ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

x
icon-filter ค้นหารถยนต์
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

รู้ทันโจรขโมยรถ

icon 31 ต.ค. 57 icon 80,735
รู้ทันโจรขโมยรถ

รู้ทันโจรขโมยรถ
การจอดรถยนต์ทิ้งไว้ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวัน กลางคืน จะจอดเพียงครู่เดียว หรือนานข้ามวัน ก็มีโอกาสถูกโจรกรรมได้ และไม่จำเป็นว่าต้องรถใหม่ป้ายแดงเท่านั้น รถเก่าหลายปีก็มีสิทธิถูกขโมยได้เช่นกันตามใบสั่งของประเทศเพื่อนบ้านหรือตามคำสั่งซื้อรถยนต์รุ่นนั้น
ในปัจจุบัน โจรได้พัฒนาเทคนิควิธีการขโมยหลากหลายรูปแบบ จนสามารถจัดการกับรถที่แม้ติดตั้งระบบป้องชนิดดีเยี่ยมเพียงใด ก็ไม่อาจหยุดความพยายามของเหล่าโจรได้ เรามาเตรียมตัวให้พร้อมรับมือโจรขโมยรถกันดีกว่าครับ

วิธีต่างๆ ที่โจรนิยมใช้ในการขโมยรถ มีดังต่อไปนี้
1. รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ใช้ระบบตรวจสอบก่อนทำการสตาร์ท ด้วยเซ็นเซอร์ที่จะอ่านรหัสให้ตรงกันกับลูกกุญแจอย่างระบบกุญแจแบบ Immobilizer ซึ่งต้องมี  ID Code ที่ตรงกันเท่านั้น หากไม่ตรงกันก็ไม่สามารถสตาร์ตเครื่องยนต์ได้ หรือการต่อสายตรงก็ไม่สามารถสตาร์ตได้ แต่ระบบนี้โจรใช้เวลาในการทำก๊อบปี้รหัสใหม่ขึ้นมาในไม่กี่อึดใจเท่านั้น
     
2. ใช้เหล็กที่แข็งแรงพิเศษขนาดเท่ากุญแจแทงเข้าไปในรูกุญแจเพื่อทำให้ชิ้นส่วนเสียหายพร้อมกับบิดแรงๆ ก็สามารถเปิดประตูรถและต่อสายตรงสตาร์ตเครื่องยนต์ได้ในเวลาไม่นาน อาจใช้เวลาไม่เกิน 20-30 วินาทีเท่านั้น
3. ใช้น้ำกรดชนิดเข้มข้นใส่เข็มฉีดยาหยดเข้าไปในรูกุญแจเพื่อให้กัดทำลายชุดระบบภายใน รวมทั้งใช้กับพวกอุปกรณ์ล็อคต่างๆ ภายในรถได้อีกด้วย
4. คนร้ายอาจเป็นช่างผู้ให้บริการตามอู่ซ่อมรถ ซึ่งมีความชำนาญอยู่แล้ว และอาจทำกุญแจผี หรือมีความรู้ด้านการทำลายระบบกันขโมยให้ช็อตจนใช้การไม่ได้ แล้วจึงขโมยรถอย่างง่ายดาย จึงควรตรวจสอบอู่รถที่เข้าใช้บริการและไม่ควรทิ้งรถไว้โดยไม่เฝ้าดู แต่ถ้าจำเป็นต้องทิ้งรถค้างคืนก็ควรหาอู่ที่รู้จักคุ้นเคยและไว้ใจได้

5. ใช้ลวดเกี่ยวขอบกระจก วิธีนี้เก่าแก่แต่ก็ได้ผล แต่ก่อนที่โจรจะเกี่ยวกลอนที่ขอบประตูนั้นจะต้องทำการช็อตระบบกันขโมยก่อนด้วยการแกะหรือถอดสายไฟต่างๆ เช่น ไฟเลี้ยวแก้มที่ถอดออกง่ายสุด แล้วทำการตัดสายไฟมาช็อตกัน เพื่อให้ระบบกันขโมยหยุดการทำงาน และสามารถเปิดรถ พร้อมกับสตาร์ตต่อสายตรงขับได้ทันที

