เจาะลึกระบบและการใช้งาน Lane Keeping Assist System ใน Honda Sensing
รถยนต์ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่หลากหลายและมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ขับขี่ เพื่อใช้เดินทางไกล ช่วยลดการเมื่อยล้า และเพิ่มความความปลอดภัยได้มากขึ้น เช่น ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ - Lane Keeping Assist System (LKAS) ที่มีใน
Honda Accord Hybrid Tech นับว่าทันสมัยและล้ำอนาคตสุดๆ โดยจะมาพร้อมระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ - Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW) ซึ่งจะทำงานควบคู่กันได้อย่างดี แต่ว่าหากมีระบบมากมายเหล่านี้แล้วมีวิธีขั้นตอนการใช้งานอย่างไรมาดูกันเลยครับ
ทีมงานเช็คราคา.คอม ได้มีโอกาสขับทดสอบรถยนต์
ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริดเทค ใหม่ ปี 2016 รุ่นท็อปสุด ราคา 1,849,000 บาท (นับว่าถูกลงจากรุ่นปี 2014 ที่มีราคา 1,899,000 บาท) พร้อมกับระบบ Honda Sensing ด้วยเส้นทางกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ 3 วันเต็ม ซึ่งส่วนหนึ่งของระบบทั้งนั้นมี 2 ระบบที่เป็นประโยชน์มากๆ ตลอดการเดินและให้ความปลอดภัยได้ดี ก่อนอื่นมารู้จักระบบทั้ง 2 แบบนี้กันก่อนนั่นคือ
ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ - Lane Keeping Assist System (LKAS)
เป็นระบบที่ใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ โดยระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัยเพื่อช่วยผู้ขับขี่ให้ควบคุมรถอยู่ภายในช่องทางปกติและลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ ทั้งนี้ กล้องที่ติดตั้งอยู่บริเวณกระจกบังลมด้านหน้า จะตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถที่อยู่บนถนน โดยจะเริ่มทำงานที่ช่วงความเร็ว 72 - 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเปิดหรือปิดการทำงานของระบบนี้ได้ด้วยการกดสวิตช์ควบคุมที่ติดตั้งอยู่ที่มุมล่างขวาของพวงมาลัย เนื่องจาก LKAS ไม่ใช่ระบบขับขี่อัตโนมัติ ดังนั้นระบบจะหยุดทำงานถ้าหากผู้ขับขี่ปล่อยมือออกจากพวงมาลัย โดยจะมีการเตือนด้วยภาพผ่านทางหน้าจอ MID เพื่อให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ภายในช่องทางอีกครั้ง
ระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ - Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW)
เป็นระบบที่ใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูล พร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางจนอาจเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็ว (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร ระบบ RDM จะรวมอยู่ในระบบควบคุมการทรงตัว หรือ VSA เพื่อให้ตัวรถมีการเบรกอย่างเหมาะสม และพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า หรือ EPS ช่วยให้การบังคับพวงมาลัยทำได้อย่างแม่นยำ การแจ้งเตือนผ่านทั้งภาพและเสียง โดยจะแสดงผลผ่านทางหน้าจอ Multi Information Display-MID ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้ทราบว่าระบบกำลังทำงานเพื่อให้รถกลับมาอยู่ในช่องทาง โดยสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนต่างๆ ผ่านทางฟังก์ชั่น Setting ในตัวรถได้
มาถึงวิธีการใช้งานระบบควบคุมความเร็วแปรผันตามรถคันหน้ากันก่อน เมื่อความเร็วถึงจุดที่ระบบทำงานได้นั่นคือ 72 - 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ให้กดปุ่ม "MAIN" ขวามือบนพวงมาลัย หน้าจอบอกการใช้งานจะสว่างขึ้น หลังจากนั้นก็ปรับตั้งความเร็วตามต้องการ ด้วยปุ่ม +/- เมื่อได้ความเร็วตามที่ตั้งไว้ หากต้องการใช้ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ - Lane Keeping Assist System (LKAS) ให้กดปุ่มล่างที่เป็นรูปรถกับเส้นขอบทางเพื่อเปิดการใช้งาน หลังจากนั้นระบบก็ตรวจจับเส้นช่องทางอัตโนมัติ พร้อมกับการบังคับเลี้ยวให้รถตรงช่องทางมากที่สุด แต่มีข้อแม้ว่าห้ามปล่อยมือจากพวงมาลัย เพราะจะมีการเตือนทันทีครับ
ต่อมาเมื่อต้องการใช้ระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ - Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW) ระบบนี้สามารถเปิดใช้ได้จากการกดปุ่มทางขวาใต้ช่องแอร์คนขับ (ขวาล่างรูปรถเอียงออกนอกเลน) เพียงแค่นี้ระบบก็ทำงานทันทีครับ
