10 วิธี ขับรถอย่างไรให้ประหยัด รับสถานการณ์น้ำมันแพง
การเตรียมความพร้อม เพื่อรับกับสถานการณ์น้ำมันที่แพงขึ้นในปัจจุบันมีอยู่หลายวิธี นอกจากการหมั่นตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ ลมยาง หรืออื่นๆ แล้ว ยังมีวิธีง่ายๆ ที่เราควรฝึกให้เป็นนิสัยทุกครั้งในการขับรถ เพื่อเป็นแนวทางให้ประหยัดน้ำมันกับเงินในกระเป๋าของเราครับ
10 วิธีการขับรถต่อไปนี้ เป็นเพียงเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ แต่หากปฏิบัติได้ ก็จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ไม่มากก็น้อยนะครับ (ความประหยัดที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์มาจากการประมาณนะครับ)
1. เริ่มจากการสตาร์ตเครื่องรถยนต์ ไม่ต้องรออุ่นเครื่องนานเกินไป เพราะเป็นการเปลืองโดยใช่เหตุ วอร์มซักครึ่งนาทีก็ค่อยๆ ขับออกไปอย่างช้าๆ รถรุ่นใหม่ระบบหล่อลื่นดีกว่าสมัยก่อนแล้วครับ วิธีนี้ประหยัดได้ประมาณ 1-2%
2. ออกรถ หรือเร่งนิ่มๆ ออกแรงบนคันเร่งแผ่วๆ เมื่อรถเคลื่อนที่สักระยะหนึ่งก็ค่อยๆ ค้างระดับนั้นไว้ ให้เครื่องยนต์เปลี่ยนจังหวะเกียร์เองไปเรื่อย หรือง่ายๆ คือ เร่งไม่ควรเกิน 2,000-2,500 รอบ/นาที (ยกเว้นหากมีความจำเป็นต้องใช้อัตราเร่งมากๆ) วิธีนี้ประยุกต์ใช้ได้ทั้งเกียร์อัตโนมัติและธรรมดา ช่วยประหยัดได้ประมาณ 2-5%
3. เมื่อรถจอดติดสัญญาณไฟ ก็ปล่อยให้รถไหลไปเองตามแรงเฉี่อย โดยไม่ต้องปลดเกียร์ว่างนะครับ เป็นการทำให้เครื่องยนต์ตัดการจ่ายน้ำมันอัตโนมัติ เพราะกล่องควบคุมรับรู้ว่าไม่มีภาระความต้องการใช้น้ำมันขณะนั้น ยิ่งปล่อยไหลไปไกลเท่าไหร่ก็ประหยัดเท่านั้นครับ (แต่จะต้องระวังไม่ให้เกะกะรถด้านหลังด้วยนะครับ) วิธีการนี้จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ประมาณ 3-7%
4. เวลาขับรถขึ้นเนิน หากมีระยะทางพอ ให้เพิ่มความเร็วอีกเล็กน้อยซักประมาณ 5 กม./ชม. จากเดิมที่วิ่งอยู่ เมื่อขึ้นใกล้จะถึงปลายเนินแล้วปล่อยคันเร่งเลย ให้แรงเฉื่อยพารถไหลต่อ และเมื่อลงก็ปล่อยไหลต่อไปได้อีก พอถึงทางราบก็เดินคันเร่งให้รถมีความเร็วระดับใกล้เคียงเดิมที่ลงเนินมา (อันนี้ฝึกบ่อยๆ นะครับแต่ได้ผลดี) ช่วยประหยัดประมาณ 2-4%
5. ขับบนถนนที่มีลูกระนาด กะระยะก่อนถึงปล่อยคันเร่งให้รถชะลอเองจนความเร็วเหมาะที่จะขึ้นเนินอย่างนุ่มนวล เมื่อพ้นแล้วก็เดินคันเร่งแผ่วๆ ให้พอมีความเร็วก่อนถึงลูกระนาดอันต่อไป จะช่วยประหยัดประมาณ 1-2%
