ทำไมรถยนต์ต้องตั้งศูนย์ล้อ?
รถยนต์จำเป็นต้องตั้งศูนย์ถ่วงล้อด้วยหรือ? ทำไม่จึงต้องทำ ถ้าไม่ตั้งจะเกิดอะไรขึ้น? หลายคนอาจเคยได้ยินการตั้งศูนย์ ถ่วงล้อตามศูนย์บริการต่างๆ หรือเมื่อมีการสลับยางเปลี่ยนล้อ แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่า รถคันที่เราใช้งานอยู่ถึงคราวต้องตั้งศูนย์แล้ว เช็คราคา.คอมมีคำตอบครับ
การตั้งศูนย์คือ การปรับหน้าล้อให้เท่าๆ กัน ทั้งมุม Camber-มุมล้อหน้า (ปกติไม่สามารถตั้งได้/ออกแบบจากผู้ผลิตรถยนต์รุ่นนั้น) มุมToe-in Toe-out-มุมเลี้ยว Toe out on turns และ มุม Caster-มุมแกนล้อ (ไม่สามารถตั้งได้/ออกแบบจากผู้ผลิตรถยนต์รุ่นนั้น) ซึ่งต้องสัมพันธ์กันทุกมุม เพื่อให้รถวิ่งได้ตรงมากที่สุดโดยที่เราไม่ต้องเกร็งมือในการรั้งพวงมาลัยมากเกินไปจนเกิดการเมื่อยล้า หรือเมื่อปล่อยมือสัก 1 -5 วินาทีรถยังคงวิ่งได้ตรงอยู่ รวมถึงในขณะเลี้ยวล้อคู่หน้าจะต้องเอียงตามตามเหมาะสมและไม่กินหน้ายางมากเกินไป และให้หน้ายางสัมผัสผิวถนนให้มากที่สุดครับ และการตั้งศูนย์ล้อยังช่วยปรับศูนย์รถระหว่างล้อคู่หน้า-คู่หลังให้วิ่งเป็นแนวเดียวกัน ไม่เช่นนั้นรถคุณอาจจะวิ่งเป็น "ปูนาขาเก" หรือวิ่งเอียงๆ ก็เป็นได้
สำหรับรถรุ่นที่ตั้งได้ทั้ง 4 ล้อ ยิ่งจำเป็นต้องตั้งให้ครบจะช่วยให้วิ่งได้ตรงมากขึ้นนะครับ
มุมเแคมเบอร์หรือการตั้งค่าให้ส่วนบนของล้อแบะออก/หุบเข้านั่นเอง
คันนี้แคมเบอร์ติดลบโหดสุดๆ
คันนี้ก็แคมเบอร์บวกมากๆ สำหรับการปรับมุมแคมเบอร์ในบรรดาหมู่รถซิ่งนั้น จะใช้การติดตั้ง "Ball joint" หรือปรับองศามุมนี้ได้ที่เบ้าโช้ก เพื่อทำให้แบะได้สมใจหรืออาจจะเปลี่ยนชุด "คอม้า" หรือ "ปีกนก" เพื่อให้มุมล้อเปลี่ยนไปจนแบะออกได้เช่นกันครับ
Camber ลบหรือยางส่วนบนเบนเข้ามากๆ การสึกหรอจะเป็นแบบนี้
เบ้าโช้กแบบปรับองศาแคมเบอร์ได้
ถ้ายังปรับ Camber ให้ลบไม่สะใจจัดชุดปีกนกใหม่ไปเลย
มุมโท-อิน โท-เอาท์ เพื่อควบคุมรถให้วิ่งได้ตรงมากที่สุด
มุมโท-อิน โท-เอาท์ ตั้งที่ส่วนปลายแร็คหรือลูกหมากคันชักคันส่ง เพื่อปรับให้ล้อนั้นกางออกหรือหุบเข้า