สัญลักษณ์เตือนเมื่อรถออกนอกเลนพร้อมระบบพวงมาลัยจะดึงกลับอัตโนมัติ
ข้อสังเกตสำหรับระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ - Lane Keeping Assist System (LKAS) นั้นอาจต้องคอยดูบนจอหน้าปัดว่ารูปเส้นของทางนั้นต้องเป็นสีขาวทึบแสดงว่าระบบทำงานได้สมบูรณ์ แต่ถ้าเป็นเส้นโปร่งๆ หมายความว่าระบบไม่สามารถตรวจจับเส้นขอบทางได้ อาจเกิดจากเส้นแบ่งขอบทางนั้นไม่ชัดเจน ไม่มี หรืออาจซีดจาง เป็นต้น ส่วนระบบนี้หากเส้นของทางสภาพปกติจะสามารถตรวจจับได้ทั้งกลางวันและกลางคืนเลยครับ
ทางตรงระบบตรวจจับสบายหากใช้ระบบควบคุมความแปรผันยิ่งสะดวกเสริมด้วยระบบป้องกันออกนอกเลนยิ่งครบเครื่อง
เส้นของทางแบบนี้ระบบตรวจจับได้สบายๆ แต่เป็นทางลงเขาไม่ควรใช้นะครับ
สภาพเส้นทางแบบนี้ฝั่งซ้ายตรวจจับได้แต่ฝั่งขวาต้องระวังครับ
ความเร็วต่ำมากๆ ระบบไม่ทำงานนะครับ
เส้นขอบทางแบบนี้ระบบอาจตรวจจับยากสักหน่อย
นอกจากระบบจะช่วยเหลือการขับขี่และคอยเตือนเมื่อรถอยู่ในอาการที่ไม่ปลอดภัยแล้ว การใช้ระบบช่วยควบคุมรถออกนอกเลนและรักษาตำแหน่งให้อยู่ในเลนอัตโนมัติยังช่วยลดอาการเมื่อยล้าจากการต้องจับพวงมาลัยตลอดเวลา และลดการตึงเครียดในการขับขี่ระยะทางไกลได้เป็นอย่างดีอีกด้วยครับ
เดินทางถึงแม่กำปองอย่างไม่เมื่อยล้า
อีกระบบหนึ่งที่ทันสมัยก็คือ ระบบควบคุมความแบบแปรผันตามรถคันหน้า เมื่อเรด้าตรวจจับสัญญาณว่ามีรถด้านหน้าระบบจะปรับลดความเร็วให้เหมาะสมหรือเบรกให้เอง และเมื่อรถคันหน้าเพิ่มความเร็วหรือไม่มีรถอยู่ด้านหน้าแล้ว ระบบนี้ก็จะเพิ่มความเร็วให้ถึงจุดที่ผู้ขับตั้งเอาไว้โดยอัตโนมัติ และสามารถตั้งระยะห่างจากรถคันหน้าได้ 3 ระดับอีกด้วยครับ
ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริดเทค ใหม่ มีระบบความปลอดภัยอีกเพียบได้แก่
- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ด้วยกล้องที่ติดตั้งด้านล่างของกระจกข้างฝั่งซ้ายและแสดงภาพบนหน้าจอขนาด 7.7 นิ้ว เมื่อมีการเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย ด้วยความกว้างของภาพมากขึ้นถึง 4 เท่า หรือประมาณ 80 องศา พร้อมเส้นกะระยะ 3 เส้น
- กล้องด้านหลัง มุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ชัดมากๆ ขอบอกครับ และเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน
- เสียงเตือนภายนอกรถ (Acoustic Vehicle Alerting System - AVAS) เมื่อขับโหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ระบบจะส่งเสียงเตือนให้ผู้ที่อยู่ภายนอกรับรู้ว่ามีรถกำลังเคลื่อนตัวอยูในระยะใกล้
- ระบบไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light - ACL)
- ถุงลมถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ i-Side Airbag และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags รวม 6 ตำแหน่ง
- โครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ G-CON ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว (VSA) ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย (MA-EPS) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) และสัญญาณฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริดเทค นับเป็นรถที่ให้ทั้งความประหยัด ปลอดภัยและทันสมัย ขับขี่สบาย ไม่เมื่อยล้า อัตราเร่งจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า 215 แรงม้า นับว่าดุดันสะใจราวรถสปอร์ตซึ่งแตกต่างจากรูปทรงที่ดูหรูหรา ช่วงล่างนุ่มนวลและให้ความเกาะถนนมั่นใจ สิ่งอำนวยความสะดวกครบและความปลอดภัยเต็มคัน ในราคาสุดคุ้มต่ำจากรุ่นก่อนหน้าถึง 50,000 บาท แต่ได้ออปชั่นเกินตัวเพียง 1,849,000 บาท
แอคคอร์ดไฮบริดประหยัดจริงน้ำมัน 1 ถังจากกรุงเทพฯ ขับถึงเชียงใหม่ ยังเหลือขับเล่นในเมืองได้อีก
น้ำมันเกินครึ่งถังวิ่งได้อีก 411 กิโลเมตร
เมื่อเติมกลับคืนที่ระดับนำมันต่ำกว่าครึ่ง (รูปบน) เพียง 700 บาท!
เทคโนโลยีต่างๆ ที่บริษัทรถยนต์คิดค้นและผลิตออกมาเพื่อช่วยการขับขี่ให้มีความปลอดภัยมากขึ้น แต่หากมีเทคโนโลยีที่ดีมากมายแค่ไหน ผู้ขับขี่ควรต้องใช้ความระมัดระวัง เคารพกฏจราจรและดื่มไม่ขับ ง่วงไม่ขับ และรถต้องอยู่ในสถาพพร้อมต่อการเดินทางด้วยครับ
จอดพักบ้างเพื่อลดการเมื่อยล้า
ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย