Nissan Note ใหม่ จากต้นกำเนิดในญี่ปุ่น สู่ว่าที่ Eco-Car น้องใหม่ในไทย
ในเดือนมกราคม เดือนแรกของปี 2560 ชาวไทยเตรียมได้สัมผัสกับ The All-New Nissan Note ในรูปแบบของรถ Eco-Car ในวันที่ 17 มกราคมนี้ นับเป็นครั้งแรกในไทยที่ทาง Nissan ได้เริ่มจำหน่าย Nissan Note ใหม่ ที่มาพร้อมจุดขายสำคัญ คือ ขนาดตัวถังใหญ่ และมีภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง อุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครัน และระบบความปลอดภัยมาแบบเต็มที่ โดยมีแนวโน้มว่าราคา (อาจจะ) สูงกว่า Nissan March รุ่นปัจจุบันไม่มาก
ก่อนที่เราจะทำความรู้จักกับ Nissan Note ใหม่ ผมขอพาท่านย้อนกลับไปดูต้นกำเนิดของ Nissan Note กันก่อน ...
ในปี 2004 ที่งาน Paris Motor Show ประเทศฝรั่งเศส Nissan ได้ทำการเปิดตัว "Nissan Tone Concept" รถต้นแบบ Mini MPV ขนาดเล็กในรูปแบบ B-Segment ที่ได้อิทธิพลจากการออกแบบมาจาก Nissan Micra (หรือ Nissan March ในตลาดโลก) ดีไซน์ให้ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของชีวิตคนเมือง คนทำงานยุคใหม่อย่างชัดเจน เป็นรถอเนกประสงค์ท้ายลาดสำหรับอนาคต ด้วยฐานล้อที่กว้าง จุดศูนย์ถ่วงต่ำ คู่ไปพร้อมกับเทคโนโลยีระดับแนวหน้า ห้องโดยสารที่กว้างขวาง สามารถนั่งได้ถึง 5 คน
ซึ่งได้รับผลตอบรับดี Nissan จึงได้ปรับปรุงรูปแบบของรถต้นแบบ นำไปสู่สายการผลิตจริง และปรับชื่อรุ่นเป็น "Note" ในรหัสรุ่น "E11" ออกจำหน่ายเป็นครั้งแรกในเดือนมกราคม 2005 โดยตั้งเป้าหมายการขายของรถรุ่นนี้ไว้ที่ 8,000 คัน/เดือน และมีคู่แข่งที่สำคัญคือ Honda Fit และ Toyota Vitz
สำหรับชื่อรุ่นของ Nissan Note นั้น คำว่า "Note" แปลตรงตัวซึ่งหมายถึง การจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ หรือโน๊ตบุ๊ค รวมไปถึงการนิยามถึงจินตนาการของความสนุกทุกวันในชีวิต และความสนุกสนานในการขับรถทุกๆ วัน
Nissan Note รุ่นแรก เป็นรถขนาดห้าที่นั่ง มิติตัวถังยาว 3,990 มม. กว้าง 1,690 มม. และสูง 1,535 มม. (ในรุ่น e-4WD สูง 1,545 มม.) มีทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ เครื่องยนต์มีให้เลือกเพียงแบบเบนซิน HR15DE เพียงแบบเดียว ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 15.1 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และแบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (ตามโหมด 10-15) ในรุ่น 2WD ทำได้อยู่ที่ 19.4 กม./ลิตร และในรุ่น e-4WD ทำได้อยู่ที่ 16.0 กม./ลิตร
ในส่วนของอุปกรณ์ตกแต่ง ทาง Nissan ก็มีชุดแต่งให้เลือกสำหรับ Note หลากหลายแบบ อาทิเช่น ชุดแต่งจาก Autech เป็นต้น
ในปีเดียวกัน ยังได้ Adidas แบรนด์รองเท้ายักษ์ใหญ่ระดับโลก ร่วมกับ Nissan ออกแบบ Nissan Note inspired by Adidas เพื่อเอาใจแฟนๆ รองเท้า Adidas ในสไตล์ "Wearable" Concept นำออกโชว์ในงาน Tokyo Motor Show
ในตลาดยุโรปนั้น Nissan ได้ทำการเผยโฉม Note ใหม่ที่งาน Frankfurt Motor Show ปี 2005 และในงาน Geneva Motor Show ปี 2006 โดยทาง Nissan ได้เริ่มผลิต Note ในโรงงานของ Nissan Motor Manufacturing UK เมืองซันเดอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ และเปิดในวันที่ 1 มีนาคม 2006 จนกลายเป็นหนึ่งในรถ Mini MPV ยอดนิยมในตลาดยุโรปต่อมา ที่มียอดขายมากถึงหลายแสนคัน!