จุดปรับตั้งมุมล้อ Toe-in Toe-out
มุมโท-เอาท์ ออน เทิร์น เพื่อให้ล้อทำมุมขณะเลี้ยวได้ถูกต้อง
มุมแคสเตอร์เป็นมุมของแกนสลักล้อหน้าออกแบบมาจากโรงงานผู้ผลิตโดยทั่วไปตั้งไม่ได้นะครับ แต่ก็มีรถที่
ใช้สำหรับแข่งขันสามารถสร้างจุดยึดหัวโช้กเพื่อเปลี่ยนมุมแคสเตอร์ขึ้นใหม่ซะเลย! ตัวอย่างการตั้งค่าที่บอกเป็นองศาของมุมล้อต่างๆ
เมื่อตั้งศูนย์ได้ค่าถูกต้องแล้วก็จะขับได้อย่างเสถียร แม่นย้ำ พวงมาลัยควบคุมง่าย ไม่กินยาง ไม่เลื่อยตามรอยต่อถนนและเลื่อยเมื่อวิ่งผ่านเส้นแบ่งเลนอีกด้วยครับ
ประโยชน์ของการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ
1. สัมผัสถนนเต็มหน้ายาง+ป้องกันหน้ายางสึกไม่เท่ากัน
เมื่อหน้าสัมผัสยางรถยนต์เต็มพื้นที่ส่งผลให้เพิ่มความสามารถในการเกาะถนน และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น พร้อมช่วยลดการสึกของหน้ายางไม่เท่ากัน เช่น กินนอก-กินใน เป็นต้น เพราะจะเห็นว่าในมุม Camber นั้นพยายามทำให้ล้อตั้งฉากกับพื้นถนนให้มากที่สุด (ตามสเปคผู้ผลิตของรถรุ่นนั้นๆ)
2. ลดอาการสั่นเวลาวิ่ง
นอกจากการตั้งศูนย์แล้ว การถ่วงล้อจะช่วยให้เวลาวิ่งรถจะไม่สั่นสะท้าน (ในกรณีระบบช่วงล่างปกติ) แม้จะเคยถ่วงล้อมาแล้ว แต่การใช้งานประจำอาจมีการสึกของหน้ายางที่ไม่เท่ากัน การหลุดของตะกั่วที่ติดถ่วงเอาไว้ ซึ่งส่งผลให้ยางไม่มีความกลม และจะมีจุดที่น้ำหนักมากกว่าจุดอื่นๆ เกิดขึ้น ดังนั้นการถ่วงล้อเป็นประจำ อย่างน้อยทุกๆ 20,000 กิโลเมตร จะช่วยให้การขับขี่รถคุณราบรื่นมากขึ้นครับ
ถ้ารื้อช่วงล่างออกมาก็จำเป็นต้องตั้งศูนย์
3. ปรับให้ศูนย์รถกลับมาเป็นปกติหลังจากซ่อมระบบช่วงล่างหรือโหลดเตี้ย-ยกสูง
รถที่ผ่านการแก้ไข ปรับเปลี่ยนระบบช่วงล่างทั้งซ่อมแร็คพวงมาลัย, เปลี่ยนลูกหมากคันชัก-คันส่ง, เปลี่ยนลูกปืนล้อหน้า รวมถึงการเปลี่ยนชุดสปริงโหลดหรือยกสูง ย่อมส่งผลต่อมุมศูนย์ล้อโดยตรง ดังนั้นหลังจากมีการปรับแต่งช่วงล่างแล้วควรตั้งศูนย์ด้วยนะครับ
ใส่สปริงโหลดก็ต้องตั้งศูนย์
รถที่ยกสูงแล้วก็ต้องตั้งศูนย์ด้วยเช่นกัน
ตั้งศูนย์ 2 ล้อ หรือ 4 ล้อดี?
