2025 Mini Aceman ครอสโอเวอร์ EV ที่อยู่ระหว่าง
Mini Cooper และ
Countryman เปิดตัวแล้ว รถคันนี้ถูกวางในตำแหน่งซัพคอมแพ็ค SUV รถคันนี้จะมาพร้อมตำแหน่งการขับขี่และพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า Mini Cooper แต่ยังใช้ในเมืองได้อย่างคล่องตัว โดยไม่ถึงกับเทียบรุ่นกับ Countryman
Aceman จะมาพร้อมขุมพลังรูปแบบเดียวคือ ขุมพลังไฟฟ้า 100% ซึ่งต่างจาก Mini รุ่นอื่น ๆ ที่มีเครื่องยนต์สันดาปให้เลือกด้วย โดยจะมีขุมพลังให้เลือก 2 แบบ และมีการตกแต่งให้เลือกถึง 4 รูปแบบ
Crossover ขนาดเริ่มต้นคันใหม่ของค่าย
สำหรับดีไซน์ของ Mini Aceman ผสมผสานจุดเด่นของ Mini Cooper กับเหลี่ยมสันของ Countryman ได้อย่างลงตัว มีการตกแต่งด้วยพลาสติกสีดำรอบคัน แผ่นกันกระแทก และแร็คหลังคา เพื่อบ่งบอกถึงความเป็น SUV ที่น่าใช้ตามสมัยนิยม
ส่วนของกระจกที่ห่อหุ้มตัวรถและ Floating Roof ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Mini ยังคงมีใน Aceman อย่างครบถ้วน กระจังหน้าแปดเหลี่ยมแบบปิดสไตล์ EV ช่องดักอากาศจริงจะอยู่ที่ด้านล่างเพื่อช่วยระบายความร้อน ไฟหน้าเป็นทรงเหลี่ยมแต่เป็นคนละทรงกับ Countryman พร้อมไฟเดย์ไลท์ LED ที่แสดงผลได้ 3 โหมด เช่นเดียวกับไฟท้ายแบบ Pixel-Style
มีการตกแต่งให้เลือกถึง 4 แบบ
Mini Aceman มีการตกแต่งให้เลือกถึง 4 รูปแบบ
- Essential
- Classic
- Favoured
- JCW
แต่ละรุ่นจะมีการตกแต่งที่แตกต่างกันไป มีล้ออัลลอยขนาดตั้งแต่ 17 ถึง 19 นิ้ว ในรุ่น JCW จะมีดีไซน์ด้านหน้าที่ต่างออกไป หลังคาสี Chili Red พร้อมแถบบนฝากระโปรงหน้าและตกแต่งรอบคันด้วยสีดำเงา
มิติตัวถัง Mini Aceman
- ความยาว 4,075 มม.
- ความกว้าง 1,754 มม.
- ความสูง 1,495 มม.
รถคันนี้จึงยาวกว่า Cooper 217 มม. และสั้นกว่า Countryman 354 มม. ทำให้ Aceman อยู่กึ่งกลางระหว่างทั้งสองรุ่นและเป็นตัวแทนของ Clubman ได้พอดี
ภายในแบบมินิมอล ใช้พื้นที่อย่างชาญฉลาด
แม้ตัวรถจะมีขนาดเล็ก แต่ Mini ก็ยังคงไว้ซึ่งปรัชญาดีไซน์ “การใช้พื้นที่อย่างชาญฉลาด” เน้นถึงการใช้งานจริงในรถรุ่นนี้ ห้องโดยสารสามารถนั่งได้ 5 ที่นั่งพร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระ 300 ลิตร
ดีไซน์ภายในจะคล้ายกับ Mini Cooper ด้วยหน้าจอทรงกลมหนึ่งเดียวขนาด 9.44 นิ้ว ตรงกลางคอนโซล ฟังก์ชันภายในส่วนใหญ่ของรถจะต้องใช้งานร่วมกับจอนี้ ยังมีปุ่มและสวิตช์อยู่บางส่วน เช่น ปุ่ม start/stop, ปุ่มเบรคมือไฟฟ้า, เกียร์, โหมดการขับขี่ และปุ่มปรับระดับเสียง ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับรถในสมัยนี้
ระบบ infotainment ของรถมาพร้อมระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9 ที่มีแรงบันดาลใจจากสมาร์ทโฟนและมีระบบผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะใหม่ของ Mini อย่าง “Spike”
Aceman ยังมาพร้อมโหมดการขับขี่ Mini Experience Modes ถึง 8 โหมดด้วยกัน ได้แก่
- Personal Mode
- Go-Kart Mode
- Vivid Mode
- Core Mode
- Green Mode
- Timeless Mode
- Balance Mode
- Trail Mode
เมื่อปรับไปแต่ละโหมด จอกลางจะแสดงผลกราฟฟิคที่ต่างกันออกไป พร้อมแสงลวดลายต่าง ๆ ที่ออกมาจากโปรเจคเตอร์สองยูนิต แดชบอร์ดตกแต่งด้วยวัสดุผ้าถัก
ขณะเดียวกัน แผงประตูจะบุด้วยผ้าที่มาจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล เบาะนั่งของรถสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นผ้าหรือ Vescin หนังวีแกนจากทางมินิแบบเจาะรู อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือไฟ Ambient Light ที่บริเวณขอบของพานอรามิคซันรูฟของรถ
Aceman มาพร้อมระบบความปลอดภัยรอบคัน ประกอบด้วย เซนเซอร์ Ultrasonic 12 จุด และกล้องรอบคัน 4 จุด เพื่อรองรับระบบ ADAS ที่มีระบบอย่าง Driving Assistant Plus และ Remote Parking
ขุมพลัง 2 รูปแบบ
Mini Aceman ใช้พื้นฐานแพลทฟอร์มเดียวกับ Mini Cooper รุ่นไฟฟ้าล้วน จึงมาพร้อมระบบขับเคลื่อนและแบตเตอรี่เดียวกัน โดย Aceman E รุ่นเริ่มต้นมาพร้อมมอเตอร์เดี่ยวขนาด 181 แรงม้า (hp) แรงบิด 290 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า จับคู่แบตเตอรี่ความจุ 40.7 kWh ให้ระยะทางขับขี่สูงสุด 310 กม. ตามมาตรฐาน WLTP
ในรุ่นที่สูงขึ้นมาอย่าง Aceman SE จะมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่แรงขึ้น ให้กำลังสูงสุด 215 แรงม้า (hp) แรงบิด 330 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า จับคู่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นที่ 54.2 kWh ให้ระยะทางขับขี่สูงสุด 406 กม. ตามมาตรฐาน WLTP โดยมินิระบุว่าในรุ่นนี้จะปรับจูนแชสซีและการบังคับเลี้ยวที่สปอร์ตมากขึ้น และสุดท้ายในรุ่น JCW คาดว่าจะมีการบังคับเลี้ยวที่เฉียบคมมากยิ่งขึ้น แต่ยังใช้ขุมพลังเดียวกัน
เริ่มผลิตในจีนภายในปลายปีนี้ ตามมาด้วยโรงงานในอังกฤษ
คาดว่า Mini Aceman จะเริ่มจำหน่ายในจีน ยุโรป และสหราชอาณาจักร ภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเริ่มผลิตที่โรงงานในจีน ตามมาด้วยโรงงาน Oxford plant ในสหราชอาณาจักร ภายในปี 2026
ข่าว
26 เม.ย. 67
560