6. กุญแจปลอมหรืออาจเป็นกุณแจที่แอบปั๊มจากแม่กุญแจตัวจริงขณะนำรถเข้ารับบริการต่างๆ โดยที่เจ้าของรถไม่ทันสังเกตเห็น ถ้ามีระบบกันขโมยก็จะใช้วิธีต่างๆ เพื่อให้เข้ามาภายในรถได้ก่อน ที่เหลือก็แค่สตาร์ตรถขับได้ทันที
7. จี้-ปล้น หรือทุบกระจกในที่เปลี่ยว และอาจมาในรูปแบบขอนัดดูรถเพื่อซื้อ-ขายกัน แล้วอาจลวงเพื่อปล้นชิงรถ
8. ยกหรือลากไปทั้งคัน วิธีอาจไม่นิยมนักเพราะค่อนข้างใช้เวลาเยอะ และอาจมีผู้พบเห็นได้ง่าย แต่คนร้ายอาจใช้วิธีเหมือนว่ารถเสียลากไปซ่อม และทำทีเป็นเจ้าของรถเอง เพื่อตบตาผู้พบเห็น
จุดหมายปลายทางรถถูกขโมย
รถที่ถูกขโมยส่วนใหญ่ได้รับคำสั่งซื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งปลายทางนั้นคงเป็นบริเวณตะเข็บชายแดนต่างๆ โดยการขับลงแพที่ต่อไว้ขนาดเล็กพอขนรถยนต์ได้แล้วใช้ไม้ถ่อข้ามแม่น้ำไป ส่วนรถที่ไม่ได้เป็นรุ่นยอดนิยมก็มักจะถูกนำไปแยกชิ้นส่วนเพื่อเป็นอะไหล่ต่อไป หรืออาจนำมาสวมทะเบียนเพื่อขายต่อ
*ข้อสังเกต พวกโจรจะใช้เวลาตลอดทั้งกระบวนการขโมยรถให้สั้นและน้อยที่สุด บางครั้งอาจสังเกตว่ารถบางคันที่เป็นรุ่นที่หายบ่อยจะขับด้วยความเร็วสูงๆ ปาดไป-มา โดยไม่สนใจรถรอบข้าง ซึ่งการขโมยจะมีทีมหลายส่วนคอยเปลี่ยนมือตลอด เช่น ทีมดูลาดเลา ทีมงัดขโมยรถและขับไปจอดที่จุดนัด (ทีมนี้ชำนาญเป็นพิเศษ) ทีมขับส่งรถ (ไปสถานที่ตามนัดคือ ตะเข็บชายแดนต่างๆ) ทีมรับช่วงต่อ และทีมจัดการ (จะนำไปส่งผู้ซื้อในต่างประเทศ, ชำแหละเป็นอะไหล่ ฯลฯ)
   
การป้องกันที่ดีคือ "ถ่วงเวลามากที่สุด"
ในเมื่อโจรต้องการใช้เวลาน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้เสี่ยงเกินไป เจ้าของรถก็ต้องมีระบบป้องกันต่างๆ ที่สามารถล็อกได้ทุกอย่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และวัสดุแข็งแรงที่สุด เช่น
  • ใช้ที่ล็อกเกียร์
  • เบรก/คลัตช์ (มีระบบตัดไฟยิ่งดี)
  • ล็อกพวงมาลัย
  • ล็อกล้อ
  • ล็อกเบาะ (วิธีนี่ง่ายมากเลื่อนเบาะไปหน้าสุดใส่กุญแจสายยูที่รางเบาะโจรจะถอยเบาะได้ลำบากทำให้ขับรถไม่ได้เพราะติดพวงมาลัย)
  • ล็อกฝากระโปรง
  • ติดตั้งอุปกรณ์ตัดระบบไฟสตาร์ตแยกต่างหาก และซ่อนเอาไว้
  • ติดตั้งระบบติดตามค้นรถด้วย GPS หากมีงบประมาณสูงหน่อย แต่ถ้าอยากประหยัดใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นถูกๆ ใส่ซิมการ์ดเปิดเบอร์แบบเติมเงินทิ้งไว้ เมื่อรถหายยังสามารถใช้การติดตามจากสัญญาณโทรศัพท์ได้
  • และอีกสารพัดวิธีที่สามารถใช้ได้ 

จากวิธีข้างต้นนี้ ทุกท่านสามารถเลือกใช้ได้ตามสะดวกเลยครับ แม้จะเป็นการรป้องกันที่ลงทุนไม่สูงมาก แต่คุ้มค่ากับการรักษารถยนต์ที่ราคาหลายแสนจนถึงล้านได้ไม่มากก็น้อยครับ 
ควรทำอย่างไร เมื่อรถหาย?
แจ้งรายละเอียดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด ผ่านทางสายด่วนแจ้งรถหาย โทร. 1192 และตรวจสอบข้อมูลผู้ครอบครอง หรือรายละเอียดของรถยนต์และจักรยานยนต์ที่ต้องสงสัยได้ที่ 1800-222-444 ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือโทรหมายเลขพิเศษ "1599" ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยติดตามสกัดจับคนร้าย และช่วยกระจายข่าวสารไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ การแจ้งไปยังสื่อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการค้นหาได้มากขึ้น เช่น สื่อออนไลน์ต่างๆ สื่อทางวิทยุ จส.100 หรือ สวพ.91 traffic pro รวมถึงบอกผ่านคนรู้จักเพื่อช่วยกระจายข่าวได้มากขึ้น
แท็กที่เกี่ยวข้อง
CAR GURU
เขียนโดย เช็คราคา.คอม CAR GURU

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)