Nissan Note ในเวอร์ชั่นยุโรปนั้น มีหน้าตาและการตกแต่งที่ดูแตกต่าง Nissan Note ในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นอย่างเห็นได้ชัด อาทิเช่น ชุดกันชนหน้า กระจังหน้า เสาอากาศบนหลังคา กันชนหลัง และช่องใส่ป้ายทะเบียนท้าย เป็นต้น เครื่องยนต์มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่
- แบบเบนซิน CR14DE ขนาด 1.4 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 88 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.1 กก.-ม. ที่ 3,200 รอบ/นาที
- แบบเบนซิน HR16DE ขนาด 1.6 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 110 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 15.6 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที
- แบบดีเซล K9K dCi (diesel Common-rail injection) ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ที่พัฒนาร่วมกันระหว่าง Nissan และ Renault ให้แรงม้าสูงสุด 68 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.3 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบ/นาที และเครื่องยนต์ดีเซล K9K dCi ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 86 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 20.4 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบ/นาที
ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และแบบเกียร์อัตโนมัติ CVT
หลังจากนั้นจึงได้มีการปรับโฉมเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มรุ่นพิเศษบ้าง ทั้งในเวอร์ชั่นญี่ปุ่น และในเวอร์ชั่นยุโรป โดยในตลาดยุโรปมีการปรับโฉมหน้าตาของรถ และองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มเติมในปี 2007 และในเดือนมกราคม 2008 เวอร์ชั่นญี่ปุ่นก็มีการปรับโฉม Minorchange บ้าง โดยปรับชุดไฟหน้าใหม่ กระจังหน้าใหม่ กันชนหน้า-หลัง ออกแบบใหม่ รวมถึงฝาครอบเครื่องยนต์ พร้อมทั้งการตกแต่งภายในให้ดูทันสมัยและลงตัวต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น ด้วยการออกแบบเบาะที่นั่งใหม่ กระจกกรองแสง UV เพิ่มระบบ HDD Navigation System และเพิ่มสีภายนอก-ภายในใหม่
ที่สำคัญ ในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นยังได้เพิ่มเครื่องยนต์แบบเบนซิน HR16DE ขนาด 1.6 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 15.5 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด โดยมีให้เลือกเฉพาะรุ่น 16X
แต่ถ้าเป็นเวอร์ชั่นยุโรป เครื่องยนต์ดีเซล แบบดีเซล K9K dCi (diesel Common-rail injection) ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ที่พัฒนาร่วมกันระหว่าง Nissan และ Renault ที่มาพร้อมกับระบบกรองอนุภาคไอเสีย หรือ DPF มีแรงม้าขยับขึ้นเป็น 103 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 24.4 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบ/นาที และเพิ่มเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด โดยที่ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบทอร์ชันบีม ซึ่งมีการปรับปรุงใหม่ โดยลดค่าความแข็งของสปริงสำหรับด้านหน้าลงอีก 10%
โดย Nissan Note โฉม E11 นี้ อยู่ในตลาดญี่ปุ่นจนถึงเดือนสิงหาคม 2012
Nissan Note ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 2 : จากรถต้นแบบ "Nissan Invitation Concept" มาสู่ "Nissan Note" โฉมใหม่
หลังจากที่ Nissan ได้สร้างรถต้นแบบอย่าง "Nissan Invitation Concept" บนพื้นฐานของ V-Platform ซึ่งจะใช้ร่วมกันกับรถยนต์ Nissan หลายๆ รุ่น (เช่น Nissan March และ Nissan Juke) โดยนำออกโชว์ในงาน Geneva International Motor Show ปี 2012 ก่อนที่ Nissan Note เจเนอเรชั่นที่ 2 จะเปิดตัวจำหน่ายจริงในประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2012 และ ผลิตที่โรงงาน Nissan Motor Kyushu ก่อนจะเปิดตัวเวอร์ชั่นยุโรป ในงาน Geneva Motor Show ปี 2013 และทยอยเปิดตัวในประเทศต่างๆ ทั้งในทวีปอเมริกาเหนือ (ในชื่อ Nissan Versa Note) และอเมริกาใต้ รวมถึงในประเทศแถบเอเชียหลายประเทศ
การออกแบบภายนอกตัวรถ ในแนวทาง "Next Generation Compact" หน้าตาดูโฉบเฉียว โดดเด่นที่กระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ของนิสสัน ไฟหน้าแบบ LED ด้านข้างตัวถังเน้นเส้นสายแบบ "Squash Line" ดูสปอร์ต ไฟท้ายออกแบบรูปทรงทันสมัย จุดเด่นอยู่ที่ทุกรุ่นที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าจะติดตั้งระบบ Idling Stop System เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และติดตั้งระบบช่วยจอด Around View Monitor (AVM) ซึ่งสามารถมองภาพได้จากจอแสดงภาพที่ฝังในกระจกมองหลัง เป็นต้น และยังมีรุ่น Medalist ตกแต่งพิเศษ โดดเด่นด้วยสีทอง ให้เลือก
ส่วนภายในกว้างขวาง ออกแบบหลังคาให้สูงขึ้นเล็กน้อยโดย นิสสัน เรียกว่า Airy Cabin เพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารได้มากถึง 2,065 มม.