ตั้งศูนย์ 2 ล้อหรือ 4 ล้อ ขึ้นกับรถยนต์แต่ละรุ่นที่มีตัวปรับตั้งที่ล้อหลังหรือไม่ สำหรับล้อคู่หน้าสามารถปรับตั้งได้ปกติทุกคัน แต่สำหรับล้อคู่หลังบางรุ่นจะมีตัวปรับตั้งลักษณะเป็นหัวน็อตที่มีลูกเลี้ยวติดมาด้วย เพื่อให้ช่างปรับตั้งโดยการขันน็อตพร้อมตั้งลูกเบี้ยวตัวนี้ให้ได้ค่าที่ถูกต้อง ส่วนบางรุ่นอาจมาเป็นหัวน็อตธรรมดาที่ออกแบบให้ไม่สามารถตั้งค่าได้
สังเกตน็อตรุ่นปรับได้จะเป็นแหวนแบบลูกเบี้ยว
รุ่นนี้ปรับตั้งล้อหลังไม่ได้เพราะน็อตไม่มีส่วนของลูกเบี้ยว
ภาพจาก Top gear auto
การถ่วงล้อคือ ทดสอบการหมุนของล้อด้วยเครื่องถ่วงดูว่ามีการแกว่งมากน้อยเพียงใด ส่วนมากมักทำเมื่อเปลี่ยนล้อและยางชุดใหม่ โดยล้อและยางส่วนมากมักมีน้ำหนักของเส้นรอบวงไม่สม่ำเสมอกัน ซึ่งเกิดจากการผลิตเนื้อที่อาจมีน้ำหนักไม่เท่ากันหรือล้อแม็กอาจมีจุดศูนย์ถ่วงไม่เท่ากันตลอดเส้นรอบวง ดังนั้นเมื่อรวมกันก็เกิดแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ที่ไม่พอดี จึงเกิดการสั่นเมื่อล้อหมุน ซึ่งการถ่วงล้อก็เป็นการเอาชุดตะกั่วถ่วงที่มีขนาดเล็กๆ ตามน้ำหนักที่เครื่องถ่วงล้อแสดงขึ้นมา เพื่อให้ช่างติดตะกั่วตามจุดต่างๆ ให้มีความบาลานซ์ขึ้น ทำให้ล้อไม่แกว่งขณะหมุนนั่นเองครับ
เครื่องถ่วงแบบถอดล้อและแบบจี้ประชิดล้อ
ตะกั่วถ่วงน้ำหนัก
เครื่องถ่วงล้อมี 2 ชนิดหลักๆ คือ แบบถอดล้อถ่วงด้วยเครื่อง และถ่วงล้อแบบประชิด โดยใช้เครื่องจี้ที่ล้อโดยตรง วิธีประชิดล้อจะค่อนข้างแม่นยำกว่า เพราะจะเป็นการหมุนล้อพร้อมกับแกนล้อ, ลูกปืน, หรือเพลาขับ (กรณีล้อขับเคลื่อน) และราคาก็แตกต่างกันออกไปครับ
ค่าตั้งศูนย์และถ่วงล้อแพงไหม?
ราคาตั้งศูนย์สำหรับ 2 ล้อ โดยเฉลี่ยทั้งร้านเล็ก-กลาง-ใหญ่ประมาณ 200 - 300 บาท* และ 4 ล้อ ประมาณ 400 - 500 บาท* ส่วนการถ่วงล้อ 4 ล้อ เฉลี่ยทั้งแบบถอดล้อและประชิดล้อ ประมาณ 50 - 100 บาทต่อล้อครับ*
(*ราคาประมาณนะครับขึ้นกับพื้นที่และบริษัท-ห้างร้านในแต่ละแห่งด้วย)
รถยนต์ทุกคันจึงจำเป็นต้องตั้งศูนย์ล้อและถ่วงล้อ ไม่ว่ารถที่ตั้งได้เฉพาะ 2 ล้อหน้าหรือ 4 ล้อก็ตาม เพื่อการควบคุมรถและการยืดอายุของชิ้นส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ ความปลอดภัยครับ การตั้งศูนย์ล้อที่ดีนั่นหมายถึงการควบคุมรถได้เสถียรมากขึ้น หรือควบคุมรถได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อต้องเบรกหรือหักหลบอย่างกะทันหันจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด
ส่วนคันนี้จะขับยังไงดีล่ะ!!