ปรับระบบการสอบใบขับขี่ใหม่ เริ่มมกราคม 2560
จากกรณีการสอบทำใบอนุญาตขับขี่รถยนต์จะถูกปรับเพิ่มความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ใกล้ระยะเวลาการบังคับใช้เข้ามาทุกทีแล้วนะครับ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการสอบใหม่ หรือผู้ที่ขาดการต่ออายุใบขับขี่แบบชั่วคราวที่เกิน 1 ปีขึ้นไป ต้องสอบในระบบใหม่ทั้งหมด โดยปรับปรุงเนื้อหาการอบรมจากเดิม 4 ชั่วโมง เป็น 5 ชั่วโมง เพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน และการขับรถอย่างปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงเพิ่มจำนวนชั่วโมงอบรมเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกความปลอดภัยในการใช้รถเข้าไปด้วย มาดูรายละเอียดจากประกาศทางกรมขนส่งกันครับ
ข่าวกรมการขนส่งทางบก
กรมการขนส่งทางบก ดีเดย์ 1 มกราคม 2560 ยกระดับมาตรฐานคุณภาพผู้ขับรถตามโครงการ Sure Driving/Smart Driver เพิ่มความเข้มข้น!!! พัฒนาหลักสูตรอบรมผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราวเป็น 5 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มคุณภาพของผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ และลดปัญหาอุบัติเหตุทางถนนของประเทศ
นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า สาเหตุอุบัติเหตุทางถนนส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่เหมาะสม กรมการขนส่งทางบกในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลและส่งเสริมด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน จึงได้จัดทำโครงการยกระดับมาตรฐานคุณภาพผู้ขับรถ Sure Driving/Smart Driver เพื่อเพิ่มคุณภาพมาตรฐานของผู้ขับรถให้มีทักษะและความรู้การขับรถอย่างปลอดภัย ลดปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนและลดสถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทย ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะปรับหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาตขับรถให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยปรับเพิ่มเนื้อหาอบรมสำหรับการขอรับใบอนุญาตขับรถใหม่ (ชนิดชั่วคราว) จากเดิม 4 ชั่วโมง เป็น 5 ชั่วโมง โดยเพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน และการขับรถอย่างปลอดภัยให้มากขึ้น เริ่มใช้หลักสูตรใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป รวมถึงกรณีผู้ที่ได้รับใบอนุญาตขับรถชั่วคราวแล้ว แต่ใบอนุญาตขับรถเดิมสิ้นอายุเกินกว่า 1 ปี ต้องเข้ารับการอบรมตามหลักสูตรใหม่ โดยบุคลากรผู้ทำหน้าที่เป็นวิทยากรของ
กรมการขนส่งทางบก โรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก และหน่วยงานภาครัฐที่ได้ลงนามบันทึกในการจัดอบรมภาคทฤษฎีกับกรมการขนส่งทางบก จำนวนกว่า 500 คน ซึ่งทั้งหมดได้ผ่านการอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจในแนวทางการสอนตามหลักสูตร 5 ชั่วโมง สามารถนำความรู้ไปถ่ายทอดให้แก่ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถได้อย่างครบถ้วน มีประสิทธิภาพ และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า สำหรับหลักสูตรที่มีการปรับปรุง