเสี่ยงต่อการเกิดประกายไฟ ก็มีโอกาสลุกติดไฟ หรือเกิดการละลายและทำให้เชื้อเพลิงไวไฟนั้นรั่วไหลออกมาและเกิดประกายไฟได้ เช่น ไฟแช็ค, น้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิด, วัตถุติดไฟได้ง่าย, พลุ, ไม้ขีดไฟ เป็นต้น รวมถึงอุปกรณ์ที่มีโอกาสหลอมละลายได้เมื่อโดนความร้อนสะสมนานๆ 

สำหรับรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องเสียง ลำโพง และแอมปลิฟายเออร์ หรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟอย่างเช่น กล้องหน้ารถ ควรหาแผ่นบังแดดมาปิดเอาไว้ เพื่อรักษาและยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์นั้นให้นานขึ้น และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการลุกติดไฟและหลอมละลายได้ 

การติดฟิล์มกรองแสงนับเป็นวิธีแรกๆ ของการลดความร้อนเข้าภายในรถ แต่ควรเลือกฟิล์มที่มีคุณภาพสูง สามารถลดความร้อน ลดแสงและช่วยปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารได้เร็วขึ้น และการติดฟิล์มสีเข้มเพียงอย่างเดียวก็อาจไม่ช่วยเรื่องกันความร้อนเสมอไป ควรเลือกฟิล์มรถยนต์ที่มีค่ากรองแสงหรือลดรังสี UV ได้จริง แม้สีฟิล์มจะอ่อนแต่ถ้าดีจริงก็จะสามารถช่วยลดความร้อนได้ (อ่านเพิ่มเติม การเลือกฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์)

การจอดรถตากแดดหรือการใช้งานในลักษณะอากาศที่ร้อนอบอ้าว ย่อมมีส่วนทำให้ของเหลวต่างๆ ของเครื่องยนต์ลดลงได้ เช่น น้ำกลั่นในแบตเตอรี่, น้ำในหม้อพักของระบบหล่อเย็น, น้ำมันเบรก-คลัตช์, น้ำฉีดล้างกระจก รวมถึงการเช็คลมยางให้เหมาะสมตามสเปคอย่างสม่ำเสมอ  (อ่านเพิ่มเติม ดูแลรถยนต์อย่างไร ให้แจ่มในช่วงหน้าร้อน)

ข้อแนะนำเพิ่มเติม

1. ไม่แนะนำให้ยกก้านที่ปัดน้ำฝนขึ้นขณะจอดตากแดด เพราะแม้ความร้อนจากกระจกจะทำให้ยางใบปัดน้ำฝนเสื่องสภาพเร็วก็ตาม แต่ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนนั้นไม่สูงมากนักและสามารถเปลี่ยนได้สะดวกง่ายดาย เมื่อเทียบกับการที่ยกก้านปัดค้างไว้นานๆ และทุกๆ วัน สปริงที่ทำหน้าที่ดึงให้ก้านใบปัดมีแรงกดที่กระจกอาจเกิดการ "ล้า" และทำให้ปัดได้ไม่ดีพอ แม้จะเปลี่ยนยางใบปัดใหม่ก็ไม่สามารถปัดได้เรียบสม่ำเสมอ นอกจากนี้การเปลี่ยนสปริงก้านปัดน้ำฝนมีความยุ่งยากกว่า และจำเป็นต้องใช้อะไหล่ที่ตรงรุ่น เมื่อพิจารณาให้ดีแล้วอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการเปลี่ยนแค่ยางปัดฝนครับ

2. ถ้าจำเป็นต้องจอดรถตากแดด ไม่ควรทิ้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไว้ในรถ เพราะอาจเกิดความเสียหายได้ 

3. ในส่วนของขวดน้ำ ยังไม่มีการยืนยันว่าวางไว้ในรถแล้วจะเกิดการลุกไหม้จากความร้อนที่ผ่านน้ำในขวด แต่เพื่อความปลอดภัยควรวางในจุดวางขวดต่างๆ ในรถ

4. หากสีรถมีคราบสกปรก เช่น ขี้นก, คราบแป้ง, กาวเหนียว ให้ใช้ทิชชูชุบน้ำแล้วทำความสะอาดก่อน เพราะถ้าปล่อยไว้ให้ถูกแดด นอกจากจะล้างออกยากแล้ว คราบบางชนิดอาจทำร้ายสีรถได้อีกด้วย

5. เมื่อขึ้นรถแล้วก่อนจะขับออกไปให้เปิดกระจกให้กว้างๆ ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ทั้ง 4 บานได้ยิ่งดี เพื่อให้ลมภายนอกพัดผ่าน พร้อมกับเปิดแอร์ด้วยพัดแรงสุด แล้วค่อยขับรถออกไป (ก่อนเปิดหน้าต่างสำรวจความปลอดภัยรอบๆ รถก่อนนะครับ) เมื่อรู้สึกว่าความร้อนลดลงบ้างแล้วก็ปิดหน้าต่างได้

ในปัจจุบันแสงแดดและความร้อนที่มาสภาพอากาศนับเป็นตัวการสำคัญในการทำให้ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ภายในรถยนต์เสื่อมสภาพก่อนเวลาเร็วขึ้น ทางที่ดีที่สุดคือคือการจอดรถในที่ร่ม แต่ถ้าจำเป็นต้องเผชิญกับแสงแดดจริงๆ การป้องกันอันตรายจากความร้อนให้โดนรถน้อยที่สุดย่อมเป็นสิ่งที่ช่วยยืดอายุของสีรถ อุปกรณ์ภายใน สิ่งของต่างๆ ที่ติดตั้งเพิ่มเติมเข้าไปเพื่อให้เราใช้รถได้ยาวนานมากขึ้น และยังช่วยให้ระบบแอร์ทำงานหนักน้อยลง ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันได้อีกทางหนึ่งด้วยครับ