Nissan Note รหัส E12 ในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นนั้น เครื่องยนต์มีให้เลือก 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบเบนซิน HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 10.8 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที เป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกับ Nissan March ในบ้านเรา
แบบเบนซิน HR12DDR ขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว แบบ DIG Supercharged ให้แรงม้าสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.5 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ซึ่งเครื่องยนต์นี้ มีสมรรถนะเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร แถมประหยัดน้ำมันกว่า โดยเครื่องยนต์ตัวนี้ถูกพัฒนาต่อยอดจากเครื่อง HR12DE ที่ติดตั้งใน Nissan March
ในส่วนของเวอร์ชั่นยุโรป มีเครื่องยนต์แบบดีเซล K9K dCi (diesel Common-rail injection) ขนาด 1.5 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 90 แรงม้า ให้เลือกเช่นเคย และเครื่องยนต์แบบเบนซิน HR16DE ขนาด 1.6 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า ให้เลือกในเวอร์ชั่น USA
เวอร์ชั่นญี่ปุ่น ระบบส่งกำลังแบบ Xtronic CVT โดยมีทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อให้เลือก และในเวอร์ชั่นยุโรป มีเกียร์ธรรรมดาทั้งแบบ 5 สปีด และ 6 สปีด เพิ่มเติม ในส่วนของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (ตามโหมด JC08) ในรุ่น 2WD ทำได้อยู่ที่ 22.6 กม./ลิตร (เครื่องยนต์ HR12DE), 25.2 กม./ลิตร (เครื่องยนต์ HR12DDR) และในรุ่น 4WD ทำได้อยู่ที่ 18.2 กม./ลิตร
รุ่นปัจจุบันรหัสตัวถัง "E12" ประสบความสำเร็จมากในตลาดญี่ปุ่น และอเมริกา เพราะมีขนาดตัวถังที่ใหญ่โต มีดีไซน์ที่ไม่ได้ดูเป็นรถทรงกล่องมาก และมีห้องโดยสารที่กว้างขวาง จนเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2016 ที่ผ่านมา Nissan ได้ทำการปรับโฉม Minorchange เจ้า Note ให้ดูสดใหม่อีกครั้ง โดยในครั้งนี้มาพร้อมรุ่นใหม่ "e-POWER" จุดขายใหม่ที่นำเทคโนโลยีจากรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Nissan Leaf มาประยุกต์กับเครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็ก ซึ่งแบตเตอรี่ของ Note e-POWER นั้น ติดตั้งไว้บริเวณใต้เบาะที่นั่งด้านหน้า
Note e-POWER ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า Nissan Intelligent Mobility ประกอบด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง, เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator), อินเวอร์เตอร์ (Inverter), และ มอเตอร์ไฟฟ้า โดยรถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น เครื่องยนต์สันดาปภายในทำหน้าที่ในการสร้างกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บอยู่ตลอดเวลาเพื่อชดเชยกระแสไฟฟ้าที่ถูกใช้งานไป
ผลสรุปออกมาจึงเป็นเครื่องยนต์เบนซิน HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 3,008-10,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 25.9 กก.-ม. ที่ 0-3,008 รอบ/นาที แรงบิดมหาศาลถูกส่งออกมาในทันทีและคงที่ตลอดเวลาทำให้เวลาขับรู้สึกได้ถึงอัตราเร่งที่รวดเร็วแต่นุ่มนวล พร้อมทั้งส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ไฟฟ้า e-POWER Drive
อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ในรถยนต์ไฮบริดทั่วไป (ทำได้มากถึง 34.0-37.2 กม./ลิตร) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานในเมือง ซึ่งเทคโนโลยีสุดล้ำนี้ยังให้ผู้ขับขี่ได้รับประโยชน์เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี (Battery Electric Vehicle-BEV) แต่สามารถลดความวิตกกังวลเมื่อต้องหาสถานีชาร์จไฟฟ้าได้อีกด้วย
และที่สำคัญไปกว่านั้น เราจะได้ชมตัวจริงในอีกไม่กี่วันครับ ... เตรียมพบยนตรกรรมสุดล้ำจากนิสสัน The All-New NISSAN NOTE รถคอมแพ็คแฮตช์แบคสมบูรณ์แบบคันแรก ที่เกิดจากแนวคิด Nissan Intelligent Mobility ผสานเทคโนโลยีเพื่อชีวิตยุคใหม่ ให้ความสะดวกสบาย คล่องตัวเหมาะกับการจราจรในเมืองใหญ่ ปลอดภัย และตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว
Nissan Note e-Power Review