เนื้อหาประกอบด้วย (กฎหมายว่าด้วยรถยนต์, กฎหมายว่าด้วยทางหลวง และกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก) จำนวน 1 ชั่วโมง 30 นาทีการขับรถอย่างปลอดภัยจำนวน 2 ชั่วโมง จิตสำนึกและมารยาทในการขับรถจำนวน 1 ชั่วโมง และข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินและการให้ความช่วยเหลือและปฐมพยาบาล จำนวน 30 นาที การปรับเพิ่มจำนวนชั่วโมงอบรมเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ซึ่งเมื่อมีความรู้ความเข้าใจกฎการขับขี่ที่ถูกต้อง อุบัติเหตุบนท้องถนนก็จะลดลงตามไปด้วย
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกยังได้เพิ่มทางเลือกให้ประชาชนที่อาจไม่สะดวกในการติดต่อเข้ารับการอบรมกับกรมการขนส่งทางบก ในวันและเวลาราชการ สามารถเลือกเข้ารับการอบรมกับโรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก หรือหน่วยงานภาครัฐที่ทำความตกลงกับกรมการขนส่งทางบก ภายใต้หลักสูตรเดียวกัน และนำหนังสือรับรองผ่านการอบรมมายื่นแสดงเป็นหลักฐานขอเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ทดสอบข้อเขียน (E-exam) และทดสอบขับรถกับสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ
ทั้งนี้ การออกใบอนุญาตขับรถให้แก่ประชาชน กรมการขนส่งทางบกดำเนินการอยู่บนพื้นฐานแนวคิดที่ต้องการผลิตนักขับขี่ที่มีคุณภาพและใส่ใจความปลอดภัยของทั้งตัวเองและผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นจากตัวผู้ขับขี่เองเป็นสำคัญ การเพิ่มความเข้มข้นของหลักสูตรจึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือเพื่อเสริมสร้างความรู้ในการขับรถที่ถูกต้องและปลูกฝังจิตสำนึกเท่านั้น ส่วนสำคัญอยู่ที่ผู้ขับขี่ซึ่งต้องตระหนักถึงความปลอดภัยและนำไปปฏิบัติอย่างจริงจังด้วย
การขอทำใบอนุญาตขับขี่
การทำใบขับขี่รถยนต์มีขั้นตอนที่ไม่มากมาย เพียงแต่อาจต้องให้ความสำคัญกับการอบรมให้มากขึ้น และการสอบปฏิบัติควรฝึกซ้อมให้ชำนาญเพื่อการสอบเป็นไปอย่างราบรื่น โดยการทำใบขับขี่มีรายละเอียดดังนี้
หลักฐานประกอบคำขอ
- ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนหรือภาพถ่ายใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือภาพ ถ่ายหนังสือเดินทาง หรือภาพถ่ายหนังสือสำคัญประจำตัวอย่างอื่น
- สำเนาหรือภาพถ่ายทะเบียนบ้าน (กรณีที่อยู่ไม่ตรงกับที่อยู่ในทะเบียนราษฎร์) หรือเอกสารแสดงถิ่นที่อยู่
- รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวกและแว่นตาดำ ขนาด 1 นิ้ว ซึ่งถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน จำนวน 2 รูป ในกรณีการขอใบอนุญาตแบบกระดาษ ส่วนการขอใบอนุญาตแบบพลาสติกไม่ต้องใช้
- ใบรับรองแพทย์ ออกก่อนวันยื่นคำขอไม่เกิน 1 เดือน
ขั้นตอนการดำเนินการ
1.เข้ารับการทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย ดังต่อไปนี้ ทดสอบปฏิกิริยา และทดสอบสายตา
2.เข้ารับการศึกษาอบรม ดังต่อไปนี้
- ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก และกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ 30 นาที
- ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย 30 นาที
- ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา 30 นาที
- ความรู้เกี่ยวกับหน้าที่ผู้ขับรถและการบำรุงรักษารถ 30 นาที
- ความรู้เกี่ยวกับมนุษยสัมพันธ์และมารยาทในการขับรถ 30 นาที
- ความรู้เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพพลานามัย 30 นาที
- หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ขับรถ 30 นาที
- หัวใจของการบริการทางการขนส่ง 30 นาที
- การตรวจความพร้อมของรถก่อนและหลังการใช้งาน 30 นาที
- ความรู้เกี่ยวกับการขับรถลากจูง และการขับรถลากจูงอย่างปลอดภัย 30 นาที
- ความรู้เกี่ยวกับวัตถุอันตราย (เฉพาะใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ ชนิดที่ 4) 6 ชั่วโมง
- ความรู้เกี่ยวกับรถบรรทุกวัตถุอันตราย และความรู้เกี่ยวกับหลักการบรรทุกวัตถุอันตราย 6 ชั่วโมง
3.เข้ารับการทดสอบข้อเขียน ดังนี้
- ผู้ขอรับใบอนุญาตชนิดที่ 1 หรือชนิดที่ 2 สอบข้อเขียนจำนวน 60 - 45 ข้อ
- ผู้ขอรับใบอนุญาตชนิดที่ 3 สอบข้อเขียนจำนวน 30 ข้อ
ผู้ขอรับใบอนุญาตชนิดที่ 4 ทดสอบข้อเขียนเช่นเดียวกับ (2) และสอบข้อเขียนวิชาความรู้ เกี่ยวกับวัตถุอันตรายเพิ่มอีก จำนวน 30 ข้อ ผู้รับการทดสอบจะต้องได้คะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 จึงจะถือว่าผ่านการทดสอบ
4.เข้ารับการทดสอบขับรถ ดังนี้
- ผู้ขอรับใบอนุญาตชนิดที่ 1 หรือชนิดที่ 2 สอบขับรถตามชนิดใบอนุญาต
- ผู้ขอรับใบอนุญาตชนิดที่ 3 และชนิดที่ 4 สอบขับรถลากจูง พร้อมรถพ่วง หรือรถกึ่งพ่วง โดยทำการทดสอบขับรถ ไม่น้อยกว่า 3 ท่า ใน 6 ท่า ดังต่อไปนี้
ท่าที่ 1 การเดินหน้าและหยุดรถเทียบทางเท้า
ท่าที่ 2 การขับรถเดินหน้าและถอยหลังในทางตรง
ท่าที่ 3 การขับรถถอยหลังเข้าจอดและออกจากช่องว่างด้านซ้าย
ท่าที่ 4 การหยุดรถและออกรถบนทางลาด
ท่าที่ 5 การกลับรถ
ท่าที่ 6 การขับรถเดินหน้าเข้าจอดในช่องที่เป็นมุมฉาก
5.เมื่อผู้ขอรับใบอนุญาตผ่านการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ทดสอบข้อเขียนและทดสอบขับรถแล้ว
- สำหรับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ ประเภทส่วนบุคคล ชำระค่าธรรมเนียมและรับใบอนุญาตได้
- สำหรับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ ประเภททุกประเภท ทางราชการจะทำการตรวจสอบ ประวัติอาชญากรว่า ไม่เป็นผู้เคยได้รับโทษจำคุกหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดอันได้กระทำโดยประมาทที่มิใช่เกี่ยวกับการใช้รถ ในการกระทำความผิด หรือเป็นความผิดลหุโทษหรือได้พ้นโทษมาแล้วเกินสามปี จึงจะชำระค่าธรรมเนียม และรับใบอนุญาตได้
การขับรถยนต์บนท้องถนนไม่ใช้เพียงแค่ขับได้แล้วออกรถวิ่งบนถนนทันที แต่หากขึ้นกับการขับให้เป็นด้วย เช่น ขับให้ปลอดภัย การเลี้ยว การจอด ต้องอยู่เกณฑ์ที่ปลอดภัย การขึ้น-ลงเนินต้องรู้จักวิธีการควบคุมคันเร่งหรือเบรก โดยเฉพาะรถที่ใช้คลัตช์ต้องฝึกฝนให้เข้าใจ และรวมถึงการใช้งานรถยนต์ รู้ถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่มีในรถยนต์รุ่นนั้นให้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด โดยคำนึกถึงผู้ร่วมทางเป็นหลัก อย่าลืมนะครับ เมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ คาดเข็มขัด เปิดไฟเลี้ยว มีน้ำใจต่อผู้อื่น และสุดท้ายขับรถด้วยความเร็วตามกฎหมายกำหนด