10 อันดับรถยนต์ 10 รุ่นรถเทคโนโลยีเด่น ปี 2016

เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 1.6 ลิตร 4 สูบ DIT พร้อมระบบขับเคลื่อน Symmetrical All-Wheel Drive (AWD) มีระบบสัญญาณไฟหยุดฉุกเฉิน (Emergency Stop Signal) ที่พร้อมกะพริบไฟเตือนอันตรายทันทีที่มีการลดความเร็วสูงลงฉับพลัน ด้านการป้องกันคนเดินถนน ฝากระโปรงด้านหน้าและผนังห้องเครื่องออกแบบโครงสร้างรับแรงกระแทกและชุดรับแรงกระแทกด้านข้างของห้องเครื่องยนต์

ปรับการออกแบบให้สวยงาม ล้ำยุคมากขึ้น สมกับเป็นสุดยอดโรดสเตอร์ระดับโลก ทุกจุดของตัวรถล้วนแต่ผ่านการสร้างสรรค์ขึ้นอย่างประณีต ตั้งแต่หัวจรดท้าย ภายในห้องโดยสาร ออกแบบโอบล้อมผู้ขับ ทรงและตำแหน่งของเบาะเสริมความรู้สึกสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ด้านตำแหน่งอุปกรณ์การใช้งานต่างๆ ถูกย่อส่วนสาระสำคัญไว้บนพวงมาลัย เพื่อความสะดวกขึ้น และที่ให้ความเพลิดเพลินสมกับเป็นโรดสเตอร์ใช้ในชีวิตประจำวันก็คือ ระบบติดต่อสื่อสารและความบันเทิงใหม่ล่าสุด Porsche Communication Management (PCM) ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนขุมพลังได้จากเครื่องยนต์เทอร์โบขนาด 2.5 ลิตร 4 สูบวางกลาง เทอร์โบเป็นแบบแปรผัน ให้กำลังสูงสุดกว่า 350 แรงม้า

ด้วยเทคโนโลยีคลัตช์คู่อัจฉริยะ (Intelligence Dual Clutch System) ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์แบบไฮบริด ประกอบด้วย คลัตช์จำนวน 2 ตัว คลัตช์ตัวที่ 1 ติดตั้งอยู่ระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ และคลัตช์ตัวที่ 2 อยู่ระหว่างมอเตอร์และเชื่อมต่อกับเกียร์แบบ XTRONIC CVT นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ให้สนุกแต่ยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัยรอบด้าน

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน แบบ V6 Twin Turbo ความจุกระบอกสูบ 2,996 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 333 แรงม้า และกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 116 แรงม้า ที่ 5,250-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 480 นิวตันเมตร ที่ 1,600-4,000 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 245 กม/ชม. ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 7G-Tronic Plus แบบ Direct Select เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย พร้อมติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียม ไอออน ขนาดความจุ 8.7 กิโลวัตต์ แบตเตอรี่ชาร์จไฟเต็มได้ภายใน 4 ชั่วโมง และสามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าหรือโหมด EV ได้ไกลถึง 30 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม.

มาพร้อมระบบอัจฉริยะ Lexus Hybrid Drive ผสานการทำงานระหว่างพลังไฟฟ้าจากมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง และเครื่องยนต์ไฮบริด V6 Atkinson Cycle ขนาด 3.5 ลิตร และระบบวาล์วอัจฉริยะ Dual VVT-i พร้อมระบบหัวฉีด D-4S ให้ประสิทธิภาพและสมรรถนะการขับขี่ตื่นเต้น เร้าใจ ประหยัดน้ำมันยอดเยี่ยมและปล่อยไอเสียต่ำสุด

เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Turbo พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 5,500 รอบ/นาที ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร แต่กลับมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีกว่า ครบครันด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ผสานกับเทคโนโลยีความปลอดภัย เช่น ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold (Automatic Brake Hold)

ดีไซน์โฉบเฉี่ยว บึกบึน ประณีต โครงสร้างแบบบอดี้ออนเฟรม ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ พร้อมระบบ Terrain Management System (TMS) ที่เข้าใจง่ายและเลือกได้หลากหลายโหมด ระบบช่วงล่างล้ำสมัย ช่วยให้การขับราบรื่น นุ่มนวล ส่วนเทคโนโลยีเด่นๆ เช่น ระบบสั่งงานด้วยเสียงซิงค์2, ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ, ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับรถขณะออกจากช่องจอด

เทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด ใน BMW X5 xDrive40e สามารถนำสมรรถนะของมอเตอร์ไฟฟ้ามาใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แบตเตอรี่ของรถมีความจุ 9 กิโลวัตต์ชั่วโมง และสามารถชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไป โดยมีช่องเก็บสายชาร์จอยู่ใต้พื้นที่เก็บของ เมื่อแบตเตอรี่หมด สามารถชาร์จด้วยไฟบ้านให้เต็มได้โดยใช้เวลาราว 3 ชม. 50 นาที หรือเลือกเสริมประสิทธิภาพการชาร์จด้วยอุปกรณ์ บีเอ็มดับเบิลยู ไอ วอลล์บ็อกซ์ เพียว (BMW i Wallbox Pure) จาก BMW 360 องศา ELECTRIC ที่ทั้งปลอดภัย ใช้งานง่าย รวดเร็วด้วยกำลังไฟถึง 3.5 กิโลวัตต์ (16 แอมป์/230 โวล์ท) จึงสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาเพียง 2 ชม. 45 นาที

ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 4 สูบ 16 วาล์ว 2.0 ลิตร Direct Fuel Injection พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ พลัง 286 แรงม้า ที่ 5,300-6,200 รอบ/นาที แรงบิด 380 นิวตันเมตร ที่ 1,800-5,200 รอบ/นาที เกียร์ S-Tronic 6 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro เอกสิทธิ์ของออดี้ ล้อแม็กขนาด 19 นิ้วลายดุดัน ไฟหน้า LED พร้อม Daytime Running Light กระจังหน้า Audi Singleframe ขอบโครเมียม สปอยเลอร์หลังที่ปรับขึ้นอัตโนมัติเมื่อความเร็วถึงระดับ 120 กม./ชม. ที่สำคัญเป็นรถยนต์แท้จากออดี้เยอรมัน ที่ออกแบบเพื่อใช้ในประเทศไทย