6. เมื่อเลี้ยวรถในลักษณะที่หักพวงมาลัยจนสุด ให้ออกตัวช้าๆ ก่อน จนสามารถคืนพวงมาลัยได้เล็กน้อยค่อยเร่งความเร็วขึ้น (ต้องแน่ใจว่าไม่ตัดหน้ารถทางตรงนะครับ) เพราะเมื่อหักพวงมาลัยสุด เพลา หรือมุมของล้อหน้าซ้าย-ขวาจะขืนอยู่นิดๆ เป็นปกติของมุมในการเลี้ยวรถ จังหวะนั้นเองเครื่องยนต์ต้องใช้กำลังสู้กับแรงฝืดนั้นพอสมควร ดังนั้นรอให้คืนพวงมาลัยออกเล็กน้อยแล้วค่อยเพิ่มความเร็ว วิธีการนี้ช่วยประหยัดได้ประมาณ 1-2%
7. ขณะขับบนถนนโล่งๆ ไม่ควรเร่งจนระยะชิดคันหน้าแล้วเบรก ควรรักษาระดับความเร็วให้ใกล้เคียงรถที่อยู่เลนเดียวกัน ช้าหรือเร็วตามๆ กันไป และมองสถานการณ์ล่วงหน้าอีกซัก 4-5 ช่วงคันรถ เมื่อเห็นว่ารถที่อยู่ไกลๆ เบรก เราก็ยกคันเร่งจนความเร็วลดระดับลงมา คล้ายชะลอความเร็วก่อนรถที่อยู่หน้าเราจะเบรก จังหวะนั้นค่อยๆ ปล่อยรถให้ไหลตามแรงเฉื่อย และอย่าลืมใช้ความเร็วตามกฏหมายกำหนดด้วยนะครับ การขับรถวิธีนี้ ช่วยประหยัดประมาณ 1-2%
8. ไม่เปลี่ยนเลน หรือขับแทรกบ่อยๆ เพราะจังหวะนั้นต้องใช้กำลังเครื่องเพื่อเร่งความเร็วให้เท่ารถในเลนที่เราขับไปแทรก หากจำเป็นควรเว้นระยะห่างรถข้างหน้าไว้มากหน่อย เพื่อมีระยะปล่อยไหล แล้วพอได้จังหวะเปลี่ยนเลนก็เร่งเพียงเบาๆ ความเร็วจะไม่ต่างกันมาก ทำให้ไม่ต้องใช้กำลังเครื่องมากเกินความจำเป็น จะช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้ประมาณ 1-2%
9. ศึกษาเส้นทางลัด-เลี่ยงรถติด ฟังรายงานจราจร และเมื่อจอดรถทำธุระก็ดับเครื่องทุกครั้ง เช่น เติมน้ำมัน, ซื้อกับข้าว, จอดแต่งหน้าในห้างหรือสถานที่เที่ยวต่างๆ ฯลฯ ประหยัดประมาณ 5-10%
10. หลีกเลี่ยงการเพิ่มน้ำหนักอันเป็นภาระของเครื่องยนต์โดยไม่จำเป็น เช่น ล้อโตๆ เครื่องเสียงชุดใหญ่ ชุดแต่งบางประเภท รวมถึงสัมภาระไม่จำเป็น ช่วยประหยัดประมาณ 3-5%
ทั้ง 10 วิธีเบื้องต้นนี้ เป็นเพียงตัวช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น เมื่อฝึกฝนบ่อยๆ นอกจากจะประหยัดน้ำมันแล้ว ยังเป็นการรักษาอุปกรณ์ ชิ้นส่วนอื่นๆ ของรถยนต์ให้สึกหรอน้อยลง และทำให้เรามีนิสัยการขับรถที่ดี ใจเย็นลงอีกด้วยนะครับ แม้ว่าแต่ละข้อจะได้อย่างละ 1% หรือ 5% แต่ถ้าทำได้มากกว่า 5 ข้อขึ้นไป รวมแล้วก็ประหยัดได้มากกว่า 5% ไม่จำเป็นต้องเสียเงินสามถึงสี่พันบาทไปกับการติดตั้งอุปกรณ์ที่โฆษณาที่บอกว่าประหยัดน้ำมันได้ถึง 5-10% อีกด้วยครับ